The School โรงเรียนที่ถูกปิดตาย!!! : Day 1

กระทู้คำถาม
วันที่ 1 : วันอันสงบสุข [จุดเริ่มต้น]

[1 วันก่อนเกิดเหตุ]

               

                จิ้บๆ! จิ้บๆ!

                เสียงนาฬิกาปลุกตามธรรมชาติที่หาได้ยากในตัวเมืองแบบนี้ บ่งบอกว่าวันนี้อากาศดีแค่ไหน  อ๊าาา ~ ขี้เกียจตื่นไปโรงเรียนจริงๆ เลยยยย

                เช้าๆ แบบนี้ทีไร ฉันยังอยากจะนอนต่อแท้ๆ แต่พวกนกน้อยแสนน่ารักนี้สิ ชอบร้องจิ้บๆ ปลุกให้ตื่นยังไม่พอ ยังแถมท้ายการจิกกับกระจกหน้าต่างห้องฉันอีก  -_- เช้านี้เป็นเช้าวันอังคารที่แสนขี้เกียจแท้! จะว่ายังไงดีละ...ทั้งๆ ที่โรงเรียนอื่นเค้าปิดกันหมด แต่โรงเรียนฉันดันเปิดเรียนซะนี้  ไม่รู้ว่าจะทำสวนกระแสไปเพื่ออะไรกัน -^-

                “ตื่นได้แล้วเด็กๆ เจ็ดโมงแล้ววว!!~  ไม่ไปโรงเรียนกันใช่มั้ย!!” เอาอีกแล้ว มุขนี้ทั้งปีอ่ะแม่ฉัน  มาปลุกทีไรเป็นต้องบอกว่าเจ็ดโมงแล้วตลอด เชื่อสิว่าเวลามันไม่ถึงเจ็ดโมงแน่ๆ (แต่ว่าบางทีมันก็เลยเจ็ดโมงจริงๆ อ่ะนะ) ฉันลุกออกจากเตียงอย่างเซ็งๆ เพื่อจะตรงไปจัดการธุระส่วนตัวที่ห้องน้ำพลางเหลือบมองนาฬิกาบนหน้าจอมือถือตัวเองไปด้วย

                06 : 30 A.M.

                หกโมงครึ่งอยู่เลย =_=

                “ให้มันได้งี้สิ เฮ้อออ” ฉันบ่นกับตัวเองก่อนจะถอดหายใจเบาๆ ก่อนจะรีบจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จโดยเร็วก่อนที่จะไปโรงเรียนสายวันแรก



ณ โรงเรียนเซนต์โจชัว (Saint Joshua School)



                วันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียนที่สองของโรงเรียนชื่อดังของเมือง ระหว่างทางที่เดินไปยังห้องพักครูนั้น นักเรียนของที่นี้ต่างมองฉันพร้อมกับหันไปกระซิบคุยกัน แต่ก็ยังไม่วายหันกลับมามองฉันอีกอยู่ดี

                “ดูสิ นักเรียนใหม่แหละ” เสียงกระซิบกระซาบจากนักเรียนหญิงสองคนตรงทางเดิน ลอยเข้าหูฉันพอดี ท่าทีสนใจของนักเรียนที่นี่ทำเอาฉันแอบตื่นเต้นแล้วสิ

[ห้องพักครู]

                ฉันหยุดเดินตรงหน้าห้องที่มีป้ายแขวนบอกไว้ว่า “ห้องพักครู”

                ก๊อกๆ

                ฉันเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไป สิ่งแรกที่ฉันเห็นคือผู้หญิงแก่ๆ คนนึ่งที่ดูท่าทางแล้วคงจะเนี้ยบมาก กำลังก้มอ่านกระดาษอะไรสักอย่างอยู่

                “เอ่อ...หนูเป็น...” ฉันพูดอ้ำอึ้งด้วยความประหม่ายังไม่ทันจบประโยค ดวงตาใต้แว่นหนาก็ตวัดมามองพร้อมกับพูดตัดบทฉันทันที

                “เธอคือมิสเซรีน นักเรียนใหม่ถูกมั้ย”

                “ค่ะ” ฉันตอบพลางพยักหน้ารับเบาๆ

                “ฉันชื่อแมรี่ ตั้งแต่วันนี้ เป็นครูประจำชั้นของเธอ เอาละ ตามฉันมา เราจะไปห้องเรียนของเธอกัน” มิสแมรี่แนะนำตัวอย่างรวดเร็วก่อนจะก้าวเดินออกไปหลังพูดจบประโยค โดยไม่สนใจฉันที่กำลังทำหน้าตาเอ๋อๆ อยู่

[11-C]

                มิสแมรี่เดินนำฉันมา ออกจะหยุดลงหน้าประตูห้อง ฟังจากเสียงที่ดังออกมานอกห้องแล้ว ฉันก็เดาได้เลยว่าห้องนี้ต้องมีพวกช่างเม้าส์อยู่เยอะแน่ๆ  นี่ขนาดมิสแกยังไม่ได้เปิดประตูนะ ถ้าเปิดเสียงจะดังขนาดไหนเนี่ย

                แอ๊ด...

                ความฝืดของประตูตอนมิสแมรี่เปิด สร้างเสียงลากยาวออกมา ผิดคาด...ทั้งๆ ที่ก่อนเปิดประตูห้องเสียงคนคุยกันออกดังแท้ๆ  แต่พอมิสแมรี่เปิดประตูเข้าไปเท่านั้นแหละ คนทั้งห้องก็พร้อมใจกันเงียบเลย ไม่ใช่แค่เงียบธรรมดานะ เงียบแบบเงียบมากๆ เงียบจนทั้งห้องได้ยินเสียงรองเท้าของมิสแมรี่ตอนเดินเข้าไปในห้องเลยอ่ะ

                ตึก...ตึก...ตึก

                “มีนักเรียนเข้ามาใหม่ เอ้า เข้ามาแนะนำตัวตรงนี้” มิสแมรี่เดินไปหยุดพูดอยู่กลางห้อง  โดยที่ประโยคหลังหล่อนหันมาเรียกให้ฉันเข้าไปแนะนำตัว

                “HI! ทุกคน!! ^^ ฉันชื่อเซรีน พึ่งย้ายจากเมืองเบสฟลู ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

                “...”

                “ที่นั่งของเธอแถวที่สามติดหน้าต่างนะ” มิสแมรี่พูดขึ้นมาหลังจากฉันแนะนำตัวเสร็จแล้ว คนในห้องก็ยังเงียบเหมือนเคย ฉันเริ่มสงสัยแล้วสิ ว่าที่เงียบกันเนี่ย เงียบเพราะอะไรกัน

                “โฮมรูมวันนี้ฉันไม่ว่าง เพราะงันอยู่กันในห้องเงียบๆ ด้วย” พูดเสร็จมิสแมรี่ก็เดินออกจากห้องไป แล้วทั้งห้องก็กลับสู้สภาวะเดิมคือ...

                “นี่เจสซี่ เธอถอยชุดใหม่มาหรอ สวยนะย๊ะ!!”

                “เฮ้ อเล็กซ์ เมื่อคืนแกได้ดูบอลมั้ยวะ”

                “ดอล์ตัน! เอาหนังสือฉันคืนมานะ!!”

                “ฯลฯ”

                คนในห้องจับกลุ่มคุยกันทันทีที่เห็นมิสแมรี่จากห้องออกไปแล้ว เสียงพูดคุยเสียงดังกระหึ่ม และเหมือนจะดังกว่าเดิมมากๆ ด้วยสิ

                ฉันเดินมายังที่นั่งของตัวเองตามที่มิสแม่รี่บอก ดีจังแหะ ได้ที่นั่งติดหน้าต่าง มีวิวสวยๆ ดูแก้เบื่อตอนเรียนแล้วสิฉัน ที่นั่งที่นี้จัดเป็นโต๊ะคู่

               “เอ่อ...หวัดดีจ้ะ” เสียงทักทายแรกดังขึ้น หลังจากฉันนั่งลงเพียงไม่กี่นาที

               “HI หวัดดี ^^” ฉันหันกลับไปเพื่อตอบรับไมตรีที่ถูกหยิบยื่นให้ เจ้าของเสียงทักทำเอาฉันตะลึ่งไปเลย คนอะไรสวยอย่างกะว่าเป็นนางฟ้าตกสวรรค์อย่างนั่นแหละ ดวงหน้าห้อมล้อมด้วยผมสวยยาวเป็นลอน จมูกโด่งเป็นสันรับกันดีกับคิ้วโก่งได้รูปสวย ตาคมดูระยิบระยับ ริมฝีปากอวบอิ่มสีพีช ผิวสีแทนสุขภาพดีทำให้คนตรงหน้าฉันดูฮอตไม่เบา ดูเหมือนว่าเธอคนนี้จะเป็นเจ้าของโต๊ะข้างๆ ที่ตอนแรกฉันนึกว่าไม่มีคนนั่งอีกด้วย เพราะเจ้าหล่อนนั่งลงโต๊ะข้างฉันทันที หลังจากที่ฉันทักกลับไป

              “ฉันชื่อคาเรน ยินดีที่ได้รู้จักนะเซรีน^_^” คาเรนแนะนำตัวให้ฉันรู้จัก พร้อมกับยื่นมือมาให้จับ ฉันยิ้มรับและยื่นมือไปจับมือคาเรนไว้แล้วตอบกลับอย่างดีใจ

              “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันนะคาเรน แล้วก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ ><”



[เลิกเรียน]

               

                เลิกเรียนสักที =3= ดูเหมือนว่าที่โรงเรียนนี้การเรียนการสอนเค้าจะช้ากว่าที่โรงเรียนเก่าฉันอยู่มาก เพราะเนื้อหาที่เรียนกันไปและเตรียมจะขึ้นเรียนนั้น ฉันล้วนแล้วแต่เรียนจบคอร์สไปแล้วทั้งนั้น  (หรือว่าที่โรงเรียนฉันสอนเร็วเกินไปกันแน่นะ) เอาเถอะ! จะยังไงก็ช่าง วันนี้ฉันมีนัดกับคาเรนไปเที่ยวรอบเมืองด้วยสิ เหมือนมันจะเป็นวัฒนธรรมของที่นี่ละมั้ง ที่ต้องพาเพื่อนใหม่เที่ยวรอบเมือง

                “เซรีน เดียวเราเดินไปห้องบี กันหน่อยนะ จะไปชวนเพื่อนฉันอีกคนนะ” ทันทีที่เก็บของกันเสร็จคาเรนก็ทักขึ้นก่อนจะลากแขนฉันเดินออกไปที่หน้าห้องบีทันที ฉันว่าโรงเรียนนี้ไม่วุ่นวายดีนะ เพื่อนในห้องเป็นกันเองมากๆ เลย ทุกคนทำราวกลับว่าฉันไม่ใช่คนที่พึ่งย้ายมาใหม่ แต่เป็นคนที่อยู่ที่นี่มานานแสนนานพร้อมกับพวกเขา ทุกคนก็แอบตื่นเต้นกับเรื่องที่ฉันเล่าในเมืองเบสฟลูที่ฉันย้ายมาถึงประเพณีวิ่งจับกบของโรงเรียนอ่ะนะ ฮ่าๆ

               “โย่วว! รอนานกันมั้ยเอ่ย?? ” หลังจากยืนรอหน้าห้องบี ได้สักพัก ก็มีร่างสูงเพรียวกระโดดเข้ามาทักอย่างสดใส เธอคนนี้ก็เป็นสาวสวยหุ่นดีเหมือนกับคาเรน แต่ให้ความรู้สึกเป็นสาวเซ็กซี่แทนสาวหวานแบบคาเรน

               “สักพักนะ นี่เซรีน นักเรียนใหม่ที่พึ่งย้ายมาห้องฉัน” คาเรนเริ่มแนะนำฉันให้กับเพื่อนสุดสวยของเธอรู้จัก

               “ว้าวว~ สวยจังเลย >< หวัดดี! ฉันชื่อชาลอต ยินดีที่ได้รู้จักน๊าาา ^^” ฉันแอบเขินเบาๆ ตอนชาลอตเอ่ยชมฉัน ฉันยื่นมือไปจับกับมือของชาลอตแล้วตอบกลับเสียงใสเหมือนกันว่า

               “จ้าาา ยินดีที่ได้รู้กันเหมือนกันนะ ^^”

               “เอาละสาวๆ ฉันว่ารีบไปกันเลยดีมั้ย เดียวจะกลับดึกกันเปล่าๆ” เมื่อเห็นว่าฉันและชาลอตรู้จักกันเรียบร้อยแล้ว คาเรนก็ออกความเห็นให้รีบไปก่อนที่จะเสียเวลาไปกว่านี้

               “OKAY!  LET’S GO!! ^o^”



[20 : 48 P.M.]

              ตอนนี้ฉันกลับมาถึงบ้านแล้วเรียบร้อย ฉันก็ได้ของกลับมาบ้านตั้งหลายอย่าง ทั้งเสื้อผ้าและเครื่องประดับ อ้อ! แถมหนังสือกลับมาอ่านเล่นอีกสี่ห้าเล่ม  วันนี้ทั้งกิน เล่น ช้อปกันกระหน่ำเลย  ฉันพึ่งจะรู้เมื่อตอนเย็นนี่เองว่าชาลอตเป็นลูกสาวของศัลยแพทย์ชื่อดัง ส่วนคาเรนเองก็เป็นลูกสาวของดีไซน์เนอร์สาวดาวรุ่งที่ตอนนี้กำลังดังมากๆ เลยด้วย แอบตกใจนะเนี่ย

              พรุ่งนี้เป็นวันสถาปนาโรงเรียน นักข่าวทั่วเมืองจะพากันมาถ่ายทอดสดพิธีสถาปนา ซึ่งฉันต้องไปแต่เช้า (ฉันต้องไปตอนหกโมงสี่สิบห้าอ่ะ!) ถ้าไม่รีบนอนตอนนี้มีหวังหน้าโทรมเป็นศพแน่ๆ ยิ่งมีเพื่อนสาวแสนสวยอย่างคาเรนและชาลอตด้วย ฉันไม่อยากดับยามเมื่อเดินข้างสองคนนี้นะ ห้าววว ไปนอนดีกว่า



[ขณะนั้นเอง...]

             “เฮ้ย! มันวิ่งไปทางนั้นแล้ว! เร็ว!! วิ่งไปดักมันไว้!” เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นท่ามกลางตอกเล็กๆ แคบๆ แห่งหนึ่ง พร้อมกับกลุ่มคนที่วิ่งไล่ตามหลังของชายหนุ่มคนนึ่ง ซึ่งดูจากเส้นทางแล้วเขากำลังวิ่งตรงไปที่ตึกวิจัยของเมืองนี้

            “ มันวิ่งเข้าไปในตึกนั้นแล้ว! ตามมันไปเร็ว!!” ชายหนุ่มอีกคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวโจกของกลุ่มตะโกนเสียงดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป้าหมายของตัวเองวิ่งหายเข้าไปในตึกแล้ว

           “บ้าเอ๊ย! มันวิ่งเร็วยิ้มเลย”

          “หาๆ ไปเหอะน่า ยังไงมันก็อยู่ในนี้แหละ เฮ้ย! ได้ยินมั้ยไอ้ลูกหมา แกไม่รอดแน่” เสียงสถบดังๆ ภายในกลุ่มนั้นสร้างความหวาดกลัวแก่ผู้ที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างดี เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองคิดผิดมากที่วิ่งเข้ามาหลบในตึกวิจัยแห่งนี้

          “ฉันจะทำยังไงดี...จะทำยังไงดี...” ใครจะไปคิดละว่าเวลานี้ยามจะไม่อยู่กัน เขาได้แต่เฝ้าครุ่นคิดกับตัวเองไปมา เมื่อพบว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดไว้เลยสักนิด  ตึกวิจัยแห่งนี้เป็นตึกที่พ่อแม่ของเขาทำงานอยู่ และในตอนแรกที่เขาถูกไล่ต้อนมา เขาคิดว่าที่แห่งนี้ ที่ที่เขาหนีมานั้นจะปลอดภัยจากพวกนั้น...

           แก๊ก!

           เสียงของไม้เบสบอลเหล็กลากพื้นนั้นทำให้เขารู้สึกเย็นสันหลังทันที ไม่ใช่ ขอให้ไม่ใช่อย่างที่คิดเถอะ...เขาได้แต่ภาวนาในใจขอให้สิ่งที่ได้ยินนั้นไม่ใช่อย่างที่เขาคิด ความหนาวเย็นเริ่มกัดกินหัวใจที่เริ่มอ่อนล้าเมื่อต้องพบกับความจริงที่ว่า...

           “ไงไอ้ลูกหมา เล่นซ้อนแอบสนุกมั้ย!?”


           สิ่งที่เขาคิดมาทั้งหมดนั้น ล้วนแล้วแต่คิดผิดทั้งนั้น!!

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
**ขอขอบคุณทุกท่านที่หลงเข้ามาอ่านนะค่ะ หวังอย่างยิ่งว่าท่านจะหลงตามอ่านในบทต่อๆ ไปไม่หายหลงกันเน้อออ ขอบคุณก๊าบบบ**
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  แต่งนิยาย
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่