ข้อความต่อไปนี้ เป็นแง่คิดของการปฏิบัติธรรมที่อยากให้นักปฏิบัติธรรม
และแพทย์โดยเฉพาะแพทย์ผู้รู้ทางกลไกจิตได้พิจารณาว่าจะเป็นจริง
ประการใด
จิตใจมีกลไกผลักความรู้สึกที่ไม่ดีหรือไม่ประสงค์ออกไปจากใจ
นั่นคือ เมื่อประสบอารมณ์ที่ไม่ปรารถนาคนเราจะมีกลไกทางจิต
ประการหนึ่ง คือกดข่มหรือสยบอารมณ์นั้นไว้ไม่ให้เข้าไปมีผลหรือ
เกิดเป็นความรู้สึกในใจ
ถ้าไปยกเลิกการกดข่ม คือไม่ยอมใช้กลไกนี้ในการสยบอารมณ์ที่
ไม่ปรารถนาซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในบางขณะเช่นในกิจกรรมพิจารณา
อารมณ์ของคนที่กำลังปฏิบัติวิปัสนาซึ่งในขณะนั้นจะไม่สยบหรือ
กดข่มอารมณ์แต่จะปล่อยอิสระเพื่อพิจารณาอารมณ์ได้เต็มที่ การ
กระทำเช่นนี้ถ้าทำบางขณะเป็นระยะเวลาสั้นๆ ไม่ใช่ตลอดเวลาก็
อาจจะเป็นผลดี แต่ถ้าในชีวิตประจำวันใช้วิธีนี้ในการเผชิญอารมณ์
ตลอดเวลาหรือใช้เป็นเวลานานๆ ทั้งนี้เพื่อพิจารณอารมณ์ได้นานๆ
หรือทั้งวัน อาจไม่เป็นผลดีต่อจิตใจ การปล่อยให้อารมณ์บางลักษณะ
เข้าไปแสะงผลอยู่ในใจนานเกินไปโดยไม่ยอมกดข่มอาจทำให้จิตใจ
เสียหายได้
การเข้าไปแทรกแซงกลไกการกดข่มของจิตอาจมีผลเสีย
และแพทย์โดยเฉพาะแพทย์ผู้รู้ทางกลไกจิตได้พิจารณาว่าจะเป็นจริง
ประการใด
จิตใจมีกลไกผลักความรู้สึกที่ไม่ดีหรือไม่ประสงค์ออกไปจากใจ
นั่นคือ เมื่อประสบอารมณ์ที่ไม่ปรารถนาคนเราจะมีกลไกทางจิต
ประการหนึ่ง คือกดข่มหรือสยบอารมณ์นั้นไว้ไม่ให้เข้าไปมีผลหรือ
เกิดเป็นความรู้สึกในใจ
ถ้าไปยกเลิกการกดข่ม คือไม่ยอมใช้กลไกนี้ในการสยบอารมณ์ที่
ไม่ปรารถนาซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในบางขณะเช่นในกิจกรรมพิจารณา
อารมณ์ของคนที่กำลังปฏิบัติวิปัสนาซึ่งในขณะนั้นจะไม่สยบหรือ
กดข่มอารมณ์แต่จะปล่อยอิสระเพื่อพิจารณาอารมณ์ได้เต็มที่ การ
กระทำเช่นนี้ถ้าทำบางขณะเป็นระยะเวลาสั้นๆ ไม่ใช่ตลอดเวลาก็
อาจจะเป็นผลดี แต่ถ้าในชีวิตประจำวันใช้วิธีนี้ในการเผชิญอารมณ์
ตลอดเวลาหรือใช้เป็นเวลานานๆ ทั้งนี้เพื่อพิจารณอารมณ์ได้นานๆ
หรือทั้งวัน อาจไม่เป็นผลดีต่อจิตใจ การปล่อยให้อารมณ์บางลักษณะ
เข้าไปแสะงผลอยู่ในใจนานเกินไปโดยไม่ยอมกดข่มอาจทำให้จิตใจ
เสียหายได้