สวัสดีค่ะ วันนี้ขอมานำเสนอมุมการท่องเที่ยวแบบ deep deep กันซักหน่อย ใครมองหา short trip มีเวลาแค่ 2 วันเท่านั้นก็เที่ยวได้แล้ว .... งั้นมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
หลายๆ คนเห็นชื่อแล้วคงคิดว่า
บ้านโปง ที่ไหนหน่ะ? … ใช่บ้านโป่ง ราชรี รึเปล่า? คือส่วนตัวทั้งชีวิตเคยได้ยินแต่ชื่อบ้านโป่ง เราก็คิดว่าเอ๊ะ! พวกแกหาข้อมูลผิดป่ะเนี่ยะ? ที่ไหนได้เรานี่แหละที่ไม่รู้จักชุมชนนี้ต่างหาก ก็ใครจะไปคิดว่าชุมชนบ้านโปง เป็นชื่อชุมชนในตัวเมืองเชียงใหม่ที่มีป่าไม้อันสมบูรณ์ซ่อนอยู่ เอาล่ะส่งท้ายปี 2558 นี้เราอยากชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวกันในประเทศซักที่ แนว Local Tourism ไปอินไซด์แหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่นละกัน ลองดูว่าเมื่อสัมผัสวิถีไทยในชุมชนบ้านโปงจะเป็นอย่างไร ตอนนี้โอกาสมาถึงเราแล้วลองเดินทางไปดูซักหน่อยจะเป็นไรไป ขึ้นชื่อว่าเป็นชุมชนเหมือนกัน แถมเป็นช่วงเทศกาลวันพ่อตลอดเดือนธันวาคม ไปท่องเที่ยวตามรอยพ่อ ดูงานกิจกรรมโครงการในพระราชดำริฯ ด้วยก็อาจเอามาใช้เป็นอินสไปเรชั่นใหม่ๆ ได้

จากเมืองสู่แหล่งชุมชน บรรยากาศดีจริงแท้ รั้วขาวตัดสีเขียว นี่หรอบรรยากาศสวนผลไม้เมืองไทย เอาล่ะเมื่อเข้าสู่ชุมชนชนแล้ว ทานอาหารเที่ยงแล้ว ขอเริ่มจากการทำงานของดิฉันก่อนที่จะได้เที่ยวด้วยกัน เพราะจุดประสงค์หลักคือ การมาให้ความรู้เรื่องโซเชียลมีเดียบนโลกออนไลน์ให้กับชุมชน ซึ่งในงานนี้ได้รับเกียรติจากเหล่าวิทยากรชื่อดังในด้านออนไลน์ถึง 4 ท่านด้วยกัน เอาเป็นว่าทั้งชุมชนและดิฉันได้รับความรู้อย่างเต็มเปี่ยม เหล่าแกนนำชุมชนต่อให้อายุมากแล้ว ต้องบอกเลยว่าไฟแรงและมีใจรักในการพัฒนาจริงๆ เห็นได้จากตลอดช่วงการเสวนา ทุกคนได้พยายามแลกเปลี่ยนความรู้ และเสนอแนะแนวทางด้วยการอู้คำเมืองกันอย่างเมามันส์

หลังจากช่วงเวลาการเสวนาได้จบลง ผู้ใหญ่บ้านและน้องๆ ในชุมชนเอ่ยปากชวนไปชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ฟาร์มแม่โจ้ 900 ไร่ กัน แถมยังการันตีด้วยภาพในโทรศัพท์มือถือ เท่านั้นแหละ ทุกคนตกลงทันทีว่าขอไปสัมผัสด้วยตาของตัวเองกันดีกว่า ดิฉันขอซ้อนมอเตอร์ไซต์ของน้องในชุมชนเพื่อจะได้เก็บบรรยากาศสองข้างทางได้ชัดๆ รับลมเต็มๆ และยังได้โอกาสพูดคุยกับน้องคนขับไปด้วย บอกเลยว่าไม่ผิดหวังค่ะ เพราะได้ข้อมูลเรื่องต้นไม้ และความเป็นมาของฟาร์มมาเป็นของแถม
“หนูไม่ชอบเข้าเมือง ข้างในวุ่นวาย อยู่ตรงนี้ก็สบายดี อากาศก็ดี แค่นี้ก็เพียงพอแล้วพี่”
- ความรู้สึกของน้องเยาวชนสารถีจำเป็นของแจ๊ส -
“พี่ก็อยากมีบ้านต่างจังหวัดให้กลับเหมือนกันนะ พี่ยังแอบอิจฉาเพื่อนๆ ที่มีบ้านต่างจังหวัดเลย อย่างน้อยก็มีบ้านพักร้อน ให้เราได้กลับไปพักผ่อน สูดอากาศแบบธรรมชาติบ้าง”
- ความรู้สึกของแจ๊ส คนเกิดและโตในกรุงเทพฯ -
ความในใจของดิฉันก็ได้แลกเปลี่ยนไปให้กับน้องเยาวชนคนนั้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต้องบอกเลยว่าใครที่มีใจรักธรรมชาติ และมีความฝันอยากเป็นเกษตรกรไฮโซซักครั้ง ที่นี่เป็นอินสไปเรชั่นอันแรงกล้าที่จะทำให้คุณที่มาเยือนต้องตกหลุมรัก ประทับใจจนอย่างมีฟาร์มส่วนตัวแบบนี้กับเขาบ้าง
สองข้างทางแวดล้อมไปด้วยสวนผลไม้ที่ล้อมด้วยรั่วสีขาว เป็นแนวคันทรีที่น่าสนใจ
ผลไม้ที่ปลูกในช่วงนี้จะมีลำไย มะม่วงน้ำดอกไม้ ซึ่งตอนนี้จะยังไม่ถึงฤดูกาลของการออกผล
มีโครงการพระราชดำริฯ ด้านการเกษตรที่หลากหลายด้วยนะ
น้องมัคคุเทศก์จำเป็นได้ให้ความรู้ระหว่างขี่มอเตอร์ไซต์ด้วยว่า ที่นี่ยังมีแปลงเพาะผักสวนครัว หรือพืชพันธ์ุต่างๆ ที่นักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้มาทำงานวิจัยทดลองปลูกบ้าง หรือเป็นงานโปรเจคของวิชาเรียนบ้าง จะเห็นน้องๆ บางกลุ่มแวะเวียนมาดูแลแปลงเกษตรของตัวเอง พร้อมจดบันทึกการเติบโตของต้นไม้ที่ปลูกด้วยตัวเอง เป็นภาพที่น่าประทับใจมากๆ
ต้นผักกำลังเจริญเติบโตเลยทีเดียว โตไวไวน้า
ต้องขอบอกเลยว่าไม่ผิดหวังจริงๆ กับการขึ้นมาดูฟาร์มตามคำเชิญชวนในครั้งนี้ เพราะ ภาพพระอาทิตย์อัสดงของที่นี่ช่างสวยงามจริงๆ สวยกว่าภาพในโทรศัพท์มือถือที่เห็นเมื่อยามบ่ายเสียอีก ดิฉันยังคุยกับเพื่อนๆ ว่าที่นี่เหมาะที่จะเป็นโลเคชั่นในการถ่ายละคร แนวสาวน้อยบ้านนาวิ่งมากอดกับหนุ่มกรุงเทพฯ ที่ตามมาง้องอน หรือจะเป็นฉากพรีเวดดิ้งก็เป็นแนวใหม่ที่น่าสนใจ
มาดู มาชมแปลงอื่นๆ กันบ้าง จะบอกว่าจริงๆ แล้วมีหลายแปลงมากๆ เลยน้า
จะว่าภาพนี้เป็นไฮไลท์ของวันก็ว่าได้ มาถึงที่แล้วจะพลาดการหามุมพระอาทิตย์ตกไปได้อย่างไรกัน
หามุมถ่ายพระอาทิตย์กันสนุกสนาน ตอนอยู่กรุงเทพฯ ทำไมไม่มีฉากแบบนี้น้า
นอกจากมุมสวนสไตล์ไทยคันทรี่แล้ว ที่นี่ยังมีชมรมนักปั่นกลุ่มเล็กๆ ที่มีแกนนำชุมชนท่านหนึ่งที่มีความสนใจเรื่องการปั่นจักรยานจัดตั้งขึ้น มีการนัดรวมตัวกับสมาชิกในชุมชนมาปั่นร่วมกัน แต่ที่เห็นไม่ใช่มีแค่คนในพื้นที่เท่านั้นนะ ยังมีชาวต่างชาติ ต่างถิ่นมาเข้ากรุ๊ป ร่วมปั่นกับเค้าด้วย นับว่าเป็นกิจกรรมที่ฮอตฮิต สร้างสรรค์ ได้สุขภาพที่ดี ได้เพื่อนใหม่ และได้ปั่นจักรยานชมวิวสวยๆ ข้างทางไปในตัว ที่สำคัญถนนราดยางเส้นขึ้นมาในฟาร์มแม่โจ้นี้ ถนนดีมาก และแทบไม่มีรถเก๋งขับสวนทางมาเลย เป็นการรับรองความปลอดภัยในการขับขี่ได้ในระดับหนึ่ง
ใครอยากเก็บเส้นทางการปั่นทั่วไทย ที่บ้านโปง เป็นหนึ่งในเส้นทางที่น่าสนใจจริงๆ
กลุ่มนี้เค้าปั่นกันเป็นระเบียบเชียว เหมือนเข้าแถวกันเลย
ซูมพื้นถนนให้ดูชัดๆ ดีเทลเล็กๆ เราไม่เคยพลาดนะ
เย้ เรามาถึงเส้นชัยแล้ว ซุ้มประตูชัยของเรา แม่โจ้ฟาร์ม
หลังจากเสพบรรยากาศความงามของป่าและธรรมชาติในฟาร์มแม่โจ้จนเต็มอิ่มแล้ว ก็เป็นอันถึงเวลาของการพักผ่อน บอกแล้วว่าเราจะมา deep มา Inside จะรู้เรื่องชาวบ้านก็พักกับชาวบ้านเนี่ยละ พักแบบโฮมสเตย์ ต้องขอบอกเลยว่าตื่นเต้นกับการเข้าพักบ้านของคนในชุมชนจริงๆ เพราะเป็นครั้งแรกเลยนะที่ได้พักแบบโฮมสเตย์หนะ ซึ่งก่อนเดินทางมาถึงได้จินตนาการไว้เรียบร้อยเลยว่าที่พักจะต้องเป็นแบบโลคัลสุดๆ บ้านไม้มีใต้ถุนรึเปล่าน้า ต้องมีไก่กุ๊กๆ แน่ๆ เอาเป็นว่าภาพที่มโนไว้เป็นแบบหน้าปกแบบเรียนภาษาไทยสมัยประถม แก้วกับกล้า เจ้าดำเจ้าแต้ม 555 แต่ในความเป็นจริงขอบอกเลยว่าไม่ใช่นะจ้ะ มันเป็นอะไรที่สมัยใหม่มากๆ บ้านสวยกว่าบ้านเราๆ ในกรุงเทพฯ เสียอีก แถมยังมีรองรับนักท่องเที่ยวมากกว่า 50 หลังเลยแหละ
ภาพหน้าบ้านถึงจะมืดไปหน่อยแต่เป็นของจริงที่ได้ไปสัมผัส
เจ้าของบ้านโฮมสเตย์เป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ มีลูกชายตัวจิ๋ว 2 คนด้วยกัน พี่ๆ เจ้าของบ้านพักใจดีและให้ความเป็นกันเองมากๆ เราได้ใช้เวลาอันน้อยนิดที่ได้อยู่ด้วยกันแลกเปลี่ยนเรื่องราวซึ่งกันและกัน เป็นที่น่าสนใจว่าบ้านหลังนี้เคยมีชาวต่างชาติมาพักด้วย ซึ่งคุณแม่ได้แชร์เรื่องราวว่า น้องเด็กฝรั่งที่มาพักก่อนหน้านี้บอกด้วยว่าจะกลับมาใหม่ ตอนที่มาพักจำได้ว่ามาเพื่อศึกษาความเป็นอยู่ของคนในชุมชน เขาเข้าไปดูงานเกษตรกับลุงบ้าง ผู้เฒ่าคนแก่ในชุมชนบ้าง สื่อสารกันโดยใช้ภาษามือเป็นหลัก ซึ่งก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมในห้องเสวนาเมื่อเช้านี้มีภาษาอังกฤษเขียนอยู่ ตามที่ผู้ใหญ่บ้านเคยบอกนั่นเองว่าที่นี่มีการรวมกลุ่มเรียนภาษาอังกฤษเบื้องต้นด้วยนั่นเอง
ดูสิ แค่วันแรกก็เต็มอิ่ม อินบรรยากาศกันแบบเต็มๆ แล้ว เดี๋ยวลองมาดูนะว่าวันพรุ่งนี้จะมีกิจกรรมอะไรให้ไปทำบ้าง
แล้วพบกันใหม่น้า ฟาร์มในฝัน
แอ่วเหนือ ดูงาน เที่ยวเล่นใน ชุมชนบ้านโปง จ.เชียงใหม่ แค่วันแรกก็อิ่มแล้ว
หลายๆ คนเห็นชื่อแล้วคงคิดว่า บ้านโปง ที่ไหนหน่ะ? … ใช่บ้านโป่ง ราชรี รึเปล่า? คือส่วนตัวทั้งชีวิตเคยได้ยินแต่ชื่อบ้านโป่ง เราก็คิดว่าเอ๊ะ! พวกแกหาข้อมูลผิดป่ะเนี่ยะ? ที่ไหนได้เรานี่แหละที่ไม่รู้จักชุมชนนี้ต่างหาก ก็ใครจะไปคิดว่าชุมชนบ้านโปง เป็นชื่อชุมชนในตัวเมืองเชียงใหม่ที่มีป่าไม้อันสมบูรณ์ซ่อนอยู่ เอาล่ะส่งท้ายปี 2558 นี้เราอยากชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวกันในประเทศซักที่ แนว Local Tourism ไปอินไซด์แหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่นละกัน ลองดูว่าเมื่อสัมผัสวิถีไทยในชุมชนบ้านโปงจะเป็นอย่างไร ตอนนี้โอกาสมาถึงเราแล้วลองเดินทางไปดูซักหน่อยจะเป็นไรไป ขึ้นชื่อว่าเป็นชุมชนเหมือนกัน แถมเป็นช่วงเทศกาลวันพ่อตลอดเดือนธันวาคม ไปท่องเที่ยวตามรอยพ่อ ดูงานกิจกรรมโครงการในพระราชดำริฯ ด้วยก็อาจเอามาใช้เป็นอินสไปเรชั่นใหม่ๆ ได้
จากเมืองสู่แหล่งชุมชน บรรยากาศดีจริงแท้ รั้วขาวตัดสีเขียว นี่หรอบรรยากาศสวนผลไม้เมืองไทย เอาล่ะเมื่อเข้าสู่ชุมชนชนแล้ว ทานอาหารเที่ยงแล้ว ขอเริ่มจากการทำงานของดิฉันก่อนที่จะได้เที่ยวด้วยกัน เพราะจุดประสงค์หลักคือ การมาให้ความรู้เรื่องโซเชียลมีเดียบนโลกออนไลน์ให้กับชุมชน ซึ่งในงานนี้ได้รับเกียรติจากเหล่าวิทยากรชื่อดังในด้านออนไลน์ถึง 4 ท่านด้วยกัน เอาเป็นว่าทั้งชุมชนและดิฉันได้รับความรู้อย่างเต็มเปี่ยม เหล่าแกนนำชุมชนต่อให้อายุมากแล้ว ต้องบอกเลยว่าไฟแรงและมีใจรักในการพัฒนาจริงๆ เห็นได้จากตลอดช่วงการเสวนา ทุกคนได้พยายามแลกเปลี่ยนความรู้ และเสนอแนะแนวทางด้วยการอู้คำเมืองกันอย่างเมามันส์
หลังจากช่วงเวลาการเสวนาได้จบลง ผู้ใหญ่บ้านและน้องๆ ในชุมชนเอ่ยปากชวนไปชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ฟาร์มแม่โจ้ 900 ไร่ กัน แถมยังการันตีด้วยภาพในโทรศัพท์มือถือ เท่านั้นแหละ ทุกคนตกลงทันทีว่าขอไปสัมผัสด้วยตาของตัวเองกันดีกว่า ดิฉันขอซ้อนมอเตอร์ไซต์ของน้องในชุมชนเพื่อจะได้เก็บบรรยากาศสองข้างทางได้ชัดๆ รับลมเต็มๆ และยังได้โอกาสพูดคุยกับน้องคนขับไปด้วย บอกเลยว่าไม่ผิดหวังค่ะ เพราะได้ข้อมูลเรื่องต้นไม้ และความเป็นมาของฟาร์มมาเป็นของแถม
ความในใจของดิฉันก็ได้แลกเปลี่ยนไปให้กับน้องเยาวชนคนนั้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต้องบอกเลยว่าใครที่มีใจรักธรรมชาติ และมีความฝันอยากเป็นเกษตรกรไฮโซซักครั้ง ที่นี่เป็นอินสไปเรชั่นอันแรงกล้าที่จะทำให้คุณที่มาเยือนต้องตกหลุมรัก ประทับใจจนอย่างมีฟาร์มส่วนตัวแบบนี้กับเขาบ้าง
น้องมัคคุเทศก์จำเป็นได้ให้ความรู้ระหว่างขี่มอเตอร์ไซต์ด้วยว่า ที่นี่ยังมีแปลงเพาะผักสวนครัว หรือพืชพันธ์ุต่างๆ ที่นักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้มาทำงานวิจัยทดลองปลูกบ้าง หรือเป็นงานโปรเจคของวิชาเรียนบ้าง จะเห็นน้องๆ บางกลุ่มแวะเวียนมาดูแลแปลงเกษตรของตัวเอง พร้อมจดบันทึกการเติบโตของต้นไม้ที่ปลูกด้วยตัวเอง เป็นภาพที่น่าประทับใจมากๆ
ต้องขอบอกเลยว่าไม่ผิดหวังจริงๆ กับการขึ้นมาดูฟาร์มตามคำเชิญชวนในครั้งนี้ เพราะ ภาพพระอาทิตย์อัสดงของที่นี่ช่างสวยงามจริงๆ สวยกว่าภาพในโทรศัพท์มือถือที่เห็นเมื่อยามบ่ายเสียอีก ดิฉันยังคุยกับเพื่อนๆ ว่าที่นี่เหมาะที่จะเป็นโลเคชั่นในการถ่ายละคร แนวสาวน้อยบ้านนาวิ่งมากอดกับหนุ่มกรุงเทพฯ ที่ตามมาง้องอน หรือจะเป็นฉากพรีเวดดิ้งก็เป็นแนวใหม่ที่น่าสนใจ
นอกจากมุมสวนสไตล์ไทยคันทรี่แล้ว ที่นี่ยังมีชมรมนักปั่นกลุ่มเล็กๆ ที่มีแกนนำชุมชนท่านหนึ่งที่มีความสนใจเรื่องการปั่นจักรยานจัดตั้งขึ้น มีการนัดรวมตัวกับสมาชิกในชุมชนมาปั่นร่วมกัน แต่ที่เห็นไม่ใช่มีแค่คนในพื้นที่เท่านั้นนะ ยังมีชาวต่างชาติ ต่างถิ่นมาเข้ากรุ๊ป ร่วมปั่นกับเค้าด้วย นับว่าเป็นกิจกรรมที่ฮอตฮิต สร้างสรรค์ ได้สุขภาพที่ดี ได้เพื่อนใหม่ และได้ปั่นจักรยานชมวิวสวยๆ ข้างทางไปในตัว ที่สำคัญถนนราดยางเส้นขึ้นมาในฟาร์มแม่โจ้นี้ ถนนดีมาก และแทบไม่มีรถเก๋งขับสวนทางมาเลย เป็นการรับรองความปลอดภัยในการขับขี่ได้ในระดับหนึ่ง
หลังจากเสพบรรยากาศความงามของป่าและธรรมชาติในฟาร์มแม่โจ้จนเต็มอิ่มแล้ว ก็เป็นอันถึงเวลาของการพักผ่อน บอกแล้วว่าเราจะมา deep มา Inside จะรู้เรื่องชาวบ้านก็พักกับชาวบ้านเนี่ยละ พักแบบโฮมสเตย์ ต้องขอบอกเลยว่าตื่นเต้นกับการเข้าพักบ้านของคนในชุมชนจริงๆ เพราะเป็นครั้งแรกเลยนะที่ได้พักแบบโฮมสเตย์หนะ ซึ่งก่อนเดินทางมาถึงได้จินตนาการไว้เรียบร้อยเลยว่าที่พักจะต้องเป็นแบบโลคัลสุดๆ บ้านไม้มีใต้ถุนรึเปล่าน้า ต้องมีไก่กุ๊กๆ แน่ๆ เอาเป็นว่าภาพที่มโนไว้เป็นแบบหน้าปกแบบเรียนภาษาไทยสมัยประถม แก้วกับกล้า เจ้าดำเจ้าแต้ม 555 แต่ในความเป็นจริงขอบอกเลยว่าไม่ใช่นะจ้ะ มันเป็นอะไรที่สมัยใหม่มากๆ บ้านสวยกว่าบ้านเราๆ ในกรุงเทพฯ เสียอีก แถมยังมีรองรับนักท่องเที่ยวมากกว่า 50 หลังเลยแหละ
เจ้าของบ้านโฮมสเตย์เป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ มีลูกชายตัวจิ๋ว 2 คนด้วยกัน พี่ๆ เจ้าของบ้านพักใจดีและให้ความเป็นกันเองมากๆ เราได้ใช้เวลาอันน้อยนิดที่ได้อยู่ด้วยกันแลกเปลี่ยนเรื่องราวซึ่งกันและกัน เป็นที่น่าสนใจว่าบ้านหลังนี้เคยมีชาวต่างชาติมาพักด้วย ซึ่งคุณแม่ได้แชร์เรื่องราวว่า น้องเด็กฝรั่งที่มาพักก่อนหน้านี้บอกด้วยว่าจะกลับมาใหม่ ตอนที่มาพักจำได้ว่ามาเพื่อศึกษาความเป็นอยู่ของคนในชุมชน เขาเข้าไปดูงานเกษตรกับลุงบ้าง ผู้เฒ่าคนแก่ในชุมชนบ้าง สื่อสารกันโดยใช้ภาษามือเป็นหลัก ซึ่งก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมในห้องเสวนาเมื่อเช้านี้มีภาษาอังกฤษเขียนอยู่ ตามที่ผู้ใหญ่บ้านเคยบอกนั่นเองว่าที่นี่มีการรวมกลุ่มเรียนภาษาอังกฤษเบื้องต้นด้วยนั่นเอง
ดูสิ แค่วันแรกก็เต็มอิ่ม อินบรรยากาศกันแบบเต็มๆ แล้ว เดี๋ยวลองมาดูนะว่าวันพรุ่งนี้จะมีกิจกรรมอะไรให้ไปทำบ้าง