"เมตตาบารมี"
- เมตตา คือ ความไม่โกรธ
- กรุณา คือ ความไม่เบียดเบียน
"เมตตา" คือ "ภาวะของจิตใจที่มีเยื่อใยไมตรีจิตมิตรใจ
คิดเกื้อกูลด้วยสุขประโยชน์ ปราศจากอาฆาตพยาบาท"
ขึ้งเคียดโกรธแค้น แสดงออกทางสีหน้าและสายตาที่สงบแช่มชื่น
มองด้วยสายตาอันแสดงถึงใจที่เอิบอาบด้วยด้วยความปรารถนาดี
ให้มีความสุข ปราศจากความมุ่งร้าย ที่เป็นเวรเป็นภัยทั้งปวง
"เมตตา" นี้เป็นพรหมวิหารธรรมข้อหนึ่ง "ที่พึงอบรมให้มีขึ้นในจิต"
วิธีอบรมคือ
"ระวังใจมิให้โกรธแค้น ขัดเคือง อาฆาตพยาบาท"
เมื่อภาวะของจิตเช่นนั้นเกิดขึ้น ก็พยายามสงบระงับเสีย
"โดยตัวเองรักสุข ต้องการสุขฉันใด คนอื่นสัตว์อื่นทั้งปวง ก็ฉันนั้น"
"เมื่อทำความสงบพยาบาท กระทำไมตรีจิตมิตรใจให้เกิดขึ้นได้แล้ว
ก็หัดแผ่จิตเช่นนี้ ออกไปแก่คนอื่นสัตว์อื่น โดยเจาะจง หรือโดยไม่เจาะจงทั่วไป"
โดยใจคิดปรารถนาสุขประโยชน์ เช่น คิดว่า "จงอย่ามีเวร อย่ามีความเบียดเบียน
อย่ามีทุกข์ จงมีความสุข รักษาตนให้มีความสุขสวัสดี" .. "
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
เมตตาบารมี (สมเด็จพระญาณสังวร)
"เมตตาบารมี"
- เมตตา คือ ความไม่โกรธ
- กรุณา คือ ความไม่เบียดเบียน
"เมตตา" คือ "ภาวะของจิตใจที่มีเยื่อใยไมตรีจิตมิตรใจ
คิดเกื้อกูลด้วยสุขประโยชน์ ปราศจากอาฆาตพยาบาท"
ขึ้งเคียดโกรธแค้น แสดงออกทางสีหน้าและสายตาที่สงบแช่มชื่น
มองด้วยสายตาอันแสดงถึงใจที่เอิบอาบด้วยด้วยความปรารถนาดี
ให้มีความสุข ปราศจากความมุ่งร้าย ที่เป็นเวรเป็นภัยทั้งปวง
"เมตตา" นี้เป็นพรหมวิหารธรรมข้อหนึ่ง "ที่พึงอบรมให้มีขึ้นในจิต"
วิธีอบรมคือ "ระวังใจมิให้โกรธแค้น ขัดเคือง อาฆาตพยาบาท"
เมื่อภาวะของจิตเช่นนั้นเกิดขึ้น ก็พยายามสงบระงับเสีย
"โดยตัวเองรักสุข ต้องการสุขฉันใด คนอื่นสัตว์อื่นทั้งปวง ก็ฉันนั้น"
"เมื่อทำความสงบพยาบาท กระทำไมตรีจิตมิตรใจให้เกิดขึ้นได้แล้ว
ก็หัดแผ่จิตเช่นนี้ ออกไปแก่คนอื่นสัตว์อื่น โดยเจาะจง หรือโดยไม่เจาะจงทั่วไป"
โดยใจคิดปรารถนาสุขประโยชน์ เช่น คิดว่า "จงอย่ามีเวร อย่ามีความเบียดเบียน
อย่ามีทุกข์ จงมีความสุข รักษาตนให้มีความสุขสวัสดี" .. "
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก