.
หาก ประชาธิปไตย ( Democracy ) หมายถึง ระบบการปกครองที่ประชาชนเป็นใหญ่ ดังนั้นการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยก็คือ รูปการปกครองที่ยึดถืออำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน
คณาธิปไตย (Oligarchy) ก็หมายถึง
ระบบการปกครองที่คณะบุคคลกลุ่มหนึ่งเป็นใหญ่ มีอำนาจเหนือประชาชนทั่วไปที่ต้องคอยรับฟังคำสั่งและปฏิบัติตามเท่านั้น เป็นการปกครองแบบเผด็จการที่ประกอบด้วยคนกลุ่มเดียว (ไม่ใช่ระบบเผด็จการโดยคน ๆ เดียว) คนกลุ่มนี้จะเป็นผู้มีอำนาจในการปกครองประเทศอย่างแท้จริง อำนาจการปกครองประเทศอย่างแท้จริง
ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยนั้นจำเป็นต้องมีรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายหลักหรือเป็นกติกาที่กำหนดแนวทางสำหรับการที่รัฐจะใช้อำนาจปกครองประชาชน และมีหลักการจัดระเบียบการปกครองแต่รัฐธรรมนูญก็ไม่ใช่เครื่องหมายแสดงความเป็นประชาธิปไตย เพราะประเทศที่ปกครองด้วยระบอบเผด็จการหรือ๕ราธิปไตยก็มีรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน ดังนั้นการที่จะพิจารณาว่าประเทศใดเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ จึงต้องดูว่ารัฐธรรมนูญของประเทศนั้นให้ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยหรือไม่ และพิจารณาจาก 3 ลักษณะสำคัญ
ลักษณะสำคัญของการปกครองแบบประชาธิปไตยสามารถพิจารณาได้จาก รัฐบาล การเลือกตั้งและการปกครองโดยเสียงข้างมาก
รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย
ลักษณะของรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย คือ “ รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ” ซึ่งเป็นวาทะของอับราฮัม ลินคอลน์ ( Abraham Lincoln) อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐฯ
การที่รัฐบาลใดจะได้รับการยอมรับว่าเป็นประชาธิปไตยจะต้องมีลักษณะครบทั้ง 3 ประการ คือ
1. รัฐบาลของประชาชน หมายถึง รัฐบาลจะต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน และประชาชนสามารถเปลี่ยนแปลงผู้ปกครองได้ด้วยการไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง นั่นคือ ประชาชนอยู่ในฐานะเป็นเจ้าของรัฐบาลซึ่งบ่งชี้ถึงมิติของการปกครองในด้านความเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย
2. รัฐบาลโดยประชาชน หมายถึง ประชาชนหรือพลเมืองทุกคนมีสิทธิที่จะเป็นผู้ปกครองได้ ถ้าหากได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
3. รัฐบาลเพื่อประชาชน หมายถึง รัฐบาลจะต้องมีจุดประสงค์เพื่อความผาสุกของประชาชน และจะต้องมีการกำหนดวาระในการดำรงตำแหน่ง เช่น ทุกๆวาระครบ 4 ปี ฯลฯ เพื่อจะได้เป็นหลักประกันว่าผู้ปกครองจะต้องปกครองเพื่อประชาชน หากผันแปรจากจุดหมายนี้ ประชาชนจะได้มีโอกาสเปลี่ยนผู้ปกครองผ่านทางการเลือกตั้ง
หากรัฐบาลใดไม่มีองค์ประกอบครบทั้ง 3 ประการนี้ นั้นไม่ใช่รัฐบาลในระบอบการปกครองประชาธิปไตย ประเทศเผด็จการที่มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดก็เช่นกันที่ไม่เข้าองค์ประกอบทั้ง 3 ประการนี้ เพียงแค่อาศัยรัฐธรรมนูญบังหน้าแล้วอ้างความเป้นประชาธิปไตยเท่านั้นเอง แต่แท้ที่จริงแล้ว ประเทศเผด็จการเหล่านั้นปกครองด้วยระบอบ “
คณาธิปไตย”
แต่ยังมีสิ่งสำคัญที่สุดที่ทั้ง 2 ระบอบนี้ต่างกันชัดเจน นอกจากลักษณะทั้ง 3 ประการ และเป็นส่วนสำคัญที่สุดที่ทำให้ระบอบการปกครองประชาธิปไตยได้รับการยอมรับจากประเทศส่วนใหญ่ของโลก ในขณะที่ระบอบ คณาธิปไตยนั้นไม่ได้รับการยอมรับ และถูกโดดเดี่ยวจากนานาอารยประเทศ ซึ่งสิ่งที่ว่านั้นก็คือ
ความเป็นธรรม(Fairness)และความเสมอภาค(Equality)
ระบอบประชาธิปไตยนั้น มีรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุด บังคับใช้กับทุกคนในประเทศอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม
ขณะที่ระบอบคณาธิปไตยนั้น ซึ่งมีรัฐธรรมนูญเหมือนกัน แต่เนื้อหาในรัฐธรรมนูญนั้นมิได้มีความเสมอภาคแก่ทุกคนในประเทศนั้นๆอย่างเป็นธรรม เพียงใช้กฎหมายนั้นตามดุลพินิจของผู้มีอำนาจเท่านั้น ทั้งนี้เพราะการให้ความเสมอภาคและเป็นเท่าธรรมกับผู้ใต้ปกครองของระบอบคณาธิปไตย นั้นส่งผลเสียกับคณะผู้ปกครองโดยตรง เพราะยากจะตอบคำถามต่อสาธารณะชนได้ว่า เหตุใดในบางเรื่องคนในคณะปกครองทำได้ แต่ประชาชนไม่สามารถทำได้
Fairness - ความเป็นธรรม
Equality – ความเสมอภาค
คืออะไร บทความหน้า ผุ้เขียนจะมาแสดงทัศนะมุมมองของผู้เขียนให้ได้ลองอ่านกัน
ขอบคุณครับ
*แก้ไขคำผิด
สำหรับท่านที่ห่วงว่ากดถูกใจแล้วจะผิดกฏหมาย ก็ไม่จำเป็นต้องกดอะไรเลยครับ เพื่อความสบายใจของทุกท่าน ผู้เขียนเข้าใจดี แค่ต้องการบอกในสิ่งที่คิดว่าเป้นสาระประโยชน์เท่านั้น และเรื่องนี้เองนักวิชาการกฏหมายหรือนักปกครองล้วนต่างก็รู้ดีตั้งแต่ครั้งยังเรียนอยู่ในสถาบันการศึกษาครับ การเผยแพร่ข้อมูลของผมจึงมิได้การนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ และบิดเบือนข้อเท็จจริงประการใด
(บทความ)คณาธิปไตย ระบอบที่ไม่ต้องการความเสมอภาคและไม่จำเป็นต้องเป็นธรรม
หาก ประชาธิปไตย ( Democracy ) หมายถึง ระบบการปกครองที่ประชาชนเป็นใหญ่ ดังนั้นการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยก็คือ รูปการปกครองที่ยึดถืออำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน
คณาธิปไตย (Oligarchy) ก็หมายถึง ระบบการปกครองที่คณะบุคคลกลุ่มหนึ่งเป็นใหญ่ มีอำนาจเหนือประชาชนทั่วไปที่ต้องคอยรับฟังคำสั่งและปฏิบัติตามเท่านั้น เป็นการปกครองแบบเผด็จการที่ประกอบด้วยคนกลุ่มเดียว (ไม่ใช่ระบบเผด็จการโดยคน ๆ เดียว) คนกลุ่มนี้จะเป็นผู้มีอำนาจในการปกครองประเทศอย่างแท้จริง อำนาจการปกครองประเทศอย่างแท้จริง
ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยนั้นจำเป็นต้องมีรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายหลักหรือเป็นกติกาที่กำหนดแนวทางสำหรับการที่รัฐจะใช้อำนาจปกครองประชาชน และมีหลักการจัดระเบียบการปกครองแต่รัฐธรรมนูญก็ไม่ใช่เครื่องหมายแสดงความเป็นประชาธิปไตย เพราะประเทศที่ปกครองด้วยระบอบเผด็จการหรือ๕ราธิปไตยก็มีรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน ดังนั้นการที่จะพิจารณาว่าประเทศใดเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ จึงต้องดูว่ารัฐธรรมนูญของประเทศนั้นให้ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยหรือไม่ และพิจารณาจาก 3 ลักษณะสำคัญ
ลักษณะสำคัญของการปกครองแบบประชาธิปไตยสามารถพิจารณาได้จาก รัฐบาล การเลือกตั้งและการปกครองโดยเสียงข้างมาก
รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย
ลักษณะของรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย คือ “ รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ” ซึ่งเป็นวาทะของอับราฮัม ลินคอลน์ ( Abraham Lincoln) อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐฯ
การที่รัฐบาลใดจะได้รับการยอมรับว่าเป็นประชาธิปไตยจะต้องมีลักษณะครบทั้ง 3 ประการ คือ
1. รัฐบาลของประชาชน หมายถึง รัฐบาลจะต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน และประชาชนสามารถเปลี่ยนแปลงผู้ปกครองได้ด้วยการไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง นั่นคือ ประชาชนอยู่ในฐานะเป็นเจ้าของรัฐบาลซึ่งบ่งชี้ถึงมิติของการปกครองในด้านความเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย
2. รัฐบาลโดยประชาชน หมายถึง ประชาชนหรือพลเมืองทุกคนมีสิทธิที่จะเป็นผู้ปกครองได้ ถ้าหากได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
3. รัฐบาลเพื่อประชาชน หมายถึง รัฐบาลจะต้องมีจุดประสงค์เพื่อความผาสุกของประชาชน และจะต้องมีการกำหนดวาระในการดำรงตำแหน่ง เช่น ทุกๆวาระครบ 4 ปี ฯลฯ เพื่อจะได้เป็นหลักประกันว่าผู้ปกครองจะต้องปกครองเพื่อประชาชน หากผันแปรจากจุดหมายนี้ ประชาชนจะได้มีโอกาสเปลี่ยนผู้ปกครองผ่านทางการเลือกตั้ง
หากรัฐบาลใดไม่มีองค์ประกอบครบทั้ง 3 ประการนี้ นั้นไม่ใช่รัฐบาลในระบอบการปกครองประชาธิปไตย ประเทศเผด็จการที่มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดก็เช่นกันที่ไม่เข้าองค์ประกอบทั้ง 3 ประการนี้ เพียงแค่อาศัยรัฐธรรมนูญบังหน้าแล้วอ้างความเป้นประชาธิปไตยเท่านั้นเอง แต่แท้ที่จริงแล้ว ประเทศเผด็จการเหล่านั้นปกครองด้วยระบอบ “คณาธิปไตย”
แต่ยังมีสิ่งสำคัญที่สุดที่ทั้ง 2 ระบอบนี้ต่างกันชัดเจน นอกจากลักษณะทั้ง 3 ประการ และเป็นส่วนสำคัญที่สุดที่ทำให้ระบอบการปกครองประชาธิปไตยได้รับการยอมรับจากประเทศส่วนใหญ่ของโลก ในขณะที่ระบอบ คณาธิปไตยนั้นไม่ได้รับการยอมรับ และถูกโดดเดี่ยวจากนานาอารยประเทศ ซึ่งสิ่งที่ว่านั้นก็คือ ความเป็นธรรม(Fairness)และความเสมอภาค(Equality)
ระบอบประชาธิปไตยนั้น มีรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุด บังคับใช้กับทุกคนในประเทศอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม
ขณะที่ระบอบคณาธิปไตยนั้น ซึ่งมีรัฐธรรมนูญเหมือนกัน แต่เนื้อหาในรัฐธรรมนูญนั้นมิได้มีความเสมอภาคแก่ทุกคนในประเทศนั้นๆอย่างเป็นธรรม เพียงใช้กฎหมายนั้นตามดุลพินิจของผู้มีอำนาจเท่านั้น ทั้งนี้เพราะการให้ความเสมอภาคและเป็นเท่าธรรมกับผู้ใต้ปกครองของระบอบคณาธิปไตย นั้นส่งผลเสียกับคณะผู้ปกครองโดยตรง เพราะยากจะตอบคำถามต่อสาธารณะชนได้ว่า เหตุใดในบางเรื่องคนในคณะปกครองทำได้ แต่ประชาชนไม่สามารถทำได้
Fairness - ความเป็นธรรม
Equality – ความเสมอภาค
คืออะไร บทความหน้า ผุ้เขียนจะมาแสดงทัศนะมุมมองของผู้เขียนให้ได้ลองอ่านกัน
ขอบคุณครับ
*แก้ไขคำผิด
สำหรับท่านที่ห่วงว่ากดถูกใจแล้วจะผิดกฏหมาย ก็ไม่จำเป็นต้องกดอะไรเลยครับ เพื่อความสบายใจของทุกท่าน ผู้เขียนเข้าใจดี แค่ต้องการบอกในสิ่งที่คิดว่าเป้นสาระประโยชน์เท่านั้น และเรื่องนี้เองนักวิชาการกฏหมายหรือนักปกครองล้วนต่างก็รู้ดีตั้งแต่ครั้งยังเรียนอยู่ในสถาบันการศึกษาครับ การเผยแพร่ข้อมูลของผมจึงมิได้การนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ และบิดเบือนข้อเท็จจริงประการใด