อารัมภบท
ข้อมูลนี้เป็นการนำเอาเรื่องราวของความขัดเเย้งในการเมืองประเทศกัมพูชาและนำเสนอข้อมูลทางทหาร โดยมิได้มีเจตนาเพื่อการปลุกปั่นหรือยุยงให้เกิดความแตกแยกใดใด
ตอนที่ 9 ขบวนการชาตินิยมเขมร
ย้อนเวลากลับไปยังภูมิภาคอินโดจีน เมื่อช่วงต้นปี พ.ศ.2473 ก่อนที่กองทัพจักรวรรดิ์ญี่ปุ่นจะเดินทัพผ่านมายังอินโดจีนนั้น โฮจิมินส์ได้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามขึ้น ในวันที่ 3 กุมพาพันธ์ ทั้งนี้พรรคคอมมิวนิสต์จากลาวและพรรคปฏิวัติเขมรได้เข้าร่วมด้วย เพียงเวลาไม่นานนักเครือข่ายกลุ่มคอมมิวนิสต์ในภูมิภาคนี้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อพรรคใหม่ชื่อ"พรรคคอมมิวนิสต์แห่งอินโดจีน" ในขณะที่ลาวและเวียดนามได้มีการดำเนินกลยุทธและกระบวนการของเครือข่ายต่อต้านนั้นได้พัฒนาเป็นลำดับอย่างต่อเนื่อง แต่ทางกัมพูชาเองนั้นกลับไม่ค่อยได้รับความสนใจจากมวลชนและผู้นำกลุ่มสักเท่าใดนัก เนื่องจากกัมพูชานั้นมีกลุ่มเคลื่อนไหวอยู่มากมายหลายกลุ่ม อีกทั้งในแต่ละกลุ่มนั้นยังมีความขัดแย้งกันเอง จึงยากที่จะรวมเป็นกลุ่มชาตินิยมหนึ่งเดียวได้
กัมพูชาในปี พุทธศักราช 2483 หนึ่งปีก่อนที่เจ้าสีหนุได้ขึ้นครองราชย์นั้น กลุ่มปัญญาชนชาตินิยมเขมรได้มีการจัดตั้งกลุ่มเขมรอิสระขึ้นยังเมืองพระตระบอง โดยมีวัตถุประสงค์หลักในช่วงแรกเพื่อต่อต้านเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศส ทั้งนี้ได้รับการสนับสนุน ทุน ฐาน อาวุธจากประเทศไทยเพื่อต่อสู้กับฝรั่งเศสแถบชายแดนไทย โดยผู้ก่อตั้งกลุ่มนี้ คือ ปก พอลกุณ มีผู้นำกองกำลังคือ สมเด็จพระนโรดม จันทรรังสี และ ดาบ ชวน ภายหลังเมื่อรัฐบาลไทยยุติการสนับสนุนเขมรอิสระชั่วคราวเนื่องจากเหตุการณ์รัฐประหารในไทย เขมรอิสระจึงแตกออกเป็นหลายกลุ่ม โดยมีทั้งเขมรอิสระฝ่ายขวาและฝ่ายซ้าย
กลุ่มของจันทรรังสีได้เข้าร่วมกับกลุ่มเขมรเสรีของ เซิง ง็อกมิญ และยังคงเป็นฝ่ายขวาต่อต้านทั้งฝรั่งเศสและราชวงศ์ โดยที่ไทยเรายังคงให้การสนับสนุนอยู่ แต่ฝ่ายขวาบางส่วนก็ยอมวางอาวุธและเข้ามอบตัวต่อฝรั่งเศส

นักองค์มจะ นโรดม จันทรังสี
กลุ่มของ ดาบ ชวน ได้จัดตั้งคณะกรรมการปลดปล่อยประชาชนเขมร ทั้งนี้ผู้นำของขบวนการนี้มี 11 คน เป็นฝ่ายนิยมเวียดมิญถึง 5 คน แม้ว่าดาบ ชวน เองจะเป็นกลุ่มที่ต่อต้านคอมมิวนิสต์ก็ตาม แต่ขบวนการนี้ก็มีผู้ที่นิยมเวียดมิญและมีบทบาทสำคัญอยู่ 2 คนคือ เซียว เฮงและหลานชายของเขาคือ ฬง บุนเรต หรือ นวน เจีย และภายหลัง ดาบ ชวน ได้ไล่ฝ่ายนิยมเวียดมิญออกจากขบวนการ และนำกลุ่มของตนเข้าร่วมกับรัฐบาลเจ้าสีหนุ ซึ่งต่อมา ดาบ ชวน ก็ถูกจับประหารชีวิตใน พ.ศ. 2502 หลังถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในแผนบางกอกเพื่อทำรัฐประหาร นอกจากนั้นพี่น้องของเขา เข็ม สเร็ย ที่มีความใกล้ชิดทางการเมืองกับเขามาก เข็ม เพ็ญ ที่เป็นผู้ช่วย และ ซลัต เพียว ที่ทำงานในสถานทูตที่เสียมราฐถูกประหารชีวิตไปด้วย ทั้งนี้เจ้าสีหนุทรงจัดตั้งกลุ่มต่อต้านฝรั่งเศสขึ้นมาด้วยเช่นกัน สมาชิกส่วนใหญ่เป็นชาวนาและเชื้อพระวงศ์บางส่วน โดยการสนับสนุนอย่างลับๆจากจักรวรรดิ์ญี่ปุ่น
ในส่วนกลุ่มชาตินิยมเขมรกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มหนึ่ง คือ เขมรอิสระฝ่ายซ้าย จัดตั้งโดยอดีตพระภิกษุ 2 รูป คือ เซิง ง็อกมิญ และ ตู ซามุต ภายหลังจากการแยกตัวออกมาจากเขมรอิสระกลุ่มเดิม ง็อกมิญ ได้ก่อตั้งพรรคปฏิวัติประชาชนเขมรซึ่งต่อมาก็คือ"พรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา" ในขบวนการนี้ยังไดัรับสมาชิกกลุ่มปัญญาชนปารีสเข้าร่วมด้วย ทั้งนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากเวียดนามเหนือ ในช่วงนี้เองที่เวียดมิญเข้ามามีบทบาทเหนือขบวนการมากขึ้น ทำให้คอมมิวนิสต์แบบเวียดนามแพร่หลายทางภาคตะวันออกของประเทศ มีการฝึกการสู้รบแบบกองโจร และกองกำลังคอมมิวนิสต์กัมพูชาจำนวนมากถูกส่งเข้าอบรมทางการเมือง เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับลัทธิมาร์ก-เลนิน และความร่วมมือกับเวียดนาม จนกระทั่ง ง็อกมิญ เสียชีวิตลงด้วยโรคความดันโลหิตสูง ในปี พ.ศ.2502 ตู ซามุต จึงขึ้นเป็นหัวหน้าองค์กรฝ่ายเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา แต่ตัวของ ตู ซามุต เองนั้น กลับเป็นฝ่ายซ้ายซึ่งนิยมเจ้า และเขาก็เป็นที่นิยมชมชอบในหมู่พระภิกษุกัมพูชาอย่างมาก นโยบายของ ซามุต จัดว่าเป็นกลาง สนับสนุนการมีอยู่ของพระมหากษัตริย์และสนับสนุนเวียดนามเหนือในการรวมชาติเวียดนาม ในขณะเดียวกันที่สมาชิกจากเขมรอิสระฝ่ายนิยมซ้ายที่พึ่งถูกขับออกมาจากกลุ่มของ ดาบ ชวน คือ เซียว เฮง หัวหน้าองค์กรฝ่ายชนบทและ นวน เจีย กลับมองว่านโยบายความเป็นกลางของ ตู ซามุต นั้นไม่ใช่แนวทางของพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา ต่อมาในปี พ.ศ.2502 กลุ่มคอมมิวนิสต์ชนบทของ เซียว เฮง และนวน เจีย ถูกฝ่ายรัฐบาลเจ้าสีหนุปราบปรามอย่างหนัก กลุ่มของซามุต จึงได้ร่วมประชุมลับกันที่สถานีรถไฟกัมพูชา โดยในที่ประชุมเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรง เนื่องด้วยซามุต มีนโยบายนำพรรคเข้าร่วมกับรัฐบาลเจ้าสีหนุ และนี้เองจึงเป็นเหตุให้ซามุต ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ ใน พ.ศ.2503 โดยมีการคาดการณ์กันว่า ตู ซามุต อาจถูกสังหารโดยอดีตนักศึกษาปัญญาชนจากปารีสผู้หนึ่ง ? .....
ตอนที่ 10 สีอะไรคนไทยเกลียดที่สุด ?
ในขณะที่กระแสชาตินิยมในกัมพูชานั้นเริ่มมีความระอุมากยิ่งขึ้นนั้น ฝรั่งเศสได้ทำการเข้าปราบกลุ่มชาตินิยมต่างๆ ยังผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่าพันคน ซึ่งเหตุนี้เองญี่ปุ่นจึงเข้าแทรกแซงรัฐบาลวีซีฝรั่งเศสทันที..... ภายหลังจากญี่ปุ่นได้สลายการปกครองของฝรั่งเศสในกัมพูชาและสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลหุ่นเชิด ในวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2488 กัมพูชาได้ประกาศเอกราชภายใต้วงไพบูลย์แห่งมหาเอเชียบูรพาของญี่ปุ่น โดยมีพระนโรดม สีหนุ เป็นประมุขรัฐ เซิง ง็อกทัญ ซึ่งลี้ภัยอยู่ประเทศญี่ปุ่นจึงได้เดินทางกลับมายังกัมพูชาคืน และจัดตั้งกลุ่มเขมรเสรีขึ้นอย่างลับๆ เพื่อใช้เป็นฐานสนับสนุนตน จุดประสงค์ก็เพื่อต่อต้านราชวงศ์นั่นเอง ไม่นานแผนการของ ง็อกทัญ ก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อกลุ่มเขมรเสรีได้เข้าทำการรัฐประหารรัฐบาลของเจ้าสีหนุ และเข้าควบคุมกัมพูชาในทันที แต่รัฐบาลของ ง็อกทัญ ก็ดำรงอยู่ได้ไม่นานเพราะเพียงไม่กี่วันถัดมา ญี่ปุ่นก็ยอมแพ้สงครามเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2488 กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรได้เข้ามายังกรุงพนมเปญและจับตัวเซิง งอกทัญ พร้อมทหารญี่ปุ่นส่งไปกักตัวที่ฝรั่งเศส กลุ่มต่อต้านฝรั่งเศสต่างๆ เช่นกลุ่มเขมรเสรี เขมรอิสระ ทั้งที่นิยมและไม่นิยมเวียดนาม ได้ร่วมมือกันตั้งมั่นในบริเวณที่ยังอยู่ภายใต้การปกครองของไทย ซึ่งในระหว่างนี้เองที่รัฐบาลสหรัฐฯและโซเวียตรัสเซียเล็งเห็นประโยชน์บางอย่างในภูมิภาคอินโดจีนขึ้นมา สายตามันวาวของฝูงปีศาจสงคราม 2 ฝูงจ้องมายังอินโดจีนอย่างมิคลาดสายตา.....
ภายหลังเยอรมันและญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามนั้น ฝรั่งเศสเจ้าอาณานิคมเดิม จึงได้มีความพยายามที่จะหวนกลับมาสานต่ออำนาจของตนยังอินโดจีนอีกครั้ง และคราวนี้ไทยเราอดีตพันธมิตรญี่ปุ่นเยอรมันต้องตกที่นั่งลำบาก และจำต้องคืนดินแดนที่ได้มาในมณฑลบูรพาคืนให้แก่ฝรั่งเศส แต่ในขณะเดียวกันที่ฝรั่งเศสกลับต้องประสพกับการต้านทานอย่างหนัก จากกลุ่มชาตินิยมต่างๆทั้งในเวียดนาม ลาว และกัมพูชาโดยเจ้าสีหนุพยายามเจรจากับฝรั่งเศสเพื่อเรียกร้องเอกราชที่สมบูรณ์ ในปี พ.ศ. 2489 รัฐบาลฝรั่งเศสจึงยอมผ่อนคลายความเข้มงวดในการปกครองกัมพูชาลง คือการปกครองแบบอาณานิคมอย่างเป็นทางการสิ้นสุดลง กัมพูชาได้บริหารในเขตปกครองตนเอง มีการจัดตั้งกองทัพแห่งชาติกัมพูชาภายในเขตปกครองตนเองในจังหวัดเสียมราฐ และพระตะบองที่ได้คืนมาจากไทย โดยประเทศกัมพูชาได้รับการรับรองจากสหรัฐและประเทศที่ไม่ใช่คอมมิวนิสต์อื่นๆ แต่ในเอเชียมีเฉพาะไทยกับเกาหลีใต้เท่านั้น ที่ไม่ขอรับรองเอกภาพของประเทศกัมพูชา ภายหลังจากกัมพูชาได้รับการรับรองเอกภาพแล้ว เจ้าสีหนุ จึงได้ขอให้ฝรั่งเศสปล่อยตัว เซิง งอกทัญ และยอมให้เขาเดินทางกลับประเทศ เซิง งอกทัญ จึงกลับมายังกัมพูชาเมื่อ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2494 และเข้าร่วมกับกลุ่มเขมรอิสระของจันทรรังสีเพื่อต่อต้านราชวงศ์อีกครั้ง
ในขณะที่ เจ้าสีหนุ ได้ประกาศเข้าควบคุมรัฐบาลในฐานะนายกรัฐมนตรี ทรงประกาศยุบสภาแห่งชาติและประกาศกฎอัยการศึกแม้จะไม่มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญที่ชัดเจน แต่พระองค์ก็เข้าปกครองประเทศโดยตรงเป็นเวลาเกือบสามปี ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2496 พระนโรดม สีหนุเดินทางไปฝรั่งเศสเพื่อเจรจาให้กัมพูชาได้รับเอกราชที่สมบูรณ์ และพระองค์ได้กล่าวว่า ถ้าไม่ได้รับเอกราชโดยทันที ประชาชนกัมพูชาจะหันไปสนับสนุน เซิง งอกทัญ และเขมรอิสระแทน เจ้าสีหนุ ได้เดินทางต่อไปยังสหรัฐ แคนาดา ญี่ปุ่น ไทย เสียมราฐ และประกาศว่าจะไม่กลับกัมพูชาจนกว่าจะได้รับเอกราชที่สมบูรณ์ ในระหว่างนั้นเองที่ฝรั่งเศสเพลี่ยงพล้ำอย่างหนักในสมรภูมิ เดียน เบียน ฟู ที่เวียดนาม ทำให้ฝรั่งเศสตัดสินใจให้เอกราชที่สมบูรณ์แก่กัมพูชา ลาวและเวียดนามในที่สุด
ในช่วงที่เจ้าสีหนุดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรียาวนาน จนถึงประมุขแห่งรัฐช่วงแรกนั้น สงครามในเวียดนามและลาวระอุขึ้นอย่างหนัก เจ้าสีหนุจึงได้ทรงประกาศจุดยืนของกัมพูชาว่าจะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่นโยบายและท่าทีของพระองค์กลับตรงกันข้าม ด้วยพระองค์นั้นทรงทราบถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกองกำลังเวียดกงที่ซ่องสุมอยู่ในภาคตะวันออกของประเทศ อีกทั้งยังยินยอมให้เวียดนามเหนือใช้ท่าเรือในสีหนุวิลล์ เพื่อขนถ่ายยุทธปัจจัยเข้าต่อต้านเวียดนามใต้ ดังนั้นสหรัฐอเมริกาจึงส่งCIA.และกองกำลังบางส่วนเข้าไปยังดินแดนเขมร ทั้งนี้สหรัฐฯได้ร่วมกับไทย เวียดนามใต้ เพื่อให้การสนับสนุนเขมรอิสระของกลุ่มจันทรรังสี และกลุ่มเขมรเสรีของ เซิง ง็อกทัญ โดยการส่งกองกำลังเขมรให้เข้ารับการฝึกต่อต้านคอมมิวนิตส์ยังเวียดนามใต้ กว่า 8,000 คน อีกทั้งไทยเรายังได้ส่งกองกำลังลับเข้าไปทำการฝึก และติดอาวุธให้เขมรฝ่ายขวาอีกด้วย และในระหว่างนั้นเองที่เจ้าสีหนุจึงดำเนินนโยบายที่เป็นผลให้เกิดข้อพิพาทระหว่างไทยเราอยู่หลายประการ ด้วยนโยบายชาตินิยมและเพื่อคะแนนเสียงของพระองค์ จึงได้ยกประเด็นกรณีพิพาทเรื่องปราสาทพระวิหารขึ้น อีกทั้งกัมพูชาได้ยื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ อ้างกรรมสิทธิเหนือเขาพระวิหาร และศาลโลกได้ตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา ระหว่างนั้น กัมพูชาได้ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตของไทยในปลายปี พ.ศ. 2501 แต่เมื่อต้นปี พ.ศ. 2502 ก็กลับมามีความสัมพันธ์กันใหม่ ก่อนที่จะตัดความสัมพันธ์อีกครั้งในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2504 จากเหตุการณ์ดังกล่าวชาวไทยในยุคนั้นจึงมองพระองค์อย่างไม่เป็นมิตรนัก ทั้งยังได้ตั้งคำถามล้อเลียนว่า สีอะไรเอ่ยคนไทยเกลียดมากที่สุด ? คำตอบคือ

อีกนโยบายหนึ่งที่สร้างความร้าวฉานต่อสัมพัธไมตรีระหว่างไทย คือ นโยบายต่อชาวเกาะกงเชื้อสายไทย สืบเนื่องจากความขัดแย้งจากกรณีปราสาทเขาพระวิหาร ประกอบกับการที่พระองค์น่าจะมีความระแวงไทยสูง ในปี พ.ศ. 2506 รัฐบาลกัมพูชาได้ออกกฎห้ามชาวเกาะกงพูดภาษาไทย ห้ามมีเงินไทย และห้ามมีหนังสือไทยไว้ในบ้าน หากเจ้าหน้าที่ค้นพบจะถูกทำลายให้สิ้นซาก โดยเฉพาะหากพูดภาษาไทยจะถูกปรับคำละ 25 เรียล และเพิ่มขึ้นเป็น 50 เรียล ต่อมาในปี พ.ศ. 2508 พระองค์ได้ประกาศว่า ทรงพบเอกสารคอมมิวนิสต์ที่เกาะกง โดยบางชิ้นเป็นภาษาไทย ทำให้พระองค์มีพระราชวินิจฉัยว่าเขมรแดงได้รับคำสั่งจาก "นาย" ต่างประเทศ เพื่อปลุกระดมให้คนเขมรแปลกแยกต่อสังคม เจ้าสีหนุจึงดำเนินนโยบายแข็งกร้าวมากยิ่งขึ้น โดยมีการคาดการณ์ว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2509 มีชาวเกาะกงเชื้อสายไทยถูกสังหารไปราว 160 คน อีกทั้งมีรายงานบันทึกซึ่งอ้างอิงถึงคำพูดของนายพลลอน นอลเมื่อครั้งทำงานใกล้ชิดกับสีหนุ ความว่า "...คนไทยเกาะกง แม้ว่าจะสูญหายตายจากไปสักห้าพันคน ก็ไม่ทำให้แผ่นดินเขมรเอียง" ผลที่ตามมาจากเหตุการณ์ครั้งนี้ คือมีคนเชื้อสายไทยจำนวนมากอพยพออกจากเกาะกงไปจังหวัดตราดของไทย และเกิดปัญหาสถานะบุคคลจนถึงปัจจุบัน
โปรดติดตามตอนต่อไปครับ
กัมพูชา บูชากรรม ตอนที่ 9
ข้อมูลนี้เป็นการนำเอาเรื่องราวของความขัดเเย้งในการเมืองประเทศกัมพูชาและนำเสนอข้อมูลทางทหาร โดยมิได้มีเจตนาเพื่อการปลุกปั่นหรือยุยงให้เกิดความแตกแยกใดใด
ตอนที่ 9 ขบวนการชาตินิยมเขมร
ย้อนเวลากลับไปยังภูมิภาคอินโดจีน เมื่อช่วงต้นปี พ.ศ.2473 ก่อนที่กองทัพจักรวรรดิ์ญี่ปุ่นจะเดินทัพผ่านมายังอินโดจีนนั้น โฮจิมินส์ได้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามขึ้น ในวันที่ 3 กุมพาพันธ์ ทั้งนี้พรรคคอมมิวนิสต์จากลาวและพรรคปฏิวัติเขมรได้เข้าร่วมด้วย เพียงเวลาไม่นานนักเครือข่ายกลุ่มคอมมิวนิสต์ในภูมิภาคนี้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อพรรคใหม่ชื่อ"พรรคคอมมิวนิสต์แห่งอินโดจีน" ในขณะที่ลาวและเวียดนามได้มีการดำเนินกลยุทธและกระบวนการของเครือข่ายต่อต้านนั้นได้พัฒนาเป็นลำดับอย่างต่อเนื่อง แต่ทางกัมพูชาเองนั้นกลับไม่ค่อยได้รับความสนใจจากมวลชนและผู้นำกลุ่มสักเท่าใดนัก เนื่องจากกัมพูชานั้นมีกลุ่มเคลื่อนไหวอยู่มากมายหลายกลุ่ม อีกทั้งในแต่ละกลุ่มนั้นยังมีความขัดแย้งกันเอง จึงยากที่จะรวมเป็นกลุ่มชาตินิยมหนึ่งเดียวได้
กัมพูชาในปี พุทธศักราช 2483 หนึ่งปีก่อนที่เจ้าสีหนุได้ขึ้นครองราชย์นั้น กลุ่มปัญญาชนชาตินิยมเขมรได้มีการจัดตั้งกลุ่มเขมรอิสระขึ้นยังเมืองพระตระบอง โดยมีวัตถุประสงค์หลักในช่วงแรกเพื่อต่อต้านเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศส ทั้งนี้ได้รับการสนับสนุน ทุน ฐาน อาวุธจากประเทศไทยเพื่อต่อสู้กับฝรั่งเศสแถบชายแดนไทย โดยผู้ก่อตั้งกลุ่มนี้ คือ ปก พอลกุณ มีผู้นำกองกำลังคือ สมเด็จพระนโรดม จันทรรังสี และ ดาบ ชวน ภายหลังเมื่อรัฐบาลไทยยุติการสนับสนุนเขมรอิสระชั่วคราวเนื่องจากเหตุการณ์รัฐประหารในไทย เขมรอิสระจึงแตกออกเป็นหลายกลุ่ม โดยมีทั้งเขมรอิสระฝ่ายขวาและฝ่ายซ้าย
กลุ่มของจันทรรังสีได้เข้าร่วมกับกลุ่มเขมรเสรีของ เซิง ง็อกมิญ และยังคงเป็นฝ่ายขวาต่อต้านทั้งฝรั่งเศสและราชวงศ์ โดยที่ไทยเรายังคงให้การสนับสนุนอยู่ แต่ฝ่ายขวาบางส่วนก็ยอมวางอาวุธและเข้ามอบตัวต่อฝรั่งเศส
นักองค์มจะ นโรดม จันทรังสี
กลุ่มของ ดาบ ชวน ได้จัดตั้งคณะกรรมการปลดปล่อยประชาชนเขมร ทั้งนี้ผู้นำของขบวนการนี้มี 11 คน เป็นฝ่ายนิยมเวียดมิญถึง 5 คน แม้ว่าดาบ ชวน เองจะเป็นกลุ่มที่ต่อต้านคอมมิวนิสต์ก็ตาม แต่ขบวนการนี้ก็มีผู้ที่นิยมเวียดมิญและมีบทบาทสำคัญอยู่ 2 คนคือ เซียว เฮงและหลานชายของเขาคือ ฬง บุนเรต หรือ นวน เจีย และภายหลัง ดาบ ชวน ได้ไล่ฝ่ายนิยมเวียดมิญออกจากขบวนการ และนำกลุ่มของตนเข้าร่วมกับรัฐบาลเจ้าสีหนุ ซึ่งต่อมา ดาบ ชวน ก็ถูกจับประหารชีวิตใน พ.ศ. 2502 หลังถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในแผนบางกอกเพื่อทำรัฐประหาร นอกจากนั้นพี่น้องของเขา เข็ม สเร็ย ที่มีความใกล้ชิดทางการเมืองกับเขามาก เข็ม เพ็ญ ที่เป็นผู้ช่วย และ ซลัต เพียว ที่ทำงานในสถานทูตที่เสียมราฐถูกประหารชีวิตไปด้วย ทั้งนี้เจ้าสีหนุทรงจัดตั้งกลุ่มต่อต้านฝรั่งเศสขึ้นมาด้วยเช่นกัน สมาชิกส่วนใหญ่เป็นชาวนาและเชื้อพระวงศ์บางส่วน โดยการสนับสนุนอย่างลับๆจากจักรวรรดิ์ญี่ปุ่น
ในส่วนกลุ่มชาตินิยมเขมรกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มหนึ่ง คือ เขมรอิสระฝ่ายซ้าย จัดตั้งโดยอดีตพระภิกษุ 2 รูป คือ เซิง ง็อกมิญ และ ตู ซามุต ภายหลังจากการแยกตัวออกมาจากเขมรอิสระกลุ่มเดิม ง็อกมิญ ได้ก่อตั้งพรรคปฏิวัติประชาชนเขมรซึ่งต่อมาก็คือ"พรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา" ในขบวนการนี้ยังไดัรับสมาชิกกลุ่มปัญญาชนปารีสเข้าร่วมด้วย ทั้งนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากเวียดนามเหนือ ในช่วงนี้เองที่เวียดมิญเข้ามามีบทบาทเหนือขบวนการมากขึ้น ทำให้คอมมิวนิสต์แบบเวียดนามแพร่หลายทางภาคตะวันออกของประเทศ มีการฝึกการสู้รบแบบกองโจร และกองกำลังคอมมิวนิสต์กัมพูชาจำนวนมากถูกส่งเข้าอบรมทางการเมือง เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับลัทธิมาร์ก-เลนิน และความร่วมมือกับเวียดนาม จนกระทั่ง ง็อกมิญ เสียชีวิตลงด้วยโรคความดันโลหิตสูง ในปี พ.ศ.2502 ตู ซามุต จึงขึ้นเป็นหัวหน้าองค์กรฝ่ายเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา แต่ตัวของ ตู ซามุต เองนั้น กลับเป็นฝ่ายซ้ายซึ่งนิยมเจ้า และเขาก็เป็นที่นิยมชมชอบในหมู่พระภิกษุกัมพูชาอย่างมาก นโยบายของ ซามุต จัดว่าเป็นกลาง สนับสนุนการมีอยู่ของพระมหากษัตริย์และสนับสนุนเวียดนามเหนือในการรวมชาติเวียดนาม ในขณะเดียวกันที่สมาชิกจากเขมรอิสระฝ่ายนิยมซ้ายที่พึ่งถูกขับออกมาจากกลุ่มของ ดาบ ชวน คือ เซียว เฮง หัวหน้าองค์กรฝ่ายชนบทและ นวน เจีย กลับมองว่านโยบายความเป็นกลางของ ตู ซามุต นั้นไม่ใช่แนวทางของพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา ต่อมาในปี พ.ศ.2502 กลุ่มคอมมิวนิสต์ชนบทของ เซียว เฮง และนวน เจีย ถูกฝ่ายรัฐบาลเจ้าสีหนุปราบปรามอย่างหนัก กลุ่มของซามุต จึงได้ร่วมประชุมลับกันที่สถานีรถไฟกัมพูชา โดยในที่ประชุมเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรง เนื่องด้วยซามุต มีนโยบายนำพรรคเข้าร่วมกับรัฐบาลเจ้าสีหนุ และนี้เองจึงเป็นเหตุให้ซามุต ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ ใน พ.ศ.2503 โดยมีการคาดการณ์กันว่า ตู ซามุต อาจถูกสังหารโดยอดีตนักศึกษาปัญญาชนจากปารีสผู้หนึ่ง ? .....
ตอนที่ 10 สีอะไรคนไทยเกลียดที่สุด ?
ในขณะที่กระแสชาตินิยมในกัมพูชานั้นเริ่มมีความระอุมากยิ่งขึ้นนั้น ฝรั่งเศสได้ทำการเข้าปราบกลุ่มชาตินิยมต่างๆ ยังผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่าพันคน ซึ่งเหตุนี้เองญี่ปุ่นจึงเข้าแทรกแซงรัฐบาลวีซีฝรั่งเศสทันที..... ภายหลังจากญี่ปุ่นได้สลายการปกครองของฝรั่งเศสในกัมพูชาและสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลหุ่นเชิด ในวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2488 กัมพูชาได้ประกาศเอกราชภายใต้วงไพบูลย์แห่งมหาเอเชียบูรพาของญี่ปุ่น โดยมีพระนโรดม สีหนุ เป็นประมุขรัฐ เซิง ง็อกทัญ ซึ่งลี้ภัยอยู่ประเทศญี่ปุ่นจึงได้เดินทางกลับมายังกัมพูชาคืน และจัดตั้งกลุ่มเขมรเสรีขึ้นอย่างลับๆ เพื่อใช้เป็นฐานสนับสนุนตน จุดประสงค์ก็เพื่อต่อต้านราชวงศ์นั่นเอง ไม่นานแผนการของ ง็อกทัญ ก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อกลุ่มเขมรเสรีได้เข้าทำการรัฐประหารรัฐบาลของเจ้าสีหนุ และเข้าควบคุมกัมพูชาในทันที แต่รัฐบาลของ ง็อกทัญ ก็ดำรงอยู่ได้ไม่นานเพราะเพียงไม่กี่วันถัดมา ญี่ปุ่นก็ยอมแพ้สงครามเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2488 กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรได้เข้ามายังกรุงพนมเปญและจับตัวเซิง งอกทัญ พร้อมทหารญี่ปุ่นส่งไปกักตัวที่ฝรั่งเศส กลุ่มต่อต้านฝรั่งเศสต่างๆ เช่นกลุ่มเขมรเสรี เขมรอิสระ ทั้งที่นิยมและไม่นิยมเวียดนาม ได้ร่วมมือกันตั้งมั่นในบริเวณที่ยังอยู่ภายใต้การปกครองของไทย ซึ่งในระหว่างนี้เองที่รัฐบาลสหรัฐฯและโซเวียตรัสเซียเล็งเห็นประโยชน์บางอย่างในภูมิภาคอินโดจีนขึ้นมา สายตามันวาวของฝูงปีศาจสงคราม 2 ฝูงจ้องมายังอินโดจีนอย่างมิคลาดสายตา.....
ภายหลังเยอรมันและญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามนั้น ฝรั่งเศสเจ้าอาณานิคมเดิม จึงได้มีความพยายามที่จะหวนกลับมาสานต่ออำนาจของตนยังอินโดจีนอีกครั้ง และคราวนี้ไทยเราอดีตพันธมิตรญี่ปุ่นเยอรมันต้องตกที่นั่งลำบาก และจำต้องคืนดินแดนที่ได้มาในมณฑลบูรพาคืนให้แก่ฝรั่งเศส แต่ในขณะเดียวกันที่ฝรั่งเศสกลับต้องประสพกับการต้านทานอย่างหนัก จากกลุ่มชาตินิยมต่างๆทั้งในเวียดนาม ลาว และกัมพูชาโดยเจ้าสีหนุพยายามเจรจากับฝรั่งเศสเพื่อเรียกร้องเอกราชที่สมบูรณ์ ในปี พ.ศ. 2489 รัฐบาลฝรั่งเศสจึงยอมผ่อนคลายความเข้มงวดในการปกครองกัมพูชาลง คือการปกครองแบบอาณานิคมอย่างเป็นทางการสิ้นสุดลง กัมพูชาได้บริหารในเขตปกครองตนเอง มีการจัดตั้งกองทัพแห่งชาติกัมพูชาภายในเขตปกครองตนเองในจังหวัดเสียมราฐ และพระตะบองที่ได้คืนมาจากไทย โดยประเทศกัมพูชาได้รับการรับรองจากสหรัฐและประเทศที่ไม่ใช่คอมมิวนิสต์อื่นๆ แต่ในเอเชียมีเฉพาะไทยกับเกาหลีใต้เท่านั้น ที่ไม่ขอรับรองเอกภาพของประเทศกัมพูชา ภายหลังจากกัมพูชาได้รับการรับรองเอกภาพแล้ว เจ้าสีหนุ จึงได้ขอให้ฝรั่งเศสปล่อยตัว เซิง งอกทัญ และยอมให้เขาเดินทางกลับประเทศ เซิง งอกทัญ จึงกลับมายังกัมพูชาเมื่อ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2494 และเข้าร่วมกับกลุ่มเขมรอิสระของจันทรรังสีเพื่อต่อต้านราชวงศ์อีกครั้ง
ในขณะที่ เจ้าสีหนุ ได้ประกาศเข้าควบคุมรัฐบาลในฐานะนายกรัฐมนตรี ทรงประกาศยุบสภาแห่งชาติและประกาศกฎอัยการศึกแม้จะไม่มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญที่ชัดเจน แต่พระองค์ก็เข้าปกครองประเทศโดยตรงเป็นเวลาเกือบสามปี ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2496 พระนโรดม สีหนุเดินทางไปฝรั่งเศสเพื่อเจรจาให้กัมพูชาได้รับเอกราชที่สมบูรณ์ และพระองค์ได้กล่าวว่า ถ้าไม่ได้รับเอกราชโดยทันที ประชาชนกัมพูชาจะหันไปสนับสนุน เซิง งอกทัญ และเขมรอิสระแทน เจ้าสีหนุ ได้เดินทางต่อไปยังสหรัฐ แคนาดา ญี่ปุ่น ไทย เสียมราฐ และประกาศว่าจะไม่กลับกัมพูชาจนกว่าจะได้รับเอกราชที่สมบูรณ์ ในระหว่างนั้นเองที่ฝรั่งเศสเพลี่ยงพล้ำอย่างหนักในสมรภูมิ เดียน เบียน ฟู ที่เวียดนาม ทำให้ฝรั่งเศสตัดสินใจให้เอกราชที่สมบูรณ์แก่กัมพูชา ลาวและเวียดนามในที่สุด
ในช่วงที่เจ้าสีหนุดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรียาวนาน จนถึงประมุขแห่งรัฐช่วงแรกนั้น สงครามในเวียดนามและลาวระอุขึ้นอย่างหนัก เจ้าสีหนุจึงได้ทรงประกาศจุดยืนของกัมพูชาว่าจะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่นโยบายและท่าทีของพระองค์กลับตรงกันข้าม ด้วยพระองค์นั้นทรงทราบถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกองกำลังเวียดกงที่ซ่องสุมอยู่ในภาคตะวันออกของประเทศ อีกทั้งยังยินยอมให้เวียดนามเหนือใช้ท่าเรือในสีหนุวิลล์ เพื่อขนถ่ายยุทธปัจจัยเข้าต่อต้านเวียดนามใต้ ดังนั้นสหรัฐอเมริกาจึงส่งCIA.และกองกำลังบางส่วนเข้าไปยังดินแดนเขมร ทั้งนี้สหรัฐฯได้ร่วมกับไทย เวียดนามใต้ เพื่อให้การสนับสนุนเขมรอิสระของกลุ่มจันทรรังสี และกลุ่มเขมรเสรีของ เซิง ง็อกทัญ โดยการส่งกองกำลังเขมรให้เข้ารับการฝึกต่อต้านคอมมิวนิตส์ยังเวียดนามใต้ กว่า 8,000 คน อีกทั้งไทยเรายังได้ส่งกองกำลังลับเข้าไปทำการฝึก และติดอาวุธให้เขมรฝ่ายขวาอีกด้วย และในระหว่างนั้นเองที่เจ้าสีหนุจึงดำเนินนโยบายที่เป็นผลให้เกิดข้อพิพาทระหว่างไทยเราอยู่หลายประการ ด้วยนโยบายชาตินิยมและเพื่อคะแนนเสียงของพระองค์ จึงได้ยกประเด็นกรณีพิพาทเรื่องปราสาทพระวิหารขึ้น อีกทั้งกัมพูชาได้ยื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ อ้างกรรมสิทธิเหนือเขาพระวิหาร และศาลโลกได้ตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา ระหว่างนั้น กัมพูชาได้ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตของไทยในปลายปี พ.ศ. 2501 แต่เมื่อต้นปี พ.ศ. 2502 ก็กลับมามีความสัมพันธ์กันใหม่ ก่อนที่จะตัดความสัมพันธ์อีกครั้งในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2504 จากเหตุการณ์ดังกล่าวชาวไทยในยุคนั้นจึงมองพระองค์อย่างไม่เป็นมิตรนัก ทั้งยังได้ตั้งคำถามล้อเลียนว่า สีอะไรเอ่ยคนไทยเกลียดมากที่สุด ? คำตอบคือ
โปรดติดตามตอนต่อไปครับ