คือในละคร มันต่างมากกกกกับชีวิตจริง
เจ้าสัวไทยไทยหรือไทยจีน ร้อยทั้งร้อยยังไงก็มอบตำแหน่งให้ลูกชายในไส้สืบทอดกิจการอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าลูกชายจะเป็นยังไง เขาก็ต้องมีคุยกัน ทำความเข้าใจกันไม่ได้ปล่อยให้ลูกชายตัวเองคิดไปเองจนน้อยใจพ่อตัวเอง ว่าพ่อไม่รักตนขนาดลูกในไส้แท้ๆ จนเกิดศึกสงครามจิตและความคิดของลูกชายเองเหมือนในละคร
สุภาษิตไทยและจีนถืออย่างนี้ป่ะ ถึงลูกจะชั่วจะดีจะไม่เก่งในการบริหารแค่ไหนแต่ก็ยังเต็มใจมอบมรดกทางธุรกิจให้ลูกชายตัวเอง อาจจะจ้างมือดี เก่งๆมานั่งเป็นที่ปรึกษาป่าว แต่ในละครพ่อลูกนับวันยิ่งห่างเหิน ไม่คุยไม่ทำความเข้าใจกัน ถึงแม้รู้ทั้งรู้ว่าลูกบุญธรรมจะดีจะประเสริฐแค่ไหน ในชีวิตจริงเป็นได้แค่ผู้จัดการ เท่าที่เคยเห็นมาแต่ไม่เชิงลูกบุญธรรม. เป็นหลานในไส้ เลี้ยงอุ้มชูมาเหมือนลูก โตมาด้วยกันกับลูกในไส้ เก่งการธุรกิจ อำนาจบริหารยังตกไปอยู่ในมือลูกแท้ๆเลย
จริงๆคุณสิริก็ผิดตั้งแต่ต้นป่ะ ที่เดินเกมส์ผิด ให้โอกาสลูกบุญธรรมกับลูกแท้เท่ากัน แต่ใครพลาดทำงานไม่เก่งก็ตกไป คนเก่งก็ขึ้นมา จนเกิดช่องว่างระหว่างพ่อแท้ลูกแท้ขึ้นเรื่อยๆจนเป็นชนวนให้ลูกชายตัวเองเริ่มกระทำการเลวๆต่อลูกบุญธรรม
ในชีวิตจริง ถึงลูกจะไม่เก่งยังไง พ่อคนที่สร้างธุรกิจมากับมือ ก้อยกให้ลูกในไส้นะ ไม่เก่งไม่ดียังไงก็คอยเป็นกุนซือให้ลูก คอยเป็นที่ปรึกษาจนลูกสามารถยืนหยัดด้วยตัวเองได้ ถึงจะปล่อยมือ วางมือ
มาเห็นในละครมันเลยดูแปลกๆ ถึงแม้ลูกบุญธรรมจะเป็นคนดี ซื่อตรง เก่งก็เถอะ และลูกชายในไส้ตัวเองก็ไม่ได้เลวโดยสัญชาติ เพิ่งมาเลวหลังจากคิดน้อยใจพ่อว่าพ่อไม่รักพ่อไม่เห็นความสำคัญ. ไม่ให้อำนาจบริหาร ชนวนทั้งหมดน่าจะเกิดจากความเป็นอีโก้ของคุณสิริ ประมาณว่าฉันสร้างมากับมือ มันจะพังด้วยมือคนทีไม่เก่งไม่เป็นงานไม่ได้เด็ดขาด แต่ลืมรายละเอียดไปว่า ตัวเองเก่งสามารถถ่ายทอดความเก่งไปให้ลูกทั้งสองได้ ช่วยกันบริหารธุรกิจให้มันเจริญๆไปด้วยกัน ไม่ใช่โยนโปรเจคให้ คือใครทำได้ออกมาดีกว่าจะได้เป็นใหญ่ ใครไม่ได้เรื่องเป็นรองไป
เขาวางเกมส์ผิดตั้งแต่ต้นป่าว เลยเป็นเหตุให้ลูกชายตัวเองกระทำอะไรเลวๆลงไป งานนี้คุณสิริต้องประเมินตัวเองด้วย ต้องกลับมาคิดมาทบทวน หาทางแก้ไขสถานการณ์. ไม่งั้นก็จะมานั่งเป็นทุกข์เพราะลูกๆแตกแยก ห้ำหั่น ชิงดีอยู่ร่ำไป
ไฟล้างไฟ คุณสิริวางเกมส์ธุรกิจให้ลูกชายทั้งสองผิดมาตั้งแต่ต้นป่ะ จนเป็นชนวนให้ลูกในไส้คิดผิดทำผิดอยู่ร่ำไป
เจ้าสัวไทยไทยหรือไทยจีน ร้อยทั้งร้อยยังไงก็มอบตำแหน่งให้ลูกชายในไส้สืบทอดกิจการอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าลูกชายจะเป็นยังไง เขาก็ต้องมีคุยกัน ทำความเข้าใจกันไม่ได้ปล่อยให้ลูกชายตัวเองคิดไปเองจนน้อยใจพ่อตัวเอง ว่าพ่อไม่รักตนขนาดลูกในไส้แท้ๆ จนเกิดศึกสงครามจิตและความคิดของลูกชายเองเหมือนในละคร
สุภาษิตไทยและจีนถืออย่างนี้ป่ะ ถึงลูกจะชั่วจะดีจะไม่เก่งในการบริหารแค่ไหนแต่ก็ยังเต็มใจมอบมรดกทางธุรกิจให้ลูกชายตัวเอง อาจจะจ้างมือดี เก่งๆมานั่งเป็นที่ปรึกษาป่าว แต่ในละครพ่อลูกนับวันยิ่งห่างเหิน ไม่คุยไม่ทำความเข้าใจกัน ถึงแม้รู้ทั้งรู้ว่าลูกบุญธรรมจะดีจะประเสริฐแค่ไหน ในชีวิตจริงเป็นได้แค่ผู้จัดการ เท่าที่เคยเห็นมาแต่ไม่เชิงลูกบุญธรรม. เป็นหลานในไส้ เลี้ยงอุ้มชูมาเหมือนลูก โตมาด้วยกันกับลูกในไส้ เก่งการธุรกิจ อำนาจบริหารยังตกไปอยู่ในมือลูกแท้ๆเลย
จริงๆคุณสิริก็ผิดตั้งแต่ต้นป่ะ ที่เดินเกมส์ผิด ให้โอกาสลูกบุญธรรมกับลูกแท้เท่ากัน แต่ใครพลาดทำงานไม่เก่งก็ตกไป คนเก่งก็ขึ้นมา จนเกิดช่องว่างระหว่างพ่อแท้ลูกแท้ขึ้นเรื่อยๆจนเป็นชนวนให้ลูกชายตัวเองเริ่มกระทำการเลวๆต่อลูกบุญธรรม
ในชีวิตจริง ถึงลูกจะไม่เก่งยังไง พ่อคนที่สร้างธุรกิจมากับมือ ก้อยกให้ลูกในไส้นะ ไม่เก่งไม่ดียังไงก็คอยเป็นกุนซือให้ลูก คอยเป็นที่ปรึกษาจนลูกสามารถยืนหยัดด้วยตัวเองได้ ถึงจะปล่อยมือ วางมือ
มาเห็นในละครมันเลยดูแปลกๆ ถึงแม้ลูกบุญธรรมจะเป็นคนดี ซื่อตรง เก่งก็เถอะ และลูกชายในไส้ตัวเองก็ไม่ได้เลวโดยสัญชาติ เพิ่งมาเลวหลังจากคิดน้อยใจพ่อว่าพ่อไม่รักพ่อไม่เห็นความสำคัญ. ไม่ให้อำนาจบริหาร ชนวนทั้งหมดน่าจะเกิดจากความเป็นอีโก้ของคุณสิริ ประมาณว่าฉันสร้างมากับมือ มันจะพังด้วยมือคนทีไม่เก่งไม่เป็นงานไม่ได้เด็ดขาด แต่ลืมรายละเอียดไปว่า ตัวเองเก่งสามารถถ่ายทอดความเก่งไปให้ลูกทั้งสองได้ ช่วยกันบริหารธุรกิจให้มันเจริญๆไปด้วยกัน ไม่ใช่โยนโปรเจคให้ คือใครทำได้ออกมาดีกว่าจะได้เป็นใหญ่ ใครไม่ได้เรื่องเป็นรองไป
เขาวางเกมส์ผิดตั้งแต่ต้นป่าว เลยเป็นเหตุให้ลูกชายตัวเองกระทำอะไรเลวๆลงไป งานนี้คุณสิริต้องประเมินตัวเองด้วย ต้องกลับมาคิดมาทบทวน หาทางแก้ไขสถานการณ์. ไม่งั้นก็จะมานั่งเป็นทุกข์เพราะลูกๆแตกแยก ห้ำหั่น ชิงดีอยู่ร่ำไป