ความคิดอันนี้มันผุดขึ้นมาหลังจากที่ผมได้อ่านข่าวจากเว็บหนังสือพิมพ์หัวหนึ่ง ที่นำเสนอเรื่องราวของการคัดค้านโรงไฟฟ้ากระบี่
ที่จริงผมก็ได้ยิน เรื่องการคัดค้านเนี่ยมานานแล้ว ตั้งแต่อดข้าวประท้วง ไปยื่นหนังสือที่นั่นที่นี่ จับกลุ่มเสวนากับเวทีต่างๆ มีรูปขึ้นตามหน้าฟีดเฟสบุ๊กก็ออกจะบ่อย
ในขณะที่อีกด้านผมก็ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กระบี่จากผู้ที่รับผิดชอบโดยตรงเหมือนกัน
ผมมองว่าเหตุผลของทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้คัดค้านและสนับสนุนต่างก็หวังดีต่อประเทศ ฝั่งที่คัดค้านก็มีความกังวลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เพราะกลัวว่าถ่านหินจะทิ้งสารพิษไว้จนทำให้เกิดผลกระทบทั้งสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของคนในชุมชน และข้อกังวลอีกอย่างหนึ่งก็คือ กลัวว่าการท่องเที่ยวจะเสียไป
ในขณะที่อีกฝ่ายก็ออกมาบอกว่าเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาแล้ว สามารถกำจัดสารพิษที่เกิดจากถ่านหินได้ รวมไปถึงมีระบบจัดการสิ่งแวดล้อมรอบโรงไฟฟ้าที่ชัดเจน รวมไปถึงความจำเป็นที่จะต้องสร้างเพื่อให้ภาคใต้มีไฟฟ้าที่เพียงพอ และเพื่อลดการพึ่งพาการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ ที่ตอนนี้มีการพึ่งพามากเกินไป
ฟังๆ แล้วคนกลางที่เสพข้อมูลอย่างเราๆ ก็หนักใจนะ เหตุผลของแต่ละฝ่ายมีน้ำหนักกันทั้งนั้น แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ มันโฟกัสปัญหากันคนละจุดเท่านั้นเอง
ด้านหนึ่งก็มีความกังวลสิ่งแวดล้อม
ด้านหนึ่งก็ต้องมีการพัฒนาประเทศ
สองสิ่งนี้มันไม่สามารถพัฒนาควบคู่กันไปได้เหรอครับ?
ผมอยากให้ทั้งสองฝั่งเปิดใจรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ทำยังไงก็ได้ให้มัน win-win กันทั้งคู่ สิ่งแวดล้อมยังคงอยู่ การพัฒนาก็ยังคงดำเนินต่อไป พบกันคนละครึ่งทาง แค่นี้มันไปด้วยกันไม่ได้เหรอครับ?
ถ้าจะต้องเลือกระหว่างการอนุรักษ์ กับการพัฒนา เป็นคุณจะเลือกแบบไหน?
ที่จริงผมก็ได้ยิน เรื่องการคัดค้านเนี่ยมานานแล้ว ตั้งแต่อดข้าวประท้วง ไปยื่นหนังสือที่นั่นที่นี่ จับกลุ่มเสวนากับเวทีต่างๆ มีรูปขึ้นตามหน้าฟีดเฟสบุ๊กก็ออกจะบ่อย
ในขณะที่อีกด้านผมก็ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กระบี่จากผู้ที่รับผิดชอบโดยตรงเหมือนกัน
ผมมองว่าเหตุผลของทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้คัดค้านและสนับสนุนต่างก็หวังดีต่อประเทศ ฝั่งที่คัดค้านก็มีความกังวลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เพราะกลัวว่าถ่านหินจะทิ้งสารพิษไว้จนทำให้เกิดผลกระทบทั้งสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของคนในชุมชน และข้อกังวลอีกอย่างหนึ่งก็คือ กลัวว่าการท่องเที่ยวจะเสียไป
ในขณะที่อีกฝ่ายก็ออกมาบอกว่าเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาแล้ว สามารถกำจัดสารพิษที่เกิดจากถ่านหินได้ รวมไปถึงมีระบบจัดการสิ่งแวดล้อมรอบโรงไฟฟ้าที่ชัดเจน รวมไปถึงความจำเป็นที่จะต้องสร้างเพื่อให้ภาคใต้มีไฟฟ้าที่เพียงพอ และเพื่อลดการพึ่งพาการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ ที่ตอนนี้มีการพึ่งพามากเกินไป
ฟังๆ แล้วคนกลางที่เสพข้อมูลอย่างเราๆ ก็หนักใจนะ เหตุผลของแต่ละฝ่ายมีน้ำหนักกันทั้งนั้น แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ มันโฟกัสปัญหากันคนละจุดเท่านั้นเอง
ด้านหนึ่งก็มีความกังวลสิ่งแวดล้อม
ด้านหนึ่งก็ต้องมีการพัฒนาประเทศ
สองสิ่งนี้มันไม่สามารถพัฒนาควบคู่กันไปได้เหรอครับ?
ผมอยากให้ทั้งสองฝั่งเปิดใจรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ทำยังไงก็ได้ให้มัน win-win กันทั้งคู่ สิ่งแวดล้อมยังคงอยู่ การพัฒนาก็ยังคงดำเนินต่อไป พบกันคนละครึ่งทาง แค่นี้มันไปด้วยกันไม่ได้เหรอครับ?