ถ้าเกิดว่าใครจะเปลี่ยนไปเพราะเรื่องแค่นี้จริงๆ ก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นไป
เคยได้ยินไหม
คนเราพอสนิทกันมากขึ้น เราจะมาอยู่ในจุดที่ สนิทกันมากเลย หรือไม่ก็ไม่สนิทกันอีกเลย
มาคิดแล้วมันก็เป็นธรรมดาของโลกนะ
อาจจะเป็นเพราะ พอสนิทกันมากขึ้นได้เห็นมุมต่างๆของกันและกันมากขึ้น ถ้าเจอแล้วมันใช่ นี่แหละคลิกกับเรามากสุด สองคนนั้นก็คงจะซี้กันไปเลย
แต่ถ้าเกิดมันไม่ใช่ จุดนี้เธอไม่ใช่นะ เรารับไม่ค่อยไหวจริงๆอะ สองคนนั้นก็คงจะค่อยๆห่างกันออกไป
ห่างกันไปโดยที่บางทีก็ไม่ได้มีการบอกกล่าว ไม่ได้พูดจา ว่าทำไมอยู่ดีๆเธอหายไป
มันก็จะเป็นภาระทางจิตใจของคนที่ไม่รู้สาเหตุนี่แหละ คนที่พอเดินมาถึงจุดนี้แล้วยังรู้สึกว่าทุกอย่างมันโอเค เราสองคนน่าจะไปกันได้ดี ก็จะงงๆนิดหน่อยหรืออาจจะงงมาก
ว่าสรุปแล้วฉันทำอะไรผิด เธอถึงได้ห่างไป
เป็นอย่างนี้มันปวดใจนะ มันไม่เจ็บจี๊ด ไม่เจ็บแบบตู้มเดียว แต่มันจะค่อยๆปวดๆช้ำๆชาๆ และก็ยังค้างคาอยู่อย่างนั้น
สุดท้ายก็อาจจะไม่ได้คำตอบ
เป็นคำถามที่ไม่มีคนตอบ ...
หรือบางทีอาจจะมี แต่คำตอบที่ได้มามันก็อาจไม่ใช่คำตอบจริงๆอย่างที่อีกฝ่ายรู้สึก
เพราะการจะพูดความรู้สึกกับคนที่เราไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยแล้วมันยากนะ
บางคนทำได้ บางคนไม่อยากทำ
บางทีแค่มองหน้ายังไม่อยากจะมองเลย
จริงไหม?
น่าสงสารคนที่โดนตีตัวห่าง
ต้องทำเหมือนว่าเข้าใจทั้งที่ไม่ได้เข้าใจเลย
ต้องหาคำตอบของการหายไปอยู่อย่างนั้น เพราะเราก็ยังแคร์เธออยู่ ยังอยากให้เธอกลับมานะ ทำอะไรผิดก็อยากให้เธอบอก เราพร้อมแก้ไขทุกอย่าง กลับมาเป็นเพื่อนกัน กลับมาเป็นคนรักกัน เหมือนเดิมนะ
เราเข้าใจ
จริงๆแล้วเราทุกคนก็คงเคยเป็นทั้งคนที่หนึ่งและคนที่สองนั่นแหละ
เราเข้าใจว่าความอึดอัดที่เกิดจากความสัมพันธ์แบบนี้มันเป็นยังไง
ความอึดอัดที่ไม่มีใครสร้างขึ้น แต่มันเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ...มั้ง
ธรรมชาติของคนที่ความรู้สึกเปลี่ยนไป
บางทีมันอาจจะเป็นกฎของธรรมชาติที่ให้คนสองคนห่างกันไปซะ อย่ามาเจอกันเลย ไม่ต้องพูดกันหรอก ไม่ต้องอธิบาย เพราะธรรมชาติรู้ว่าถึงมนุษย์มาคุยกันเรื่องนี้ มันก็จะจบลงแบบเดิมอยู่ดี ถึงมีใครได้อธิบายสุดท้ายก็แค่อธิบาย ก็อีกฝ่ายรู้สึกไปแล้วว่าระหว่างเรามันไม่ใช่ จะทำยังไงมันก็ไม่ใช่อะ
พอสนิทกันมากขึ้นเราจะมาอยู่ในจุดที่ 'สนิทกันมากเลย' หรือไม่ก็ 'ไม่สนิทกันอีกเลย'
เคยได้ยินไหม
คนเราพอสนิทกันมากขึ้น เราจะมาอยู่ในจุดที่ สนิทกันมากเลย หรือไม่ก็ไม่สนิทกันอีกเลย
มาคิดแล้วมันก็เป็นธรรมดาของโลกนะ
อาจจะเป็นเพราะ พอสนิทกันมากขึ้นได้เห็นมุมต่างๆของกันและกันมากขึ้น ถ้าเจอแล้วมันใช่ นี่แหละคลิกกับเรามากสุด สองคนนั้นก็คงจะซี้กันไปเลย
แต่ถ้าเกิดมันไม่ใช่ จุดนี้เธอไม่ใช่นะ เรารับไม่ค่อยไหวจริงๆอะ สองคนนั้นก็คงจะค่อยๆห่างกันออกไป
ห่างกันไปโดยที่บางทีก็ไม่ได้มีการบอกกล่าว ไม่ได้พูดจา ว่าทำไมอยู่ดีๆเธอหายไป
มันก็จะเป็นภาระทางจิตใจของคนที่ไม่รู้สาเหตุนี่แหละ คนที่พอเดินมาถึงจุดนี้แล้วยังรู้สึกว่าทุกอย่างมันโอเค เราสองคนน่าจะไปกันได้ดี ก็จะงงๆนิดหน่อยหรืออาจจะงงมาก
ว่าสรุปแล้วฉันทำอะไรผิด เธอถึงได้ห่างไป
เป็นอย่างนี้มันปวดใจนะ มันไม่เจ็บจี๊ด ไม่เจ็บแบบตู้มเดียว แต่มันจะค่อยๆปวดๆช้ำๆชาๆ และก็ยังค้างคาอยู่อย่างนั้น
สุดท้ายก็อาจจะไม่ได้คำตอบ
เป็นคำถามที่ไม่มีคนตอบ ...
หรือบางทีอาจจะมี แต่คำตอบที่ได้มามันก็อาจไม่ใช่คำตอบจริงๆอย่างที่อีกฝ่ายรู้สึก
เพราะการจะพูดความรู้สึกกับคนที่เราไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยแล้วมันยากนะ
บางคนทำได้ บางคนไม่อยากทำ
บางทีแค่มองหน้ายังไม่อยากจะมองเลย
จริงไหม?
น่าสงสารคนที่โดนตีตัวห่าง
ต้องทำเหมือนว่าเข้าใจทั้งที่ไม่ได้เข้าใจเลย
ต้องหาคำตอบของการหายไปอยู่อย่างนั้น เพราะเราก็ยังแคร์เธออยู่ ยังอยากให้เธอกลับมานะ ทำอะไรผิดก็อยากให้เธอบอก เราพร้อมแก้ไขทุกอย่าง กลับมาเป็นเพื่อนกัน กลับมาเป็นคนรักกัน เหมือนเดิมนะ
เราเข้าใจ
จริงๆแล้วเราทุกคนก็คงเคยเป็นทั้งคนที่หนึ่งและคนที่สองนั่นแหละ
เราเข้าใจว่าความอึดอัดที่เกิดจากความสัมพันธ์แบบนี้มันเป็นยังไง
ความอึดอัดที่ไม่มีใครสร้างขึ้น แต่มันเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ...มั้ง
ธรรมชาติของคนที่ความรู้สึกเปลี่ยนไป
บางทีมันอาจจะเป็นกฎของธรรมชาติที่ให้คนสองคนห่างกันไปซะ อย่ามาเจอกันเลย ไม่ต้องพูดกันหรอก ไม่ต้องอธิบาย เพราะธรรมชาติรู้ว่าถึงมนุษย์มาคุยกันเรื่องนี้ มันก็จะจบลงแบบเดิมอยู่ดี ถึงมีใครได้อธิบายสุดท้ายก็แค่อธิบาย ก็อีกฝ่ายรู้สึกไปแล้วว่าระหว่างเรามันไม่ใช่ จะทำยังไงมันก็ไม่ใช่อะ