สังขาร แปลว่า ปรุงแต่ง ซึ่งหมายถึง กิริยาที่ปรุงแต่งก็ได้ หรือหมายถึงสิ่งที่ไปปรุงแต่งให้เกิดสิ่งอื่นก็ได้ หรือหมายถึง สิ่งของที่ถูกปรุงแต่งให้เกิดขึ้นก็ได้ โดยสังขารนี้ก็มีอยู่ ๓ อย่าง อันได้แก่
๑. กายสังขาร สภาพการปรุงแต่งทางกาย คือ การกระทำ (กิริยา) ของร่างกายก็เรียว่าสังขาร, ร่างกายก็สามารถทำ (ปรุงแต่ง) ให้เกิดสิ่งอื่นขึ้นมาได้, และร่างกายของเราก็เป็นสิ่งปรุงแต่งมาจากธาตุ ๔
๒. วจีสังขาร สภาพการปรุงแต่งทางวาจา คือ กิริยาการพูดก็เป็นสิ่งปรุงแต่งมาจากการไตร่ตรอง, คำพูดสามารถทำ (ปรุงแต่ง) ให้คนฟังเกิดความเข้าใจได้, และคำพูดก็เป็นสิ่งปรุงแต่งขึ้นมาจากระบบของหลอดลมกับลมที่เล่นผ่านหลอดลม
๓. จิตตสังขาร สภาพการปรุงแต่งทางจิต คือ กิริยาอาการต่างๆของจิต เช่น อาการของกิเลส และการคิดของจิต ก็เป็นสิ่งที่ได้รับการปรุงแต่งมาจากเวทนา, จิตสามารถก็สั่ง (ปรุงแต่ง) ให้กายเคลื่อนไหวได้ ปากพูดได้, และกิริยาอาการต่างๆของจิต (เช่น อาการของกิเลส อุปาทาน เป็นต้น) กับการคิดของจิต ก็เป็นสิ่งปรุงแต่งขึ้นมาจากร่างกาย (คือร่างกายเป็นทำให้เกิดวิญญาณ และวิญญาณก็ทำให้เกิดจิต) กับสัญญา (สัญญาก็ต้องอาศัยเนื้อสมองในการเก็บข้อมูลของความทรงจำทั้งหลาย)
สังขาร ๓
๑. กายสังขาร สภาพการปรุงแต่งทางกาย คือ การกระทำ (กิริยา) ของร่างกายก็เรียว่าสังขาร, ร่างกายก็สามารถทำ (ปรุงแต่ง) ให้เกิดสิ่งอื่นขึ้นมาได้, และร่างกายของเราก็เป็นสิ่งปรุงแต่งมาจากธาตุ ๔
๒. วจีสังขาร สภาพการปรุงแต่งทางวาจา คือ กิริยาการพูดก็เป็นสิ่งปรุงแต่งมาจากการไตร่ตรอง, คำพูดสามารถทำ (ปรุงแต่ง) ให้คนฟังเกิดความเข้าใจได้, และคำพูดก็เป็นสิ่งปรุงแต่งขึ้นมาจากระบบของหลอดลมกับลมที่เล่นผ่านหลอดลม
๓. จิตตสังขาร สภาพการปรุงแต่งทางจิต คือ กิริยาอาการต่างๆของจิต เช่น อาการของกิเลส และการคิดของจิต ก็เป็นสิ่งที่ได้รับการปรุงแต่งมาจากเวทนา, จิตสามารถก็สั่ง (ปรุงแต่ง) ให้กายเคลื่อนไหวได้ ปากพูดได้, และกิริยาอาการต่างๆของจิต (เช่น อาการของกิเลส อุปาทาน เป็นต้น) กับการคิดของจิต ก็เป็นสิ่งปรุงแต่งขึ้นมาจากร่างกาย (คือร่างกายเป็นทำให้เกิดวิญญาณ และวิญญาณก็ทำให้เกิดจิต) กับสัญญา (สัญญาก็ต้องอาศัยเนื้อสมองในการเก็บข้อมูลของความทรงจำทั้งหลาย)