ออกตัวก่อนนะคะว่าเป็นครั้งแรกที่เขียนรีวิวทริป และเนื่องจากลุยเดี่ยว เลยไม่เน้นถ่ายรูป แต่เน้นที่เนื้อหาสำหรับคนที่หาข้อมูลไปเที่ยวแบบสั้นๆ
วันแรก
เครื่องแอร์เอเชีย XJ606 ไปลงที่นาริตะประมาณหนึ่งทุ่ม จากนั้นซื้อตั๋วไปกลับ Skyliner (นาริตะ-Ueno-นาริตะ) + 3day Unlimitted pass ของ Tokyo Metro and Toei subway lines ซึ่งอันนี้ต้องซื้อตั๋ว JR line เพิ่มต่างหากประมาณ 160 เยน เพื่อไปลงสถานี Sugamo (Mita line) จากนั้นจึงต่อไปลงที่สถานี Jimbocho ที่เราพัก ซึ่งเป็นย่านดังของหนังสือมือสอง
เราจองแบบเพคเกจ พักที่ Sakura Hotel Jimbocho เป็นแบบห้องเดี่ยวเล็กๆ พอยัดกระเป๋าขนาดเคบินเข้าไปได้ ห้องน้ำรวม ซึ่งแยกห้องส้วม ห้องอาบน้ำ และอ่างล้างหน้าออกจากกัน มีแถมอาหารเช้าให้ด้วย ประมาณขนมปังปิ้ง ซุป กาแฟ น้ำส้ม
ไฮไลน์อยู่่ตรงวันที่สอง ที่เราได้จองทัวร์จากเวป JAPANiCAN.com เป็นทัวร์หนึ่งวัน ไปฟูจิ-ทะเลสาปอาชิ-ขึ้นกระเช้าที่ Hakone-กลับโดยรถไฟชินกันเซง ตอนจองเรานัดไปขึ้นรถทัวร์ Hato Bus ที่สถานีชิบูย่า East side ตามลิสท์ที่มีในเวป เพราะเราคิดว่ามันใกล้ที่สุดจากที่พัก
ปรากฏว่าตอนไป เนื่องจากกระเหรี่ยงเข้าเมืองครั้งแรก ดูๆมีแต่ป้ายบอกทาง West side อิฉันก็เดินย้อนไปมา ทางออกซอยโน้นซอยนี้ มีเป็นสิบยี่สิบ เลยต้องหันไปหาเจ้าหน้าที่สถานี ที่คอยช่วยเหลือดี แม้จะสื่อสารกันได้บ้างไม่ได้บ้าง
เดินตรง เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา บลาบลา สุดท้าย ตอนดิฉันเดินออกมา อยู่ๆก็เห็นรถทัวร์คันใหญ่สีเหลืองๆ เขียนว่า Hato Bus มันวิ่งผ่านหน้าไป ทำยังไงดีละทีนี้ ตกรถซะแล้ว เงินก็จ่ายไปหมดแล้ว ก็รีบๆค้นหารายละเอียดที่เราพิมพ์ออกมา เจอเบอร์โทร โชคดีที่เราเปิด roamingไว้กับ Dtac ก่อนไป เลยอุ่นใจได้ว่าติดต่อได้ไม่มีปัญหา (คือมันสำคัญจริงๆ สำหรับคนที่เดินทาง แล้วไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง อย่างน้อยถ้ามีอินเตอร์เนต สามารถโทรติดต่อโน่นนี่ได้ มันช่วยเราได้สุดๆ) เจอคนรับสายทักทายภาษาญี่ปุ่น เราก็บลาบลา อิฉันตกรถ เห็นรถวิ่งผ่านหน้าไป วิ่งตามไปไม่ทัน ช่วยอิฉันที่ ทำไงดี
เธอก็ขอรหัสการจอง แล้วให้เรารอ ต่อสาย ก็มีเสียงผู้หญิงมารับ เป็นเบอร์ที่ไทยด้วยแฮะ ให้เรานั่งJR ไปลงที่ Hamamatsucho station ภายในเก้าโมง เราก็วิ่งหน้าตั้งอีกรอบ พอได้หายใจหายคอตอนขึ้นรถแล้ว ไปลงสถานี แล้วก็ติดต่อไปที่เบอร์นั้นอีก ต้องออกไปที่นี่ เจอ World trade เดินลง บลาบลา
สรุปสถานีนี้เป็นจุดพักรวมก่อนที่รถจะออก มีทั้งหมดเจ็ดคันรถในทริปนี้ ได้ยินลูกทัวร์พูดกันตอนรอเข้าห้องน้ำ ว่าทัวร์นี้เค้าว่า ดีทีเดียว เป็นอันว่าเราดีใจมากที่มาทัน พอขึ้นรถ คันเราเป็นคันที่สาม ไกท์เป็นผู้หญิง เธอแนะนำตัวว่า ชื่อ มิกิ (เหมือนมิกกี้เมาส์) ตลกอะ แล้วก็เล่าสถานที่ที่ผ่านตลอดทาง เธอว่าต้นไม้ใบสีเหลืองๆอร่ามให้เห็นตลอดทางนั้น มันคือต้นแปะก๊วย ที่ญี่ปุ่นมีต้นนี้เต็มไปหมด (มิน่าคนญี่ปุ่นถึงได้ฉลาด)
เดิมตารางว่าเราอาจได้ขึ้นไปที่ สถานีที่ห้า ซึ่งจะขึ้นไปที่ฟูจิได้สูงสุด แต่เอาจริงด้วยสภาพทาง และความปลอดภัย เราขึ้นได้แค่ที่สถานีที่สาม ณ ความสูง 2020 เมตร (ฟูจิสูง 3776 เมตร) พอลงมาเราก็ไปกินกลางวันที่ร้านอาหารใหม่ ตกแต่งแบบนินจา แล้วไปนั่งเรือที่ทะเลสาบอาชิ แล้วขึ้นกระเช้าต่อที่ Hakone ตอนที่เราขึ้นไปหมอกเริ่มลง ลมแรง และอากาศเย็นจนควันออกจากปาก เลยไม่ได้อยู่นาน...ขากลับเราเลือกนั่งชินกันเซง คือตอนได้ยินเสียง ถึงเข้าใจได้เลย รถกำลังแรงมากจริงๆ ตื่นเต้นมาก จบไฮไลน์ของวันนี้ เราขอแนะนำทัวร์ที่นี่เลย ว่าสะดวก มีให้เลือกหลากหลาย เหมาะมากกับคนที่อยากจัดการการเดินทางด้วยตัวเองได้
วันต่อมา เราไปที่อาซากุสะ ไหว้พระ กับเดินเล่นที่ Ameyoko (ตรง Ueno) กับ Omotesando (แถว Shibuya) เดินขาเมื่อยมากที่ Omotesando ซึ่งเป็นถนนสายยาวมีร้านรวงหรูหราตลอดสาย คนหน้าตาดีๆเดินกันขวักไขว่ เป็นครั้งแรกที่เราเห็นว่าผู้ชายญี่ปุ่นหล่อ หน้าตาดีมากอะ สำหรับขาช๊อปน่าไปเดินค่ะ (ต้องดูราคานิดนึง) เราแค่ไปเดินเก็บบรรยากาศโตเกียวเมืองหลวงหลักแห่งหนึ่งของโลก
จากทริปนี้ เราได้เห็นเลยว่าคนที่นั่นมีมาตรฐานการใช้ชีวิตดีมาก มีที่กินที่ทิ้ง เป็นที่เป็นทาง ถังขยะไม่ค่อยมี เพราะคนเค้าจะมีถุงไว้เก็บขยะในกระเป๋า แล้วไปหาที่ทิ้ง เช่นที่บ้าน หรือถังขยะให้แยกทิ้ง ไม่มีการกินแล้วทิ้งไปทั่ว ที่ทางสะอาดสะอ้าน งดงาม
ขอจบรีวิวไว้แค่นี้ก่อนนะคะ ขอให้มีความสุขกับการเดินทางค่ะ
[CR] ครั้งแรก 4วัน 3คืน ที่โตเกียว
วันแรก
เครื่องแอร์เอเชีย XJ606 ไปลงที่นาริตะประมาณหนึ่งทุ่ม จากนั้นซื้อตั๋วไปกลับ Skyliner (นาริตะ-Ueno-นาริตะ) + 3day Unlimitted pass ของ Tokyo Metro and Toei subway lines ซึ่งอันนี้ต้องซื้อตั๋ว JR line เพิ่มต่างหากประมาณ 160 เยน เพื่อไปลงสถานี Sugamo (Mita line) จากนั้นจึงต่อไปลงที่สถานี Jimbocho ที่เราพัก ซึ่งเป็นย่านดังของหนังสือมือสอง
เราจองแบบเพคเกจ พักที่ Sakura Hotel Jimbocho เป็นแบบห้องเดี่ยวเล็กๆ พอยัดกระเป๋าขนาดเคบินเข้าไปได้ ห้องน้ำรวม ซึ่งแยกห้องส้วม ห้องอาบน้ำ และอ่างล้างหน้าออกจากกัน มีแถมอาหารเช้าให้ด้วย ประมาณขนมปังปิ้ง ซุป กาแฟ น้ำส้ม
ไฮไลน์อยู่่ตรงวันที่สอง ที่เราได้จองทัวร์จากเวป JAPANiCAN.com เป็นทัวร์หนึ่งวัน ไปฟูจิ-ทะเลสาปอาชิ-ขึ้นกระเช้าที่ Hakone-กลับโดยรถไฟชินกันเซง ตอนจองเรานัดไปขึ้นรถทัวร์ Hato Bus ที่สถานีชิบูย่า East side ตามลิสท์ที่มีในเวป เพราะเราคิดว่ามันใกล้ที่สุดจากที่พัก
ปรากฏว่าตอนไป เนื่องจากกระเหรี่ยงเข้าเมืองครั้งแรก ดูๆมีแต่ป้ายบอกทาง West side อิฉันก็เดินย้อนไปมา ทางออกซอยโน้นซอยนี้ มีเป็นสิบยี่สิบ เลยต้องหันไปหาเจ้าหน้าที่สถานี ที่คอยช่วยเหลือดี แม้จะสื่อสารกันได้บ้างไม่ได้บ้าง
เดินตรง เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา บลาบลา สุดท้าย ตอนดิฉันเดินออกมา อยู่ๆก็เห็นรถทัวร์คันใหญ่สีเหลืองๆ เขียนว่า Hato Bus มันวิ่งผ่านหน้าไป ทำยังไงดีละทีนี้ ตกรถซะแล้ว เงินก็จ่ายไปหมดแล้ว ก็รีบๆค้นหารายละเอียดที่เราพิมพ์ออกมา เจอเบอร์โทร โชคดีที่เราเปิด roamingไว้กับ Dtac ก่อนไป เลยอุ่นใจได้ว่าติดต่อได้ไม่มีปัญหา (คือมันสำคัญจริงๆ สำหรับคนที่เดินทาง แล้วไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง อย่างน้อยถ้ามีอินเตอร์เนต สามารถโทรติดต่อโน่นนี่ได้ มันช่วยเราได้สุดๆ) เจอคนรับสายทักทายภาษาญี่ปุ่น เราก็บลาบลา อิฉันตกรถ เห็นรถวิ่งผ่านหน้าไป วิ่งตามไปไม่ทัน ช่วยอิฉันที่ ทำไงดี
เธอก็ขอรหัสการจอง แล้วให้เรารอ ต่อสาย ก็มีเสียงผู้หญิงมารับ เป็นเบอร์ที่ไทยด้วยแฮะ ให้เรานั่งJR ไปลงที่ Hamamatsucho station ภายในเก้าโมง เราก็วิ่งหน้าตั้งอีกรอบ พอได้หายใจหายคอตอนขึ้นรถแล้ว ไปลงสถานี แล้วก็ติดต่อไปที่เบอร์นั้นอีก ต้องออกไปที่นี่ เจอ World trade เดินลง บลาบลา
สรุปสถานีนี้เป็นจุดพักรวมก่อนที่รถจะออก มีทั้งหมดเจ็ดคันรถในทริปนี้ ได้ยินลูกทัวร์พูดกันตอนรอเข้าห้องน้ำ ว่าทัวร์นี้เค้าว่า ดีทีเดียว เป็นอันว่าเราดีใจมากที่มาทัน พอขึ้นรถ คันเราเป็นคันที่สาม ไกท์เป็นผู้หญิง เธอแนะนำตัวว่า ชื่อ มิกิ (เหมือนมิกกี้เมาส์) ตลกอะ แล้วก็เล่าสถานที่ที่ผ่านตลอดทาง เธอว่าต้นไม้ใบสีเหลืองๆอร่ามให้เห็นตลอดทางนั้น มันคือต้นแปะก๊วย ที่ญี่ปุ่นมีต้นนี้เต็มไปหมด (มิน่าคนญี่ปุ่นถึงได้ฉลาด)
เดิมตารางว่าเราอาจได้ขึ้นไปที่ สถานีที่ห้า ซึ่งจะขึ้นไปที่ฟูจิได้สูงสุด แต่เอาจริงด้วยสภาพทาง และความปลอดภัย เราขึ้นได้แค่ที่สถานีที่สาม ณ ความสูง 2020 เมตร (ฟูจิสูง 3776 เมตร) พอลงมาเราก็ไปกินกลางวันที่ร้านอาหารใหม่ ตกแต่งแบบนินจา แล้วไปนั่งเรือที่ทะเลสาบอาชิ แล้วขึ้นกระเช้าต่อที่ Hakone ตอนที่เราขึ้นไปหมอกเริ่มลง ลมแรง และอากาศเย็นจนควันออกจากปาก เลยไม่ได้อยู่นาน...ขากลับเราเลือกนั่งชินกันเซง คือตอนได้ยินเสียง ถึงเข้าใจได้เลย รถกำลังแรงมากจริงๆ ตื่นเต้นมาก จบไฮไลน์ของวันนี้ เราขอแนะนำทัวร์ที่นี่เลย ว่าสะดวก มีให้เลือกหลากหลาย เหมาะมากกับคนที่อยากจัดการการเดินทางด้วยตัวเองได้
วันต่อมา เราไปที่อาซากุสะ ไหว้พระ กับเดินเล่นที่ Ameyoko (ตรง Ueno) กับ Omotesando (แถว Shibuya) เดินขาเมื่อยมากที่ Omotesando ซึ่งเป็นถนนสายยาวมีร้านรวงหรูหราตลอดสาย คนหน้าตาดีๆเดินกันขวักไขว่ เป็นครั้งแรกที่เราเห็นว่าผู้ชายญี่ปุ่นหล่อ หน้าตาดีมากอะ สำหรับขาช๊อปน่าไปเดินค่ะ (ต้องดูราคานิดนึง) เราแค่ไปเดินเก็บบรรยากาศโตเกียวเมืองหลวงหลักแห่งหนึ่งของโลก
จากทริปนี้ เราได้เห็นเลยว่าคนที่นั่นมีมาตรฐานการใช้ชีวิตดีมาก มีที่กินที่ทิ้ง เป็นที่เป็นทาง ถังขยะไม่ค่อยมี เพราะคนเค้าจะมีถุงไว้เก็บขยะในกระเป๋า แล้วไปหาที่ทิ้ง เช่นที่บ้าน หรือถังขยะให้แยกทิ้ง ไม่มีการกินแล้วทิ้งไปทั่ว ที่ทางสะอาดสะอ้าน งดงาม
ขอจบรีวิวไว้แค่นี้ก่อนนะคะ ขอให้มีความสุขกับการเดินทางค่ะ