กัมพูชา บูชากรรม (ภาคผนวก) แผ่นทองหลังองค์พระปฏิมา

กัมพูชา บูชากรรม
(ภาคผนวก)

แผ่นทองหลังองค์พระปฏิมา


ข้อมูลนี้เป็นการนำเอาเรื่องราวของความขัดเเย้งในการเมืองประเทศกัมพูชาและนำเสนอข้อมูลทางทหาร โดยมิได้มีเจตนาเพื่อการปลุกปั่นหรือยุยงให้เกิดความแตกแยกใดใด ภาพหรือข้อมูลต่อไปนี้ มีเนื้อหารุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมด้วยตรับ

        เหตุการณ์เขมรแดงบุกโจมตีบ้านน้อยป่าไร่ เกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ภายหลังจากที่เขมรแดงได้บุกถล่ม บ้านหนองดอและกกค้อ ของคืนวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2520 โดยกองกำลังเขมรแดงจำนวนกว่า 100 คน ซึ่งติดอาวุธหนัก ได้ข้ามพรมแดนเข้าปล้นสดมภ์หมู่บ้านชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังจากที่ฆ่าพลเรือนไทยและเผาทำลายหมู่บ้านหนองดอและกกค้อเรียบร้อยแล้ว กองกำลังเขมรแดงนับร้อย ได้บุกเข้าล้อมหมู่บ้านน้อยป่าไร่ แต่หมู่บ้านแห่งนี้ไม่มีพลเรือนอาศัยอยู่แล้ว เป็นเพียงหมู่บ้านร้าง ซึ่งมีแต่เพียง ตชด. 18 นายเท่านั้น ที่ประจำอยู่ยังฐานปฏิบัติการย่อย ภายหลังจากที่เขมรแดงเข้าล้อมหมู่บ้านไว้อย่างเบ็ดเสร็จแล้ว จึงเปิดฉากยิงเข้าใส่ฐานย่อยของ ตชด. ทันที การปะทะกันในเวลานั้นทวีความดุเดือดมากยิ่งขึ้น เมื่อกองกำลังเขมรแดงเริ่มส่งกำลังเข้าโอบล้อมฐานย่อยเข้ามา ในลักษณะรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว โดยเปิดทางไว้เพียงด้านที่หันไปยังชายแดนเขมร นัยย์ว่า ต้องการบีบให้ ตชด. ทั้ง 18 นาย ถอนกำลังออกจากฐาน และมุ่งไปยังชายแดนฝั่งเขมรแทน เพื่อทำการล้อมปราบให้สิ้นซาก แต่ฝ่าย ตชด. ซึ่งยังอยู่ในชัยภูมิที่ได้เปรียบกว่า เร่งอัดกระสุนสงครามเข้าใส่เป้าหมายที่เห็นไหวๆ อยู่ในแนวป่าอย่างเต็มสามารถ ในขณะที่กองกำลังเขมรแดงหลายคนถูกยิงและบางส่วนพยายามลากเพื่อนของมันกลับสู่แนวหลังคืน การปะทะกันในรอบแรกนี้ กินระยะเวลานนานกว่า 20 นาที ฝ่ายเขมรแดงซึ่งเสียเปรียบจึงล่าถอยออกไป ในขณะที่ฝ่าย ตชด. ได้วิทยุแจ้งไปยังหน่วยเหนือ เพื่อขอกำลังเข้าสมทบเป็นการด่วน เพราะจากการประเมินกำลังฝ่ายข้าศึก ซึ่งมีกำลังพลมากกว่าหลายเท่าตัว เชื่อว่าเขมรแดงต้องส่งกำลังเข้าจู่โจมอีกเป็นแน่แท้ ซึ่งในระหว่างที่ ตชด.ไทย ได้วิทยุแจ้งขอกำลังเพิ่มนั้น เหล่า ตชด. ได้ทำการตรวจเช็คกำลังพล ซึ่งได้รับบาดเจ็บหลายนาย แต่มีเพียง จสต. ภิรมย์ แก้ววรรณา ผู้เดียวที่ถูกคมกระสุนเขมรเสียชีวิตทันทีในบังเกอร์นั้น
        เวลาผ่านไปเพียงชั่วอึดใจเดียว ซึ่งก็เป็นไปตามที่คาดหมายไว้จริง ทหารเขมรแดงได้ส่งกำลังเข้าปิดล้อมฐานอีกครั้ง และคราวนี้ดูท่าว่าฝ่าย ตชด. ไทยเริ่มเสียเปรียบอย่างมาก ด้วยกำลังพลที่มีน้อยกว่า ทำให้เขมรแดงส่งกำลังเข้าประชิดฐานมากกว่าเดิม ในขณะเดียวกัน ทางด้าน พตท. สมนึก พลสิทธิ์ ผกก.ตชด.เขต2 ได้ส่งกำลัง ตชด.พร้อมรถหุ้มเกราะล้อยางแบบ V-150 เข้าสมทบ โดยมี สตอ. ดาบศึก ชีวะโต เป็นหัวหน้ากู้ภัย

(สภาพหมู่บ้าน ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งภายหลังจากที่กองกำลังเขมรแดงเข้าปล้นสดมภ์แล้ว ยังทำการจุดไฟเผาทั้งหมู่บ้าน)

เส้นทางที่มุ่งไปยังบ้านน้อยป่าไร่นั้น มีเพียงเส้นทางเดียว สองข้างทางยังเต็มไปด้วยป่ารกชัฏ ในขณะที่รถหุ้มเกราะวิ่งมาได้เพียง 20 นาที จวนจะถึงหมู่บ้านแรก คือหมู่บ้านกกค้อนั่น พลขับรถเริ่มสังเกตุเห็นเปลวไฟที่พวยพุ่งออกจากแนวหมู่บ้าน แสงไฟที่สะท้อนความร้อนแดงๆนั้นตัดกับความมืดจนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน กลิ่นควันไฟและไอสงครามยังคงลอยตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ ยิ่งเข้าใกล้ ใจยิ่งสุดระทึก ในขณะที่ตำรวจกล้าในรถหุ้มเกราะเตรียมพร้อมกับศึกที่รออยู่ข้างหน้านั้น ทหารเขมรแดงซึ่งดักรออยู่ในป่าสองข้างทาง จัดกระสุนและอาวุธหนักยิงประเคนเข้าใส่รถทันที ในขณะที่พลขับเหยียบเร่งเครื่องสุดตีน ไม่สนใจที่จะยิงปะทะโต้ตอบแต่อย่างใด เพราะจุดมุ่งหมายเดียว คือ เพื่อนตำรวจที่อยู่ในฐานบ้านน้อยป่าไร่

(สภาพรถเกราะล้อยาง ที่เหยียบเข้ากับทุ่นระเบิดต่อต้านยานพาหนะของเขมรแดงซึ่งวางดักไว้ แรงระเบิดทำให้เพลาล้อขาด )

ในระหว่างที่รถเหล็กสีเขียวทึมของ ตชด. วิ่งฝ่ากระสุนและความมืดมาด้วยความเร็วสูงนั้น พลันเหยียบเข้าอย่างจังกับทุ่นระเบิดทำลายยานพาหนะ แบบ TMN-46 ซึ่งเขมรแดงได้วางดักรอไว้แล้ว ด้วยแรงระเบิดทำลายอานุภาพสูงนั้น อัดเอาเศษดินและเพลาล้อจนขาดสะบั้น ส่งผลให้ล้อหลังซ้ายถูกแรงอัดลอยหายเข้าไปในความมืด ในขณะที่ตำรวจกล้าในรถหุ้มเกราะปลอดภัยทุกนาย เมื่อทุกคนตั้งสติได้จึงรีบกระโดนลงจากรถ และมุดเข้าไปอยู่ยังหลุมระเบิดและใช้รถหุ้มเกราะเป็นบังเกอร์กันกระสุนแทน พลประจำปืนกลับเข้าประจำที่พร้อมๆกับกระชากคันส่งกระสุนขึ้นรังเพลิง ทุกคนอยู่ในท่าเตรียมพร้อมรบ จากนั้นการปะทะกันอีกจุดหนึ่งระหว่าง ตชด.ประจำรถถังกับเขมรแดงก็เกิดขึ้น


(เครื่องบินตรวจการณ์ หมายเลข 1603)


ในระหว่างที่การปะทะกันสองจุดในป่าชายแดน เริ่มทวีความดุเดือนมากยิ่งขึ้น เครื่องบินตรวจการณ์ หมายเลข 1603 ที่บัดนี้แปรสภาพมาเป็นเครื่องบินโจมตี ได้ถูกส่งไปยังแนวหน้าโดยติดปืนกลที่ดูเก่าคร่ำครึโบราณ กำลังสนับสนุนกลุ่มสุดท้ายทางอากาศ ภายใต้การนำของ พตท. วาริชัย สุริยกุล ณ อยุธยา ต้องบินเครื่องโดยดับไฟทั้งลำมุ่งตรงไปยังบ้านน้อยป่าไร่ ซึ่งขณะนั้นเขมรได้เริ่มจุดไฟเผารอบหมู่บ้าน โดยหวังจะให้กำลังรบฝ่าย ตชด.ไทย ที่เหลือเพียง 17 นายตกอยู่ในกองเพลิง ในเวลาเดียวกันทาง ตชด.ประจำรถถังซึ่งยิงสู้กับศัตรูอีกจุดหนึ่ง และพยายามตรึงกำลังของข้าศึกไว้ ได้แจ้งวิทยุให้เครื่องบินเข้าช่วยเหลือเพื่อนตำรวจยังฐานย่อยแทน เมื่อเครื่องบินตรวจการณ์โจมตีมาถึงยังฐานย่อยแล้ว พตท.วาริชัย ซึ่งทำหน้าที่พลปืนได้ยิงกราดลงมายังจุดที่เขมรซ่อนตัวอยู่ตามพิกัดที่ ตชด.ฐานย่อยได้แจ้งให้ทราบ แต่ปืนกลเจ้ากรรมเกิดขัดลำกล้องเอาดื้อๆ ทำให้ต้องบินกลับมายังฐานบังคับการเพื่อเปลี่ยนปืนกระบอกใหม่ โดยเปลี่ยนสลับใช้ปืนกลจากรถหุ้มเกราะซึ่งจอดเสียอยู่มาร่วมเดือน หลังจากอาวุธพร้อมสรรพแล้ว เครื่องบินโจมตีฉุกเฉินลำนี้ก็ทะยานขึ้นเวหาอีกครั้ง มุ่งหน้าสู่ฐานย่อยพร้อมกับอัดกระสุนสงครามอานุภาพสูงเข้าแนวป่าด้านล่าง ปังปังปังๆๆๆๆ แสงจากกระสุนส่องวิถีสีส้มแดงพุ่งตัดลงจากขอบฟ้าในยามค่ำคืน ดูสวยแต่อันตรายอย่างยิ่ง เสียงแผดจากกระสุนปืนกลหนักที่คำรามลั่นท้องฟ้า ทำเอาเขมรแดงใจตกขวัญหนีจนต้องล่าถอยกลับไปยังชายแดนอีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่ ตชด.ไทยปลอดภัยทุกนาย คงมีแต่เพียง จสต.ภิรมย์ เท่านั้นที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะดังกล่าว

(หน่วยกู้ภัยขณะลำเลียงศพ จสต. ภิรมย์ แก้ววรรณา ออกจากจุดเกิดเหตุ)

เด็กๆที่ต่างตื่นเต้นเมื่อได้เห็น ฮ. อย่างใกล้ชิด

เจ้าหน้าที่ตรวจดูสภาพศพเหยื่อที่ถูกสังหาร ซึ่งนอนกระจัดกระจายเกลื่อนรอบนอกของหมู่บ้าน เป็นภาพที่น่าสลดและสังเวชใจยิ่งนัก



รุ่งเช้าของวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2520 พล.ต.ท มนต์ชัย พันธ์คงชื่น อธิบดีกรมตำรวจ พร้อมคณะผู้ตรวจการณ์และชุดกำลังอาสาสมัครเข้าเคลียร์พื้นที่ และชุดกำลังเสริมจากพื้นที่ใกล้เคียงเข้าสมทบ ได้ทำการกู้ศพตำรวจกล้านำกลับมายังแนวหลัง ทั้งนี้จากการเข้าเคลียร์พื้นที่ปะทะและบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุ พบศพทหารเขมรแดง 1 ราย นอนคว่ำหน้าเสียชีวิต อยู่ไม่ห่างจากบังเกอร์ของฐานย่อยเท่าใดนัก ในขณะเดียวกัน ที่บ้านหนองดอ มีผู้เสียชีวิต 21 ศพ ที่บ้านกกค้อ มีผู้เสียชีวิต 8 ศพ ชาวบ้านผู้รอดชีวิตและชาวบ้านอื่นๆที่อาศัยอยู่ตามริมชายแดน ได้หนีอพยพเข้ามายังตัวเมืองอรัญประเทศ โดยเข้าอาศัยอยู่ในศาลาวัดเสียเป็นส่วนใหญ่ เพียงไม่กี่วันหลังเกิดเหตุ นายธานินทร์ กรัยวิเชียร นายกรัฐมนตรี ในสมัยนั้นได้รุดเดินทางเข้าเยี่ยมชาวบ้าน และ ตชด. ที่อรัญประเทศ และทางรัฐบาลไทยได้เข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุภัยสงคราม ทั้งนี้ยังเพิ่มมาตรการป้องกันเหตุร้าย ซึ่งอาจเกิดซ้ำได้อีก

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


เช้าวันใหม่เริ่มขึ้น เมื่อดวงตะวันกลมแดงค่อยๆทอแสงลงยังหมู่บ้านชายแดน หมู่บ้านซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดเหตุร้ายได้ทุกเมื่อ แต่เหล่าตำรวจกล้าและอาสาสมัครทุกนายพร้อมปฏิบัติหน้าที่ของตนเต็มสามารถ เพื่อผดุงไว้ซึ่งเกียรติของชายชาติเสือ และเพื่อพิทักษ์ผืนแผ่นดินไทย ให้หมู่ชาวประชายังคงอยู่ร่มเย็นตลอดไป

จักยอมตาย หมายให้เกียรติดำรง.....

ด้วยจิตคาราวะยิ่ง

อ้างอิงข้อมูลจาก หนังสือ"เขมรฆ่าโหด" ของท่านประสิทธิ์ แสงรุ่งเรือง
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่