ติ๊ก เจษฎาภรณ์-พีช สิตมน-น้องเต็นท์ กับภาพเซตหาดูยาก ที่ดูแล้วน่ารัก อ่อนโยน แถมยังมุ้งมิ้งกันทั้งครอบครัว
ถือเป็นอีกหนึ่งครอบครอบที่ขอใช้ชีวิตส่วนตัวอย่างเงียบ ๆ ไม่ขอเล่นโซเชียลใด ๆ สำหรับครอบครัวของพระเอกหนุ่มตลอดกาล ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้หนุ่มติ๊กยังเปรยข่าวดีอีกว่า ตนกับภรรยา พีช สิตมน กำลังวางแพลนมีน้องมาเป็นเพื่อนเล่นให้กับ น้องเต๊นท์ ลูกชายวัย 1 ขวบกว่าอีกด้วย
โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา เราอาจจะไม่ค่อยได้เห็นภาพของติ๊กและภรรยา รวมถึงภาพของน้องเต๊นท์บ่อยนัก โดยที่ติ๊กเอง มักจะเก็บเรื่องครอบครัวเป็นเรื่องส่วนตัว ใช้ชีวิตสมถะ แตกต่างกับดาราคนอื่น ๆ ทั่วไป และถึงแม้ว่าติ๊กจะไม่ได้ออกสื่อถึงการเลี้ยงดูลูก แต่เบื้องหลังแล้วนั้น ติ๊กให้ความรัก ความอบอุ่น และเอาใจใส่ครอบครัวเป็นอย่างดี จนทำให้เรากล้าพูดเลยว่า ผู้ชายคนนี้ หล่อทั้งกายและใจจริง ๆ

ขอบคุณข่าวจาก www.kapook.com
ส่วนข้างล่างนี้เป็นบทสัมภาษณ์ที่พี่ติ๊กเคยให้สัมภาษณ์ไว้ในแพรว vol. 36 no. 864 August 2015
มาที่คุณพ่อติ๊ก รายนี้อย่างที่รู้กัน หวงลูก(และภรรยา)สุดชีวิต แต่คุณต้องเข้าใจ เรื่องเลี้ยงลูก ติ๊กไม่ได้มาเล่นๆ
“จริงๆ ผมเคยเลี้ยงน้องชายคนเล็กมาก่อน เคยเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เขาแล้ว พอมาถึงลูกตัวเอง ทบทวนความจำนิดหน่อยก็สบายละ แต่ทักษะใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาคือ ทำให้ผมร้องเพลงแมงมุมลายตัวนั้นได้จบเพลง (หัวเราะ) จริงๆ เคยได้ยินเพลงนี้มานานแล้ว แต่ร้องไม่เป็น ตอนนี้คล่องแล้ว
…แมงมุมลายตัวนั้น ฉันเห็นมันซมซานเหลือทน วันหนึ่งมันถูกฝนไหลลงจากบนหลังคา (ติ๊กร้องเพลงโชว์)
“ผมอาศัยหาเนื้อเพลงจากในยูทูป ซึ่งต้องบอกว่าบังเอิญช่วงนั้นผมทำรายการเนวิเกเตอร์ตอนแมงมุม ช่วงหาข้อมูลเลยคาบเกี่ยวได้ทั้งข้อมูลไปทำงาน กับเพลงไปร้องให้ลูกฟัง ซึ่งพอฟังผมร้องเขาก็หลับนะ ไม่รู้ว่าเพราะง่วงหรือรำคาญ ประมาณว่าขอหลับดีกว่า(หัวเราะ)
“ถามว่าลูกเปลี่ยนอะไรในตัวผมไหม คงไม่ได้เปลี่ยนอะไรนอกจากทำให้ผมมีความสุขขึ้น เด็กมีความน่ารักของเขา เดี๋ยวก็ยิ้ม เดี๋ยวก็หัวเราะ ทำให้ผมรู้สึกว่าทุกครั้งที่กลับบ้านจะได้เจอสิ่งใหม่อยู่ตลอด เพราะในแต่ละวันเขาจะมีความสามารถเพิ่มขึ้น เมื่อวานยังทำไม่เป็น วันนี้เป็นแล้ว อย่างตอนสอนนับนิ้ว 1 2 3 4 ครั้งแรกก็มองเฉยๆ พออีกวันผมนับนิ้วให้ดูเหมือนเดิม หนนี้เขาชี้ตามนิ้วเราได้ มหัศจรรย์มาก
“แล้วถ้าผมใส่อะไรเพิ่มเติมให้ แล้วลูกสามารถเป็นได้อย่างนั้น ผมจะภูมิใจมาก อย่างที่ผ่านมาผมกับภรรยา(คุณพีช-สิตมน) อยากสอนให้ลูกรู้จักการแบ่งปันจึงแทรกเรื่องเหล่านี้ลงในชีวิตประจำวัน เช่น ตอนกินผลไม้ แทนที่เต็นท์จะกินคนเดียว เราก็สอนให้เขาป้อนพ่อ แม่ คุณยายและคุณย่า แล้วมีวันหนึ่งที่เขายื่นผลไม้ให้เราโดยไม่ต้องบอกก่อน พอเห็นแล้วก็ อื้ม… ดีจัง (ยิ้ม)
“มีลูกแล้วสนุกนะครับ แนะนำเลย ถ้าใครยังไม่มีก็ขอให้รีบมี(หัวเราะ) ประเด็นคือเดี๋ยวเราแก่แล้ววิ่งตามลูกไม่ทัน ตอนผมเล่นละครเรื่อง ‘เลือดมังกร’ กับ เคน-ธีรเดช ก็คุยเรื่องลูกกับเขาบ้าง เพราะเคนมีลูก 2 คนแล้ว ฟังเขาเล่าว่า เด็กๆ เติบโตอย่างไร เรียนที่ไหน อยู่ไกลบ้านไหม เดินทางอย่างไร ถือเป็นการแบ่งปันประสบการณ์ของพ่อด้วยกัน และเอามารวมกับประสบการณ์ส่วนตัวว่าเมื่อก่อนผมถูกเลี้ยงดูมาแบบไหน ได้อะไรจากการเลี้ยงดูแบบนั้น ในสิ่งที่ดีก็ปรับมาเลี้ยงเต็นท์เหมือนที่พ่อแม่เลี้ยงผม อย่างการที่ไม่ได้ถูกเลี้ยงมาแบบตามใจ ของเล่นแทบไม่มี ถ้าอยากได้อะไรต้องเก็บเงินซื้อเอง วิธีนี้ทำให้ผมโตมาโดยเห็นคุณค่าของเงิน
“ผมอยากให้ลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ไม่ทำปัญหาให้สังคม เคารพในสิทธิของผู้อื่น นี่เป็นเรื่องที่ผมให้ความสำคัญ เพราะผมก็เคารพกฎเกณฑ์ทุกอย่าง ถ้ารู้ว่าสิ่งไหนที่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ทำให้ธรรมชาติถูกทำลาย หรือส่งผลให้สังคมเดือดร้อน ผมไม่ทำแน่นอน
“นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ถ้ามีเวลา ผมจะพาครอบครัวไปในที่ๆ ผมชอบนั่นคือสวนสัตว์ครับ ผมไม่รู้หรอกว่า ลูกชอบหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ คือแม่เขาน่าจะรู้สึกอยากกลับบ้านนะ(หัวเราะ)”
ขอบคุณบทสัมภาษณ์จาก www.praew.com/25645/people/tikken-family
ขอบคุณรูปจาก IG littlefoxclub
ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ในบทบาทคุณพ่อของ น้องเต๊นท์ ผู้ชายที่หล่อทั้งกายและใจ
ถือเป็นอีกหนึ่งครอบครอบที่ขอใช้ชีวิตส่วนตัวอย่างเงียบ ๆ ไม่ขอเล่นโซเชียลใด ๆ สำหรับครอบครัวของพระเอกหนุ่มตลอดกาล ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้หนุ่มติ๊กยังเปรยข่าวดีอีกว่า ตนกับภรรยา พีช สิตมน กำลังวางแพลนมีน้องมาเป็นเพื่อนเล่นให้กับ น้องเต๊นท์ ลูกชายวัย 1 ขวบกว่าอีกด้วย
โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา เราอาจจะไม่ค่อยได้เห็นภาพของติ๊กและภรรยา รวมถึงภาพของน้องเต๊นท์บ่อยนัก โดยที่ติ๊กเอง มักจะเก็บเรื่องครอบครัวเป็นเรื่องส่วนตัว ใช้ชีวิตสมถะ แตกต่างกับดาราคนอื่น ๆ ทั่วไป และถึงแม้ว่าติ๊กจะไม่ได้ออกสื่อถึงการเลี้ยงดูลูก แต่เบื้องหลังแล้วนั้น ติ๊กให้ความรัก ความอบอุ่น และเอาใจใส่ครอบครัวเป็นอย่างดี จนทำให้เรากล้าพูดเลยว่า ผู้ชายคนนี้ หล่อทั้งกายและใจจริง ๆ
ขอบคุณข่าวจาก www.kapook.com
ส่วนข้างล่างนี้เป็นบทสัมภาษณ์ที่พี่ติ๊กเคยให้สัมภาษณ์ไว้ในแพรว vol. 36 no. 864 August 2015
มาที่คุณพ่อติ๊ก รายนี้อย่างที่รู้กัน หวงลูก(และภรรยา)สุดชีวิต แต่คุณต้องเข้าใจ เรื่องเลี้ยงลูก ติ๊กไม่ได้มาเล่นๆ
“จริงๆ ผมเคยเลี้ยงน้องชายคนเล็กมาก่อน เคยเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เขาแล้ว พอมาถึงลูกตัวเอง ทบทวนความจำนิดหน่อยก็สบายละ แต่ทักษะใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาคือ ทำให้ผมร้องเพลงแมงมุมลายตัวนั้นได้จบเพลง (หัวเราะ) จริงๆ เคยได้ยินเพลงนี้มานานแล้ว แต่ร้องไม่เป็น ตอนนี้คล่องแล้ว
…แมงมุมลายตัวนั้น ฉันเห็นมันซมซานเหลือทน วันหนึ่งมันถูกฝนไหลลงจากบนหลังคา (ติ๊กร้องเพลงโชว์)
“ผมอาศัยหาเนื้อเพลงจากในยูทูป ซึ่งต้องบอกว่าบังเอิญช่วงนั้นผมทำรายการเนวิเกเตอร์ตอนแมงมุม ช่วงหาข้อมูลเลยคาบเกี่ยวได้ทั้งข้อมูลไปทำงาน กับเพลงไปร้องให้ลูกฟัง ซึ่งพอฟังผมร้องเขาก็หลับนะ ไม่รู้ว่าเพราะง่วงหรือรำคาญ ประมาณว่าขอหลับดีกว่า(หัวเราะ)
“ถามว่าลูกเปลี่ยนอะไรในตัวผมไหม คงไม่ได้เปลี่ยนอะไรนอกจากทำให้ผมมีความสุขขึ้น เด็กมีความน่ารักของเขา เดี๋ยวก็ยิ้ม เดี๋ยวก็หัวเราะ ทำให้ผมรู้สึกว่าทุกครั้งที่กลับบ้านจะได้เจอสิ่งใหม่อยู่ตลอด เพราะในแต่ละวันเขาจะมีความสามารถเพิ่มขึ้น เมื่อวานยังทำไม่เป็น วันนี้เป็นแล้ว อย่างตอนสอนนับนิ้ว 1 2 3 4 ครั้งแรกก็มองเฉยๆ พออีกวันผมนับนิ้วให้ดูเหมือนเดิม หนนี้เขาชี้ตามนิ้วเราได้ มหัศจรรย์มาก
“แล้วถ้าผมใส่อะไรเพิ่มเติมให้ แล้วลูกสามารถเป็นได้อย่างนั้น ผมจะภูมิใจมาก อย่างที่ผ่านมาผมกับภรรยา(คุณพีช-สิตมน) อยากสอนให้ลูกรู้จักการแบ่งปันจึงแทรกเรื่องเหล่านี้ลงในชีวิตประจำวัน เช่น ตอนกินผลไม้ แทนที่เต็นท์จะกินคนเดียว เราก็สอนให้เขาป้อนพ่อ แม่ คุณยายและคุณย่า แล้วมีวันหนึ่งที่เขายื่นผลไม้ให้เราโดยไม่ต้องบอกก่อน พอเห็นแล้วก็ อื้ม… ดีจัง (ยิ้ม)
“มีลูกแล้วสนุกนะครับ แนะนำเลย ถ้าใครยังไม่มีก็ขอให้รีบมี(หัวเราะ) ประเด็นคือเดี๋ยวเราแก่แล้ววิ่งตามลูกไม่ทัน ตอนผมเล่นละครเรื่อง ‘เลือดมังกร’ กับ เคน-ธีรเดช ก็คุยเรื่องลูกกับเขาบ้าง เพราะเคนมีลูก 2 คนแล้ว ฟังเขาเล่าว่า เด็กๆ เติบโตอย่างไร เรียนที่ไหน อยู่ไกลบ้านไหม เดินทางอย่างไร ถือเป็นการแบ่งปันประสบการณ์ของพ่อด้วยกัน และเอามารวมกับประสบการณ์ส่วนตัวว่าเมื่อก่อนผมถูกเลี้ยงดูมาแบบไหน ได้อะไรจากการเลี้ยงดูแบบนั้น ในสิ่งที่ดีก็ปรับมาเลี้ยงเต็นท์เหมือนที่พ่อแม่เลี้ยงผม อย่างการที่ไม่ได้ถูกเลี้ยงมาแบบตามใจ ของเล่นแทบไม่มี ถ้าอยากได้อะไรต้องเก็บเงินซื้อเอง วิธีนี้ทำให้ผมโตมาโดยเห็นคุณค่าของเงิน
“ผมอยากให้ลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ไม่ทำปัญหาให้สังคม เคารพในสิทธิของผู้อื่น นี่เป็นเรื่องที่ผมให้ความสำคัญ เพราะผมก็เคารพกฎเกณฑ์ทุกอย่าง ถ้ารู้ว่าสิ่งไหนที่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ทำให้ธรรมชาติถูกทำลาย หรือส่งผลให้สังคมเดือดร้อน ผมไม่ทำแน่นอน
“นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ถ้ามีเวลา ผมจะพาครอบครัวไปในที่ๆ ผมชอบนั่นคือสวนสัตว์ครับ ผมไม่รู้หรอกว่า ลูกชอบหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ คือแม่เขาน่าจะรู้สึกอยากกลับบ้านนะ(หัวเราะ)”
ขอบคุณบทสัมภาษณ์จาก www.praew.com/25645/people/tikken-family
ขอบคุณรูปจาก IG littlefoxclub