Point Break จาก คลี่นบ้ากระแทกคลื่นบ้า สู่ ปล้นข้ามโคตร

กระทู้สนทนา


หากท่านใดชอบดูหนังแอ็คชั่นภาพสวยๆแล้วล่ะก็ โรสขอแนะนำให้ไปดู Point Break กันเลย โดยเฉพาะเวอร์ชั่นปี 2015 นี้เหมือนกับว่าเราได้ไปเที่ยวรอบโลกเลยก็ว่าได้ บางท่านอาจจะเคยดูเวอร์ชั่นปี 1991 กันมาแล้ว เนื้อเรื่องยังคงไว้ในบางส่วนและเพิ่มเติมในบางส่วนเฉกเช่นการบรรจุเหล้าเก่าลงในขวดใหม่

เวอร์ชั่นเก่าในปี 1991 ใช้ชื่อภาษาไทยว่า “คลื่นบ้ากระแทกคลื่นบ้า” ดารานำคือสุดหล่ออมตะ Keanu Reeves รับบทเป็น Johny Utah ตอนนั้นเฮียอายุราว 27 ปี โรสเรียนอยู่ ม.5 เล่นคู่กับดาราเจ้าเสน่ห์ Patrick Swayze รับบทเป็น Bodhi ซึ่งเขาได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งด้วยวัยเพียง 57 ปี เป็นการสูญเสียคนดีมีคุณภาพของวงการไปอีกหนึ่งท่าน Executive Producer คือ เจ้าพ่อหนังทำเงิน James Cameron และ Director คือ Kathryn Bigelow ในส่วนของ Screenplay โดย W.Peter Iliff จัดจำหน่ายโดย 20th Century Fox หนังใช้ทุนสร้าง 24 ล้านเหรียญ แต่หนังโกยรายได้ถึง 83.5 ล้านเหรียญ ในช่วงยุคนั้นถือเป็นรายได้ที่ไม่ธรรมดา และผลพวงจากภาพยนตร์เรื่องนี้ผลักดันให้ Keanu เป็นซุปเปอร์สตาร์แอ็คชั่นหน้าหล่อไปเลยทีเดียว

ในปี 2015 ใช้ชื่อภาษาไทยว่า “ปล้นข้ามโคตร” ดารานำคือสุดหล่อดาวรุ่งชาวออสซี่ Luke Bracey วัย 26 ปี มารับบทเป็น Johny Utah เคยฝากผลงานให้สาวๆเคลิ้มในภาพยนตร์รักโรแมนติก The Best of me และได้หนุ่มหล่อหน้าเข้ม Edgar Ramirez มารับบทเป็น Bodhi ฉบับนี้ Director คือ Ericson Core ซึ่งเขาเคยเป็นช่างภาพจาก The Fast and the Furious (2001) และเขาเองก็นั่งบังเหียนเป็นช่างภาพให้กับเวอร์ชั่นนี้ด้วย Screenplay โดย Kurt Wimmer จัดจำหน่ายโดย Warner Bros. Pictures หนังใช้ทุนสร้าง 120 ล้านเหรียญ

Point Break เป็นศัพท์เฉพาะของกีฬาโต้คลื่นสำหรับผู้หลงรักเกลียวคลื่นสีเขียวในห้วงทะเล เป็นเรื่องราวของลูกผู้ชายที่อีกคนหนึ่ง Johny Utah เป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ และอีกคนหนึ่ง Bodhi เป็นหัวหน้าแก๊งปล้นผู้มีอุดมการณ์ การเข้าแทรกซึมในกลุ่มโจรของตำรวจหนุ่มมีทางเดียวคือการตีซี้ด้วยการเล่นกีฬาโต้คลื่นเพื่อสืบคดี แต่แล้วดูเหมือนโชคชะตาจะขีดมาให้เขาทั้งสองคนต้องผูกพันด้วยมิตรภาพ เวอร์ชั่นเก่านั้นจะเน้นฉากแอ็คชั่น การไล่ล่าในแบบตำรวจไล่จับผู้ร้ายมากกว่า ฉากที่จำได้ติดตานั่นคือการเน้นฉากที่เกลียวคลื่นผนวกกับการหยอกล้อของนักโต้คลื่นดูแล้วเพลิดเพลินตา Patrick Swayze ถ่ายทอดลีลาการโต้คลื่นได้ดียิ่งนัก อีกฉากที่ชอบคือการที่พวกเขาแหวกว่ายสายลมอยู่เหนือฟ้า บทสนทนาและการระเบิดอารมณ์ของเวอร์ชั่นเก่าของดารานำมีช่วงเวลาให้แก่กันมากกว่าจนทำให้เราเชื่อในสายสัมพันธ์ของทั้งคู่

สำหรับเวอร์ชั่นใหม่ปี 2015 ด้วยฝีมือดีกรีการกำกับภาพของ Ericson Core ที่ถ่ายทอดสถานที่แต่ละที่ได้สวยงามจนเรารู้สึกเพลิดเพลินที่ได้ทัศนาการเล่นกีฬาผาดโผนท่ามกลางทัศนียภาพที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็น ออสเตรีย, อินเดีย, อิตาลี,ฝรั่งเศส, เม็กซิโก หรือแม้แต่เวเนซูเอลา เหมือนรายการสารคดีระดับโลก มันทำให้เรารู้สึกเคลิบเคลิ้มมาก บทหนังฉบับใหม่จึงหลากหลายไปด้วยฉากกีฬาผาดโผนอันหลากหลายด้วยอ้างถึงหลักปรัชญา Ozaki 8 การเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติและการมอบคืนสู่ธรรมชาติแทนการตักตวงจากธรรมชาติเพื่อพบนิพพาน การเน้นรายละเอียดไปที่ภาพสวยอลังการจึงเบียดบังฉากแอ็คชั่นไล่ล่า ไม่ว่าจะเป็นระหว่างตำรวจกับโจร หรือแม้แต่ฉากการปล้น ดังนั้นฝีมือของดารานำ Luke Bracey และ Edgar จึงยังไม่ได้ลงกำลังไปอย่างเต็มที่ บทสนทนาการอัดบีบทางอารมณ์จึงมีให้เห็นน้อยมากกว่าฉบับเก่า    

เพื่อเพิ่มอรรถรสในการชมอย่างล้ำลึกลองหาเวอร์ชั่นเก่ามาดู และเข้าไปดูเวอร์ชั่นใหม่ ถ้าหากถามโรส โรสก็ชอบทั้งสองเวอร์ชั่นนะให้รสชาติที่แปลกไปแต่ก็ยังคงมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะนักแสดงนำทั้ง 4 ท่าน ล้วนทำหน้าที่ของตนเองได้ดีที่สุดอย่างที่หนังต้องการให้เป็นแล้ว จุดมุ่งหมายที่เป็นปรัชญาของหนังที่ชวนให้เราต้องขบคิดและโรสขออนุญาตนำมาฝากนั่นก็คือ คนเราหากอยากจะไปให้ถึงเป้าหมายนั่นคือต้องมีจุดยืนในอุดมการณ์ ในความแตกต่างไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนชั่ว แต่จุดที่เชื่อมต่อกันนั่นคือมิตรภาพ คนเราแม้มีวิถีชีวิตที่แตกต่าง แต่เพื่อนก็คือเพื่อน การนับถือในจิตวิญญาณของนักสู้แบบลูกผู้ชาย จงแบ่งปันมากกว่ากอบโกย จงให้มากกว่าการตักตวง แม้จะต้องยืนหยัดอย่างเดียวดายแต่หัวใจจะไม่มีวันแห้งแล้ง และผู้เป็นอิสระหลุดพ้นจากพันธะของการติดอยู่ในบ่วง คือการไม่จมปรักอยู่ในอดีต การไม่ยึดในสาระของสังขาร การไม่หวาดหวั่นต่อความตาย และการได้ทำในสิ่งที่เคารพรักบูชา

เวอร์ชั่นเก่ามีซาวด์แทร็คอยู่ 2 เพลงที่โรสชอบและก็เพราะมาก อยากแนะนำให้ลองหาฟังดู เป็นเพลงร็อคของ L.A.Guns ชื่อว่า "Over the edge" และ Sheryl Crow ชื่อว่า “Hundreds of tears”

หนทางการสู่นิพพานตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ใช่การไม่แยแสชีวิต ไม่ใช่การทำลายชีวิตให้แตกดับไปอย่างสูญเปล่า นิพพานไม่ต้องรอในภพหน้า นิพพานพร้อมที่จะโอบรับผู้ปรารถนาในนิพพาน เมื่อปล่อยวางไม่ยึดมั่นถือมั่น เมื่อจิตหลุดพ้นจากบ่วง เมื่อนั้นย่อมพบนิพพานเสมอค่ะ

By Rose
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่