สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 45
จขกท.เป็นลูก พอคุณพูดแบบนี้ออกมามันเลยดูไม่ดีสำหรับสังคมไทย ไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่จะคิดตรงข้ามกับคุณ เพราะคนเราถูกกรอกหูและใส่สมองมาตั้งแต่เด็กในเรื่องความกตัญญู มันแทรกอยู่ในบทเรียน ในทีวีและสิ่งแวดล้อม
ส่วนตัวเราอายุก็น่าจะเป็นแม่คุณได้ เราเห็นด้วยกับคุณ และเข้าใจว่าคุณรู้สึกยังไง คนเราปลูกพืชอย่างไรก็ได้ผลแบบนั้น
พ่อคุณทำให้คุณเกิดมาแต่ไม่ได้ให้ความรักความใส่ใจใส่ปุ๋ย จะมาหวังให้คุณรักและเคารพก็คงจะหวังมากไปหน่อย
ขนาดเรามีแม่ที่เลี้ยงเรามาแต่ก็ไม่หวังให้ลูกคนไหนมาเลี้ยง แม่เราแค่แอบภูมิใจเวลาลูกไม่ดื้อและมีงานดีเลี้ยงตัวเองได้
เราโตมาแบบนี้เราเลยคิดไม่ค่อยเหมือนชาวบ้าน (แต่เหมือนคุณ) เราว่าการให้กำเนิดไม่ใช่บุญคุณแบบที่ชอบทวง ๆ กัน
แต่เป็นการตัดสินใจของผัวเมียว่าจะมีลูก ที่จะได้ดูแลกันและต่างคนต่างรักกันดีต่อกัน แน่นอนเค้าต้องอยู่ในฐานะที่พร้อมจะมีด้วย
ไม่ใช่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินหรืออดก้อนกินเกลือเพื่อหามาให้ลูกเรียน ซึ่งพอลูกจบก็หมดแรงหมดตัวต้องรอลูกมาเลี้ยงต่อ
เราว่ามันจะดูดีมีค่าถ้ามันไม่ได้มาในรูปแบบชดใช้กันแบบนี้
สำหรับเรานั้นคิดอยู่ตลอด (สมัยสาว ๆ) ว่าถ้ามีลูกและเค้าโตขึ้น เราจะไม่พึ่งอะไรลูก และจะไม่ทำตัวงอแงขี้ใจน้อยต้องมีลูกหลานมาห้อมล้อม
หรือเข้าไปล้ำเส้นอะไรในชีวิตเค้า ที่สำคัญเราจะไม่ทุ่มเทเงินจนหมดตัวเพื่อลูก คือต่อให้เรามีเงินก็จะไม่ซื้อของเล่นแพง ๆ หรือทูนหัวให้ทุกอย่าง
อย่างที่เราเห็นพ่อแม่สมัยนี้มีเท่าไหร่ให้ลูกหมดจนเด็กมีนิสัยติดหรู เพราะเราก็มีชีวิตของเราเหมือนกัน ที่ต้องดูแลและให้รางวัลตัวเองยามแก่
ส่วนตัวเราอายุก็น่าจะเป็นแม่คุณได้ เราเห็นด้วยกับคุณ และเข้าใจว่าคุณรู้สึกยังไง คนเราปลูกพืชอย่างไรก็ได้ผลแบบนั้น
พ่อคุณทำให้คุณเกิดมาแต่ไม่ได้ให้ความรักความใส่ใจใส่ปุ๋ย จะมาหวังให้คุณรักและเคารพก็คงจะหวังมากไปหน่อย
ขนาดเรามีแม่ที่เลี้ยงเรามาแต่ก็ไม่หวังให้ลูกคนไหนมาเลี้ยง แม่เราแค่แอบภูมิใจเวลาลูกไม่ดื้อและมีงานดีเลี้ยงตัวเองได้
เราโตมาแบบนี้เราเลยคิดไม่ค่อยเหมือนชาวบ้าน (แต่เหมือนคุณ) เราว่าการให้กำเนิดไม่ใช่บุญคุณแบบที่ชอบทวง ๆ กัน
แต่เป็นการตัดสินใจของผัวเมียว่าจะมีลูก ที่จะได้ดูแลกันและต่างคนต่างรักกันดีต่อกัน แน่นอนเค้าต้องอยู่ในฐานะที่พร้อมจะมีด้วย
ไม่ใช่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินหรืออดก้อนกินเกลือเพื่อหามาให้ลูกเรียน ซึ่งพอลูกจบก็หมดแรงหมดตัวต้องรอลูกมาเลี้ยงต่อ
เราว่ามันจะดูดีมีค่าถ้ามันไม่ได้มาในรูปแบบชดใช้กันแบบนี้
สำหรับเรานั้นคิดอยู่ตลอด (สมัยสาว ๆ) ว่าถ้ามีลูกและเค้าโตขึ้น เราจะไม่พึ่งอะไรลูก และจะไม่ทำตัวงอแงขี้ใจน้อยต้องมีลูกหลานมาห้อมล้อม
หรือเข้าไปล้ำเส้นอะไรในชีวิตเค้า ที่สำคัญเราจะไม่ทุ่มเทเงินจนหมดตัวเพื่อลูก คือต่อให้เรามีเงินก็จะไม่ซื้อของเล่นแพง ๆ หรือทูนหัวให้ทุกอย่าง
อย่างที่เราเห็นพ่อแม่สมัยนี้มีเท่าไหร่ให้ลูกหมดจนเด็กมีนิสัยติดหรู เพราะเราก็มีชีวิตของเราเหมือนกัน ที่ต้องดูแลและให้รางวัลตัวเองยามแก่
ความคิดเห็นที่ 68
นี่คือความล้มเหลวของระบบสวัสดิการสังคมของประเทศเรา
คนสูงอายุไม่มีเงินบำนาญ ไม่มี pension plan ต้องรอหวังพึ่งลูกหลานให้เลี้ยงดู
แบบนี้หรือเปล่า ประเทศเราถึงต้องมีการสะกดจิตเรื่องบุญคุณอันยิ่งใหญ่มหาศาลของบุพการี
ว่ามันยิ่งใหญ่เหลือคณานับ ทดแทนกันไม่มีวันหมดสิ้นทั้งชาตินี้และชาติหน้า
รัฐบาลก็ช่วยประโคมค่านิยมนี้ เพราะไม่อยากจะรับภาระดูแลผู้สูงอายุที่ถูกทอดทิ้ง
จริงอยู่พ่อแม่มีบุญคุณมหาศาล แต่การมีลูกและเลี้ยงลูกให้ดีตามสมควรนั้นเป็นหน้าที่ และความผิดชอบ
และเป็นสิงที่พ่อแม่เต็มใจทำเพราะความรัก
ในประเทศตะวันตก การมีลูกถือเป็นการเติมเต็มชีวิตครอบครัว เขามองว่าการมีลูก คือการที่ได้อยู่เป็นครอบครัว
มีความสุขร่วมกันแบบพ่อแม่ลูกไประยะหนึ่ง จนลูกโต แล้วก็ต้องปล่อยให้ลูกมีชีวิตของเขาเองต่อไป
การย้ายออกจากบ้านเพื่อไปเรียนมหาวิทยาลัยถึงเป็นโมเมนต์ที่สำคัญมาก บางทีร้องไห้กันเสียมากมาย
เพราะมันเป็นสัญญานว่า ลูกจะไปแล้วนะ
คู่พ่อแม่เมื่อลูกไม่อยู่แล้ว ก็จะมีแผนว่าเกษียณอายุแล้วจะทำอะไร. ไปเที่ยวไหน จะใช้จ่ายอย่างไร
ให้มีชีวิตต่อไปได้อย่างสุขสบายตามสมควร และมีศักดิ์ศรี โดยไม่ต้องเป็นภาระให้คนอื่น
เขาไม่ได้หวังให้ลูกมาสร้างบ้านหรือให้เงินใช้กันไปตลอดชีวิตเพื่อทดแทนบุญคุณ.
พูดแบบนี้หลายคนอาจจะบอกว่า สังคมตะวันตกนั้นเย็นชา ไม่ดูแลกัน แต่ถ้าคุณได้มาอยู่จริงๆ
คุณก็จะเห็นว่า จริงๆแล้วเขาก็ดูแลกันตามสมควร พบปะสังสรรค์กัน มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นเหมือนเรา
(บางครอบครัวจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยที่แพงแสนแพงให้ลูกด้วยซ้ำ เพราะไม่อยากให้ลูกเป็นหนี้ ลำบาก)
เพียงแต่โดยทั่วไปเมื่อโตแล้ว ลูกก็ไม่เป็นภาระให้พ่อแม่ และพ่อแม่ก็ไม่เป็นภาระให้ลูก
แต่บ้านเรามันกลายเป็นว่า ผู้สูงอายุต้องรอหวังพึ่งลูกหลาน. ไม่สามารถอยู่ได้เองอย่างมีศักดิ์ศรี ซึ่งเราว่ามันสำคัญมากนะสำหรับมนุษย์ทุกคน
เพราะเราก็อยากรู้สึก ภาคภูมิใจ และมีคุณค่า ไม่ใช่ ลูกหลานเห็นแล้วต้องเบือนหน้าหนีว่ามาขอเงินอีกแล้ว
ลูกหลานที่เต็มใจเลี้ยงก็ดีไป แต่ที่ไม่เต็มใจก็ต้องอดทน จะทำไงได้คำว่า"บุญคุณมหาศาล" มันค้ำคออยู่
ได้แต่หวังว่าวันหนึ่งเมืองไทยจะมีระบบสวัสดิการ และ pension plans ที่มีประสิทธิภาพ ให้ผู้คนเลี้ยงดูตัวเองได้จริง
เพราะไอ้ที่มีอยู่ทุกวันนี้มันพอแค่ซื้อเกลือคลุกกับเข้ากินเท่านั้น
(เก็บภาษีเยอะๆก็ได้ ขอให้เมื่อแก่เฒ่าประชาชนในชาติได้อยู่อย่างสุขสบาย ไม่ต้องเครียด และกังวลว่าจะมีชีวิตต่อไปได้อย่างไร)
คนสูงอายุไม่มีเงินบำนาญ ไม่มี pension plan ต้องรอหวังพึ่งลูกหลานให้เลี้ยงดู
แบบนี้หรือเปล่า ประเทศเราถึงต้องมีการสะกดจิตเรื่องบุญคุณอันยิ่งใหญ่มหาศาลของบุพการี
ว่ามันยิ่งใหญ่เหลือคณานับ ทดแทนกันไม่มีวันหมดสิ้นทั้งชาตินี้และชาติหน้า
รัฐบาลก็ช่วยประโคมค่านิยมนี้ เพราะไม่อยากจะรับภาระดูแลผู้สูงอายุที่ถูกทอดทิ้ง
จริงอยู่พ่อแม่มีบุญคุณมหาศาล แต่การมีลูกและเลี้ยงลูกให้ดีตามสมควรนั้นเป็นหน้าที่ และความผิดชอบ
และเป็นสิงที่พ่อแม่เต็มใจทำเพราะความรัก
ในประเทศตะวันตก การมีลูกถือเป็นการเติมเต็มชีวิตครอบครัว เขามองว่าการมีลูก คือการที่ได้อยู่เป็นครอบครัว
มีความสุขร่วมกันแบบพ่อแม่ลูกไประยะหนึ่ง จนลูกโต แล้วก็ต้องปล่อยให้ลูกมีชีวิตของเขาเองต่อไป
การย้ายออกจากบ้านเพื่อไปเรียนมหาวิทยาลัยถึงเป็นโมเมนต์ที่สำคัญมาก บางทีร้องไห้กันเสียมากมาย
เพราะมันเป็นสัญญานว่า ลูกจะไปแล้วนะ
คู่พ่อแม่เมื่อลูกไม่อยู่แล้ว ก็จะมีแผนว่าเกษียณอายุแล้วจะทำอะไร. ไปเที่ยวไหน จะใช้จ่ายอย่างไร
ให้มีชีวิตต่อไปได้อย่างสุขสบายตามสมควร และมีศักดิ์ศรี โดยไม่ต้องเป็นภาระให้คนอื่น
เขาไม่ได้หวังให้ลูกมาสร้างบ้านหรือให้เงินใช้กันไปตลอดชีวิตเพื่อทดแทนบุญคุณ.
พูดแบบนี้หลายคนอาจจะบอกว่า สังคมตะวันตกนั้นเย็นชา ไม่ดูแลกัน แต่ถ้าคุณได้มาอยู่จริงๆ
คุณก็จะเห็นว่า จริงๆแล้วเขาก็ดูแลกันตามสมควร พบปะสังสรรค์กัน มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นเหมือนเรา
(บางครอบครัวจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยที่แพงแสนแพงให้ลูกด้วยซ้ำ เพราะไม่อยากให้ลูกเป็นหนี้ ลำบาก)
เพียงแต่โดยทั่วไปเมื่อโตแล้ว ลูกก็ไม่เป็นภาระให้พ่อแม่ และพ่อแม่ก็ไม่เป็นภาระให้ลูก
แต่บ้านเรามันกลายเป็นว่า ผู้สูงอายุต้องรอหวังพึ่งลูกหลาน. ไม่สามารถอยู่ได้เองอย่างมีศักดิ์ศรี ซึ่งเราว่ามันสำคัญมากนะสำหรับมนุษย์ทุกคน
เพราะเราก็อยากรู้สึก ภาคภูมิใจ และมีคุณค่า ไม่ใช่ ลูกหลานเห็นแล้วต้องเบือนหน้าหนีว่ามาขอเงินอีกแล้ว
ลูกหลานที่เต็มใจเลี้ยงก็ดีไป แต่ที่ไม่เต็มใจก็ต้องอดทน จะทำไงได้คำว่า"บุญคุณมหาศาล" มันค้ำคออยู่
ได้แต่หวังว่าวันหนึ่งเมืองไทยจะมีระบบสวัสดิการ และ pension plans ที่มีประสิทธิภาพ ให้ผู้คนเลี้ยงดูตัวเองได้จริง
เพราะไอ้ที่มีอยู่ทุกวันนี้มันพอแค่ซื้อเกลือคลุกกับเข้ากินเท่านั้น
(เก็บภาษีเยอะๆก็ได้ ขอให้เมื่อแก่เฒ่าประชาชนในชาติได้อยู่อย่างสุขสบาย ไม่ต้องเครียด และกังวลว่าจะมีชีวิตต่อไปได้อย่างไร)
ความคิดเห็นที่ 29
มีน้อยให้น้อยค่ะ เรื่องบ้าน ไม่ต้องเก็บมาคิด มีกำลังก็ทำ ไม่มีก็ไม่ต้อง
แต่ขออนุญาตนอกเรื่องนิดนึง อ่านไปแล้วก็คิดนะคะว่า ในขณะที่ลูกโตแล้วเห็นว่าพ่อแม่เป็นภาระ หาเงินได้ทำไมต้องแบ่งให้พ่อแม่ จะมีพ่อแม่คนไหนมั้ยนะ ที่อยากย้อนเวลากลับไป ตอนลูกเด็ก จะหาให้กินแค่ท้องอิ่ม ขนมฟุ่มเฟือยไม่ต้องซื้อ ของเล่นไม่ต้อง เสื้อผ้าแค่พอปิดกาย เรื่องเรียนคงไม่ต้องระบุตามที่ลูกชอบ แค่มีวุฒิการศึกษาขั้นต่ำในสถาบันที่ค่าเล่าเรียนถูกที่สุด จะได้เก็บเงินไว้เลี้ยงตัวตอนแก่ไม่ต้องเป็นภาระลูก ส่วนชีวิตลูกอนาคตของลูก ก็ให้ลูกไปสร้างเอาเอง ถึงตอนนั้นจะมีลูกมาตั้งกระทู้มั้ย ว่าพ่อแม่เห็นแก่ตัว
แต่ขออนุญาตนอกเรื่องนิดนึง อ่านไปแล้วก็คิดนะคะว่า ในขณะที่ลูกโตแล้วเห็นว่าพ่อแม่เป็นภาระ หาเงินได้ทำไมต้องแบ่งให้พ่อแม่ จะมีพ่อแม่คนไหนมั้ยนะ ที่อยากย้อนเวลากลับไป ตอนลูกเด็ก จะหาให้กินแค่ท้องอิ่ม ขนมฟุ่มเฟือยไม่ต้องซื้อ ของเล่นไม่ต้อง เสื้อผ้าแค่พอปิดกาย เรื่องเรียนคงไม่ต้องระบุตามที่ลูกชอบ แค่มีวุฒิการศึกษาขั้นต่ำในสถาบันที่ค่าเล่าเรียนถูกที่สุด จะได้เก็บเงินไว้เลี้ยงตัวตอนแก่ไม่ต้องเป็นภาระลูก ส่วนชีวิตลูกอนาคตของลูก ก็ให้ลูกไปสร้างเอาเอง ถึงตอนนั้นจะมีลูกมาตั้งกระทู้มั้ย ว่าพ่อแม่เห็นแก่ตัว
ความคิดเห็นที่ 4
เราเป็นผู้ใหญ่เหมือนกับพ่อแม่จขกท. และอายุคงมากกว่าด้วย... เราอ่านกระทู้ปัญหาการเงินของคนสูงวัยในไทยมาหลายกระทู้ ที่คนส่วนมากมีปัญหาตรงไม่มีเงินเก็บ และจัดการเงินน้อยๆไม่ได้ ส่วนมากไปหากู้มาใช้ มาโปะหนี้ทบหนี้ หรือไปซื้อของใช้ฟุ่มเฟือยคือมือถือ แท้บเบล็ท ฯลฯ
เราอยู่ต่างแดน เคยมีงานประจำทำ แต่หลังจากมีลูกๆเราลาออกมาเป้นแม่ฟูลทาม และต่อมามีงานทำแบบฟรีแล้นส์ สลับกับงานประจำมาได้สามปี และเพิ่งหยุดงาน ปัจจุบันว่างงาน... เราเก็บสะสมเงินที่หามาได้เผื่อใช้ฉุกเฉิน เราจำกัดงบประมาณการใช้จ่ายมาหลายปี... ทำให้เรามีเงินเก็บไว้จ่ายส่วนตัวและมีพอเพียงที่ช่วยลูกๆเราบ้าง เราไม่ใีมือถือรุ่นล่าสุด เราใช้มือถือที่ลูกเราโละไอโฟนเก่าให้เรามาใช้... ผู้ใหญ่ในไทยควรเปลี่ยนความคิดการปกครองตัวเองใหม่ ในเรื่องการจัดการเงิน ถึงแม้ว่ามีน้อยก็ควรใช้น้อย อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่มีมากกว่า
เราอยู่ต่างแดน เคยมีงานประจำทำ แต่หลังจากมีลูกๆเราลาออกมาเป้นแม่ฟูลทาม และต่อมามีงานทำแบบฟรีแล้นส์ สลับกับงานประจำมาได้สามปี และเพิ่งหยุดงาน ปัจจุบันว่างงาน... เราเก็บสะสมเงินที่หามาได้เผื่อใช้ฉุกเฉิน เราจำกัดงบประมาณการใช้จ่ายมาหลายปี... ทำให้เรามีเงินเก็บไว้จ่ายส่วนตัวและมีพอเพียงที่ช่วยลูกๆเราบ้าง เราไม่ใีมือถือรุ่นล่าสุด เราใช้มือถือที่ลูกเราโละไอโฟนเก่าให้เรามาใช้... ผู้ใหญ่ในไทยควรเปลี่ยนความคิดการปกครองตัวเองใหม่ ในเรื่องการจัดการเงิน ถึงแม้ว่ามีน้อยก็ควรใช้น้อย อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่มีมากกว่า
แสดงความคิดเห็น
พ่อแม่ไม่มีเงินเก็บ แล้วต้องมาเป็นภาระลูกหลาน มันคือสิ่งที่ควรจะเป็นหรอ?
คือขอเล่าที่มาที่ทำให้เกิดคำถามนี้ขึ้นมาในใจ แบบย่อนะคะ
คือเราถูกเลี้ยงมาโดยแม่คนเดียว ค่าใช้จ่ายของเราทุกอย่าง แม่เราเป็นคนออก
ส่วนพ่อเรา แทบไม่ได้เจอหน้ากันเลย ตั้งแต่เด็กพ่อกลับดึก(เราหลับแล้ว) ตอนเช้าเราออกไปรร.(พ่อยังไม่ตื่น)
จนช่วงเวลาเข้ามหาลัย ได้เรียนคณะที่นิยมเป็นอันดับต้นๆของมหาลัยชั้นแนวหน้า แล้วเราก็ได้เงินมรดกจากย่าประมาน 40000บาท
เราเอาเงินไปลงทุนกองทุน ก็ได้กำไรจากการลงทุนมาพอสมควร ส่วนหนึ่งเราก็ให้แม่ อีกส่วนเรากะจะเก็บไว้ต่อยอดการลงทุน
แต่พ่อเราเห็นเราให้เงินแม่ ก็มาขอเงินเรามั่ง เราก็ลังเลนะ แต่ก็ให้ไป สุดท้ายเราไม่เหลือเงินหมุนที่จะเอาไว้ลงทุนต่อ การลงทุนของเราจึงจบลง
และพ่อก็มักจะพูดกรอกหูเราเสมอว่า ตอนพ่อแก่ต้องเลี้ยงพ่อนะ (เหมือนจะฝากปั้นปลายชีวิต ไว้กับเรา)
พ่อ : พ่ออยากมีบ้านที่ต่างจังหวัด
เรา : เอาเงินที่ไหนซื้ออะ
พ่อ : เอาเงินลูกไง
เรา : ....
ความรู้สึกเราคือคุณไม่ได้เลี้ยงดูเรามา เรารู้สึกว่าเราไม่ได้รับความรักจากคุณ เรารู้สึกว่าคุณแตกต่างจากพ่อคนอื่น เราเจอหน้าคุณน้อยมาก เราต้องให้เงินคุณใช้หรอ??
คำถามที่เราอยากถามชาวพันทิปคือ
การที่พ่อแม่อายุ 50-60แล้ว ยังไม่มีเงินเก็บ ยังไม่มีเงินที่จะใช้บั้นปลายชีวิต แล้วต้องมาเป็นภาระลูกหลาน มันคือสิ่งที่ควรจะเป็นหรอ?
ทำไมถึงไม่เป็นแบบว่ามีเงินเก็บไม่ต้องรบกวนลูกหลาน ให้ลูกหลานได้ใช้เงินที่หามาได้สร้างเนื้อสร้างตัวเอง
คือเราคิดว่าคำถามนี้มองได้หลายแง่ งดดราม่าแรงๆนะ แค่อยากฟังมุมมอง
ส่วนตัวเราสำหรับแม่ เราพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณ ไม่ว่าจะเรื่องเงินหรือเรื่องอะไรก็ตาม
แต่สำหรับพ่อ ยังเป็นปัญหาอยู่ในใจเราว่าควรทำอย่างไงดี เราจะกำลังเรียนจบแล้ว อีกหน่อยก็มีเงินเดือน แต่เราไม่รู้เลยว่าควรแบ่งให้เค้ามั้ย?
ตอบความเห็น
สำหรับพ่อเรารู้สึกว่าในเมื่อเค้าไม่ได้ให้อะไรเราเลย ทำไมไม่เงินเก็บ ยังมาขอเราอีก
แม่เราเป็นคนพูดเองค่ะ ว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมด แม่เป็นคนออก พ่อไม่เคยช่วยอะไรเลย เราคิดว่าแม่อาจจะเหนื่อยเลยหลุดปากออกมา
พ่อเรามีการมีงานทำ มีเงินเดือน แต่เราไม่รู้ว่าเงินเดือนไปไหนหมด
สำหรับเราแล้ว พ่อไม่ได้ทำหน้าที่พ่อเลยค่ะ ทำอย่างเดียวคือให้เกิดมา
ส่วนเรื่องที่พ่อออกไปนอกบ้าน เค้าบอกค่ะว่าไปทำงาน แต่เราจับได้ว่าเค้าไม่ได้ไปทำงานจริงๆ ลายละเอียดขอไม่พูดนะคะ มันจะยาว
แม่จะบ่นเป็นประจำว่าพ่อยืมเงินแล้วยังไม่คืน
พ่อไม่ได้กินเหล้าเมายาค่ะ แต่ด่าทอแม่ก็มีบ้าง ไม่ถึงกับทุบตี
ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่ากินอยู่อีก ซื้อทีวี ซ่อมบ้าน ซื้อรถ ถ้าพ่อคุณออกในส่วนนี้ละ???? --> ขอตอบว่าไม่ออกค่ะ
ย่ากับปู่ เคยบ่นเรื่องลูกชาย (พ่อของคุณ) เรื่องเงินทอง ค่าใช้จ่ายหรือไม่?? --> ไม่เคยบ่นค่ะ ปู่ตายแล้ว ย่าให้เช่าตึกและทำโรงจอดรถกับพี่น้องย่า บางครั้งก็มาขอยืมเงินเรา เราก็ให้ไป และได้คืน
เราเก็บเงิน ขายของ แล้วก็ลงทุนกับพวกกองทุนบ้างค่ะ ถือพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง
ตอบครั้งที่2นะคะ
พ่อเราเป็นข้าราชการค่ะ ทำงานตามเวลาราชการ แต่ที่บอกว่าไม่รู้ว่าทำไปทำอะไร กะใครที่ไหน คือหมายถึงหลังเลิกงานค่ะ ราชการเลิกงาน16.30น. เมื่อก่อนเราเรียนมัธยมเค้าจะกลับบ้าน23.00++
แม่เรารายได้ประมาน 50000 บาทต่อเดือน และเหมือนจะมีหนี้อยู่ ส่วนนี้แม่ไม่ยอมบอกว่าเท่าไหร่ น่าจะไม่อยากให้เรากังวล
เวลาเราให้เงินแม่ แม่เราจะบอกว่าให้เก็บไว้ใช้ แต่เราก็บอกว่าให้แม่เก็บ จะใช้เดียวขอเอง ต่างกับพ่อ ที่ออกปากขอเงินเราบ่อยมาก
จริงๆที่อยากให้โฟกัสคือคำถามที่ว่า
ในเมื่อคุณยินดีที่จะมีลูก เข้าใจค่ะว่าการเลี้ยงลูกมันเหนื่อย แต่คุณมีลูกเพื่อหวังจะให้ลูกเลี้ยงตอนแก่หรอ?
จากคห.-64
ค่ะ ยอมรับว่าเล่าไม่หมด แล้วก็อาย
เราไม่แน่ใจนะคะว่าเรียกว่าสถานะอะไร
คือเค้าเคยแต่งงานกับป้า(เราเรียกว่าแบบนั้น)
แล้วที่เรารับรู้มาตั้งแต่เด็กคือเค้าเลิกกันแล้ว ค่อยมาแต่งกับแม่
แม่กับพ่อมีงานแต่ง แม่ได้สินสอด แม่เราสนิทกันดีกับย่า
แต่เราเพิ่งมารู้ทีหลังว่าเค้าไม่ได้เลิกกันเด็ดขาด ยังไปมาหาสู่กัน เพิ่งมารู้ตอนมัธยม ยอมรับว่าช็อคมากค่ะ
เค้าคงเอาเงินของเค้าไปให้บ้านนั้นมั้งค่ะ เราก็ไม่ทราบเหมือนกัน
แต่ลูกของป้า(พี่เรา)เรียนไม่จบ อายุประมาน25-26 แล้วก็เหมือนจะไม่ได้ทำงานอะไรจริงจัง (ส่วนนี้เราไม่ค่อยแน่ใจนะคะ เพราะไม่สนิทกัน)
เค้าคงจะมาฝากผีฝากไข้กับเราแทนมั้ง เราเดาเอานะคะ