มองในแง่ขำ มันก็ขำดีนะครับ ขำชนิดที่ว่าหาที่ไหนในโลกไม่ได้อีกแล้ว นอกจากที่นี่...

กระทู้คำถาม
คือไม่รู้จะอยู่กันยังไงล่ะ
ไม่มีเหตุผล  ไม่มีอะไรทั้งนั้น  ตะบันอ้าง  แถ  แหลไปวัน ๆ

แต่ก็อยู่กันได้   เย้ว ๆ ติดดี  อ้างดีกันไป

อย่างนายตำรวจคนหนึ่ง  อยู่ในประเทศก็ไม่มีใครให้ความสนใจ  โดนรังแก  เพราะดันไปจับโจร
เขาก็ต้องหนีไปต่างประเทศ  ไปพูด  ไปแฉปัญหากับสื่อต่างประเทศ

สิ่งที่เกิดขึ้นตามมา  คือแทนที่เขาจะโดนตอบโต้ว่าสิ่งที่เขาพูด  เขาแฉ  นั้นไม่จริง
กลับกลายเป็นว่า   ที่เขาพูด  เขาแฉ  เพราะเขาไม่ได้เลื่อนขั้นมั่ง   เพราะเขาไม่รักชาติมั่ง

หรืออย่างกรณีมีการโกงในเรื่องบางเรื่อง   คนที่พยายามเสาะหาคนโกง  กลายเป็นคนทำให้แปดเปื้อนไปซะงั้น

กลับหัวกลับหางไปหมด

ที่น่าขำที่สุด   ก็คือตอนนี้กำลังฮิตเป็นเทรนด์ยอดนิยม   คือเรื่องตั้งองค์กร  ตั้งมูลนิธิ   เกี่ยวกับการปราบโกง  ต้านโกง
แล้วก็เย้ว ๆ  เชียร์กันไป   ออกสื่อกันครึกโครม   ยกยอเชิดชูกันไป

แต่ดูหน้าของผู้ร่วมก่อตั้ง   ผู้ร่วมงานแต่ละคนแล้ว   ได้แต่ปลง
บางคนโกงมาทั้งชีวิต   ทุกวันนี้ก็ยังโกง    แต่กลับมาทำตัวต้านโกงด้วยการชี้นิ้วใส่คนอื่นไปหมดว่าโกง ๆ ๆ

เรื่องพวกนี้   คิดในมุมโลกสวย   ก็ขำได้ง่าย ๆ ครับ    



ภาษาทางการแพทย์จะเรียกยังไงผมไม่รู้  ขี้เกียจค้น   แต่ผมขอเรียกว่า   fake syndrome

มัน fake กันขนาดถึงว่า   จะจับผู้ร้ายก็ยัง fake

มีที่ไหน   คนไม่มีแม้กระทั่งเลขที่บัตรประจำตัวประชาชน  กลายเป็นผู้ก่อการร้ายวางระเบิดกลางเมืองหลวง
มีที่ไหน  คนอยู่ในเรือนจำแท้ ๆ   ยังโดนหมายจับเพราะร่วมวางแผนก่อการร้ายเครื่องมืออีเลคโทรนิค  
ยิ่งกว่าเจมส์ บอนด์ ผสมเจสัน บอร์น

fake กันจนเชื่อว่าสิ่งที่ fake นั้นคือความจริงไปแล้ว  
บางคนถึงขนาดด่าคนอื่นว่า  ทำงานไม่สำเร็จแล้วมีหน้ามานั่งกินเงินเดือนแพง ๆ ทำไม
ทั้งที่ไอ้คนด่าเขาน่ะ   ก็กินเงินเดือนแพง  มีสวัสดิการเพียบ   และแต่งตั้งผู้ช่วย ที่ปรึกษามากินเงินเดือนอีก
ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง  งานก็ไม่มีทำ   และแถมช่วงว่างงานนี่  ก็ทำเป็นว่ามีงานยุ่งด้วยการไปดูงานต่างประเทศซะเพลิน




สุดท้าย   หากคิดในแง่ขำ ๆ  ผมนึกภาพในเรื่องเฟค ๆ ว่า

หากสมาชิกในราชดำเนิน  ฝ่ายเสื้อแดง  ฝ่ายสลิ่มได้นั่งกินข้าวกินเหล้าคุยกัน
คงขำจนปวดตับ

เพราะนึกภาพแล้ว  เห็นแต่ภาพว่า   ฝ่ายเสื้อแดงพูดอะไรออกไปในวงสนทนา
ฝ่ายสลิ่มก็คงได้แต่ครับ ๆ  

อ้าว  ก็นั่นคือชีวิตจริงนี่ครับ
ใช้เหตุใช้ผลคุยกัน   จะมีอะไรมาเถียงมาแถได้  นอกจากก้มหน้าก้มตาครับ ๆ อ้อม ๆ แอ้ม ๆ ไป

ไม่เหมือนในเน็ตนี่   ที่ว่าอะไรมา  หลิ่มไม่สน   แถลูกเดียว  มั่วลูกเดียว   เพ้อหาแม้วหาปูตะบันไป
ก็ในเน็ตไม่รู้ใครเป็นใคร   จะทำอะไรก็ได้    

แต่หากได้นั่งวงเดียวกัน  ทำงั้นไม่ได้แน่  เช่น  ฝ่ายแดงบอกว่ากระบวนการยุติธรรมมีปัญหา  พร้อมอธิบายเหตุผลและข้อมูล
สลิ่มจะโต้ไงล่ะ   นอกจาก  ครับ
แต่ถ้าเป็นการโพสต์ในราชดำเนิน  สลิ่มก็จะเกรียน  ป่วน  มั่ว  แปะรูปแม้วรูปปูไป

คิด ๆ แล้วก็ขำดีครับ




สังคมที่จะล่มสลายนั้น   คือสังคมที่ปฏิเสธและไม่กล้ารับความจริง
จมอยู่กับการสร้างมายาคติ

ประเทศไทย   มาอยู่จุดนี้ได้อย่างไร ?




เมื่อย   จบ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
เมืองไทยมีเรื่องตลกที่น่าอับอายไปทั่วโลก ช่วงนี้มีโอกาศไปเที่ยวต่างประทศ พอรู้ว่ามาจากไทย
พากันหัวเรอะอย่างขำขัน  แต่คนถูถามขำไม่ออก มีแต่เรื่องที่ทั่วโลก ไม่เคยมี แต่เกิดขึ้นได้ที่ไหยแห่งเดียว
ถ้าจะเปลียน บ้านเมือง เหมือนรถยนต์ วิ่งฉิวอยู่บนถนนกว้างไหญ่ และกำลังจะนำหน้าคันอื่นๆ อยู่ฯ
ก็ถูกบังคับไห้เปลี่ยนคนขับคนไหม่ คนขับมือไหม่ ไม่ชำนาญทาง ก็ขับรถเข้ารกเข้าพง และนี่ก็กำลังขับเรียบริมเหว พาไห้หวาดเสียวไปตามฯกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่