เมื่อจากสถานะแฟนกลายมาเป็นชู้ เรื่องจริงยิ่งกว่าละครน้ำเน่า...

สวัสดีค่ะ วันนี้เรามาขอเล่าประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง พึ่งจะเกิดเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเองเลย เริ่มตั้งแต่ต้นเลยนะคะ...
คือเราคบกับแฟนมาได้ปีนึงแล้วค่ะ รู้จักกันผ่านแอพฯนึง ก่อนหน้านี้เป็นที่นิยมกันอย่างมาก เราเป็นคน add friend เขาไปค่ะ แต่ไม่เคยทักไปก่อนเลยนะ (คือเรามีกฎเหล็กอยู่ว่า add ได้ แต่ห้ามทักก่อน) อยู่มาคืนนึง ประมาณเที่ยงคืนนิดๆ ก็มีเสียงแจ้งเตือนแอพฯดังขึ้น (ดึกมาแล้วนะคะแต่เรายังไม่นอน 55555 ) เปิดดูเท่านั้นแหละ... นี่แทบกรี๊ด ยิ้มกว้างปากจะฉีกถึงหู อมยิ้ม01 ก็คุยกันแบบปกติค่ะ ถามชื่อเสียงเรียงนาม แล้วก็หายไป ตอนนั้นก็คิดว่าเขาคงมีคนคุยหลายคนอยู่แหละ หน้าตาก็ออกจะดี หลังจากคืนนั้นก็มีทักมาเรื่อยๆค่ะ เวลาประมาณ สี่ทุ่มขึ้นไป คุยกันไป หยอดกันไปตามประสาหนุ่มสาว คือเหมือน up level ขึ้นมาขั้นนึงค่ะ ความรู้สึกตอนนั้นคือ ดีค่ะ อยู่ในสเปคเลยนะ ตัวสูงกว่า ผิวออกขาว พื้นฐานความรู้ก็ดี ความคิดก็ดูเป็นผู้ใหญ่ดีค่ะ คุยกันได้สักอาทิตย์นึง ก็เห็นว่าเขาเป็นคนคุยสนุก ทำให้ยิ้มตลอด อมยิ้ม04 แล้วอยู่ๆเขาก็บอกเราว่า พรุ่งนี้เราจะออกไปข้างนอก อยากเจอเรามั้ย? เรานี่ตอบทันทีเลยค่ะ ได้สิ อมยิ้ม07 (แอบแรงอยู่นะเนี่ย 55555 ดี๊ด๊าเกิน) หลังจากนั้นก็กลับมาคิด ถ้าเราไปคนเดียวเขาจะมองเราเป็นผู้หญิงแบบไหนหล่ะ ง่ายไปเปล่า.. จึงพาเพื่อนสนิทไปด้วยซะเลย ^^ ตอนนั้นยังไม่ได้ติดต่อกันผ่านเบอร์มือถือค่ะ คุยกันผ่านแอพฯกันอยู่เลย หลังจากบอกว่าจะเจอกันแล้ว จึงได้ทีขอเบอร์ซะเลย 5555 (แอบเนียนๆ ^^)
.. เช้าวันถัดมาจำได้แม่นเลยวันนั้นวันเสาร์ อากาศแจ่มใส ค่อนไปทางร้อนเลย เขาก็ทักมาบอกว่าจะถึงแล้วนะออกมาหรือยัง มาคนเดียวนะ กลัวหลง ทำนองนี้ค่ะ เราก็รีบไปหาแต่โดยดีพร้อมเพื่อนสนิทอีกหนึ่งคน ถึงปุ๊ปเราก็โทรหา กลัวเขาหลงเพราะเขาบอกไม่รู้จักเส้นทาง สักพักก็เจอกันค่ะ เขาใสกางเกงยีนส์ขายาว กับเสื้อโปโลค่ะ ตัดผมสกินเฮดเด่นมาแต่ไกลเลย เห็นแล้วก็ยิ้มให้ตามระเบียบค่ะ ยิ้ม แล้วก็แนะนำตัวของแต่ละคนให้รู้จักกันไว้ สถานที่แรกและที่เดียวที่เราไปวันนั้นคือโลตัสค่ะ ซื้อของเข้าห้องกัน เดินเล่นกันไปสักพักใหญ่ วนไปวนมาถ่วงเวลาความสุขแปป อิอิ หลังจากนั้นก็ไปจ่ายตังกัน แล้วก็แยกย้ายกันกลับห้องค่ะ แต่เขาบอกจะไปหาเพื่อนที่ห้างอีกที่หนึ่งค่ะ (คือเขามากันหลายคนแต่แยกตัวออกมาเจอเรา) พอเรากลับไปถึงห้องก็ทักไปบอกเค้าว่าเราถึงห้องแล้วนะ แล้วเค้าไม่ตอบ... ก็รอค่ะ รอจนหลับไปเลย ตื่นมาอีกที ข้อความเด้งขึ้นมาสี่ห้าข้อความ เหมือนประมาณว่า ..นึกว่าเจอกันแล้วจะไม่คุยกันอีก.. อะไรแบบนี้ค่ะ ก็บอกไปว่าหลับอยู่ หลังจากวันที่เราได้เจอกัน เราก็คุยกันบ่อยขึ้นค่ะ บทสนทนาก็เริ่มเยอะขึ้น ความคิดตอนนั้นคือคนนี้ใช่เลย คือเทใจให้ไปเป็นกระจาด 55555
และแล้วในเย็นวันที่ 8 ซึ่งตรงกับวันจันทร์ ของเดือนธันวาคมเมื่อปีที่แล้วเป็นวันที่เขาขอเราคบกัน เขิลไปเลยสิ... จิกหมอนจะขาด คือโลกของฉันเป็นสีชมพูไปแล้วทั้งใบ เขาเป็นคนพูดจาดีค่ะ ลงท้ายกับเรา 'คะ, ค่ะ ครับ, คร้าบ' ตลอดเลย ทำอะไร กับใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ เขาบอกเราหมดค่ะ (เขาเรียนค่ะ ที่ๆเขาเรียนเป็นโรงเรียนประจำ อยู่ในนั้นตลอด ออกมาได้แค่ตอนเย็นที่จะมาซื้อข้าวให้เพื่อน เหมือนกับอาสา หรือได้รับการเลือกให้ออกมามั้ง เราได้เจอกับเขาบ้างเพราะเขาสามารถออกมาได้แบบนี้แหละค่ะ แต่เจอกันไม่บ่อยเพราะเราก็เรียนอยู่เหมือนกัน แต่เรียนคนละที่กัน อ้อลืมเล่า.. หลังจากที่เราเจอกัน เราก็แอดไลน์กันไว้ค่ะ คุยกันทุกวัน บอกรักกันเหมือนคนทั่วไป เขาเรียนค่อนข้างหนักค่ะ เราก็พอรู้มาบ้างว่า สาขาที่เขาเรียนมันเป็นยังไง ก็บอกเขานะคะว่าเข้าใจ ตั้งใจเรียนดีกว่า เราคุยกันตลอดค่ะ คือเขาก็พยายามหาเวลาคุย ช่วงนั้นชีวิตแฮปปี้มากค่ะ คิดว่าคนนี้คือคนที่ใช่สำหรับเราเลย เราบอกแม่คุยกันกับแม่ตลอดเล่าให้ฟังหมดว่าเราคบใคร แม่ก็รับรู้แล้ว เค้าก็เตือนว่าระวังหน่อยก็ดี คือเราเทใจให้เค้าไปหมดแล้วนี่สิ 5555 ก็บอกแม่ว่าไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ได้เจอกันบ่อยด้วย ตัดมาทางฝั่งผู้ชาย เขาก็บอกว่าเขาบอกแม่แล้วเหมือนกันว่าคบกับเรา แถมเอารูปเราให้แม่เขาดูด้วย แม่เขาบอกว่าเราดูเป็นผู้ใหญ่ เราก็แอบคิดนะรูปนั้นมันดูเป็นผู้ใหญ่จริงน่ะหรอ แต่ก็ช่างเถอะถือว่าแม่เขารับรู้เราแล้ว อมยิ้ม01อมยิ้ม04
...ของขวัญชิ้นแรกที่เราให้เค้า คือ "โมเดลซันจิ" ตัวไม่ใหญ่มากค่ะ ตัวเล็กนิดเดียว ตามเงินที่สะสมในกระปุกของเรา

ของขวัญชิ้นแรกที่เขาให้เราคือ "รูปปั้นกบเคโระสองตัวคู่กัน" เขารู้ว่าเราชอบสีเขียวดังนั้น ทุกอย่างจึงเป็นสีเขียว กระดาษห่อของขวัญเป็นสีเขียว ลิปปิ้นสีเขียว ดอกไม้สีเขียว ของขวัญข้างในก็สีเขียว (จ้าสีเขียวก็สีเขียว ^^) สิ่งของที่เป็นคู่กันเราก็ทำค่ะ คือเราใส่สายรัดข้อมือที่ทำจากหนังแท้ ที่สามารถสลักตัวอักษรได้น่ะค่ะ เขาเห็นเขาก็อยากได้ เราก็ตกลงเดี๋ยวไปทำกัน ร้านเปิดเฉพาะวันเสาร์ค่ะ เราก็ไปกับเพื่อนเช่นเคย.. ทำสองเส้นค่ะ สลักชื่อเรากะเขา ตรงกลางเป็นรูปหัวใจ ตอนนั้นคืออยู่ในโมเม้นอินเลิฟเพื่อนนี่อิจฉากันหนักมาก ฮ่าๆๆๆ และเราก็ต้องเอาไปให้เขา เย็นวันที่เราเอาไปให้คือวันเสาร์ถัดมา เรานั่งรถออกจากหอก็เย็นแล้ว คิดว่าจะกลับมาทันรถคันสุดท้ายแต่เปล่าเลย ตกรถจ้าาา... เราก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เค้าก็ยิ้มแล้วปลอบเราน่ารักมุ้งมิ้งไปอีกแบบ ^O^ สุดท้ายหอไม่ได้กลับเลยได้ไปนอนบ้านญาติแทน เขาก็ไปส่งเราที่นั่นทำตัวเป็นสุภาพบุรุษมากเลย (เทใจให้ไปอีกๆ อีโมติคอน หัวใจ ) คือช่วงนั้นเขาทำดีให้เราเห็นตลอด ไม่ว่าจะทำอะไรทุกอย่างตอนนั้นนึกถึงเขาหมด จะบอกว่าความรักทำให้คนตาบอดนี่ก็ยอมรับเลยค่ะ เป็นห่วงเราตลอด เราจะกินข้าวกะอะไรบ้าง อย่าออกไปข้างนอกตอนดึกๆ บอกรัก บอกคิดถึง คุยได้ทุกเรื่อง คือตอนนั้นหน้าทามไลน์รูปแฟนเก่าเรายังไม่ได้ลบ เค้าก็ทักมาหึงบ้างหล่ะ ก็เลยรีบเข้าไปลบ และอธิบายว่ามันไม่มีอะไรหรอก (ตอนนั้นเรากะแฟนเก่าก็ต่างฝ่ายต่างอยู่คนละที่ไม่ติดต่อกันแล้ว ติดตรงที่ว่าเราลบไม่เป็น อิอิ มันจึงลอยนวนอยู่มาได้...) นางนี่งอลเราไปเลยค่ะ คิดว่าเราลืมแฟนเก่าไม่ได้ เราจึงต้องง้อนางด้วยการตัดต่อรูปเรากับเขาเขาด้วยกันเป็นรูปหัวใจดวงโต (เราไม่เคยถ่ายรูปด้วยกันค่ะ เราก็อาย เขาก็อาย เขิลกันหน้าแดงเลยทีเดียว) เราทำเสร็จเราก็ให้เขาเลย คุยกันทางไลน์เป็นส่วนใหญ่ค่ะ เขาบอกเขาไม่เล่น FB คือเคยมีแต่จำรหัสเข้าไม่ได้แล้ว ไม่ได้เข้านานแล้ว ประมาณนี้ค่ะ ถามถึงชื่อ FB ก็บอกจำไม่ได้ ก็พยายามถามย้ำนะคะว่าไม่มีจริงหรอ เค้าก็ยังยืนยันว่าไม่มี
เราเรียนเขาก็เรียน ปรึกษาเรื่องเรียนกันบ้าง คุยเล่นกันบ้าง มุ้งมิ้งกันตลอดเลย เราจะมาแนวโรแมนติกซะส่วนใหญ่เขาก็จะเป็นคนรับมุขมาตลอด ฮ่าๆ ในเดือนกุมภาพันธ์ที่คู่รักหลายคู่รอคอยก็มาถึง เราทำช่อเฟอเรโร่ ให้เขาหนึ่งช่อ (ดูในยูทูปแล้วก็หัดทำค่ะ อมยิ้ม26อมยิ้ม26 ) เราให้เขาหนึ่งอาทิตย์ก่อนจะถึงวันวาเลนไทน์ วันนั้นเขาพาเราไปกินข้าว เขาใส่เสื้อยืดสีดำกับกางเกงขายาว กินข้าวเสร็จเขาก็พาเรามาส่งที่ท่ารถ เราเลยเซอร์ไพรส์เขาด้วยช่อเฟอเรโร่เลย (วันนั้นพายเป้ไป คือตอนเช้าเข้าไปทำกิจกรรมในโรงเรียนก่อน ทำกิจกรรมเสร็จก็รีบมาหาเลย เขาจึงไม่ได้สงสัยเกี่ยวกับเป้มาก ^^) นางบอกไม่เคยมีใครทำแบบนี้ให้เลยนะ นางก็เขิลหน้าแดงไปเลยสิ และรูปคู่รูปแรกก็เกิดขึ้นในวันนั้น อมยิ้ม07อมยิ้ม02 หลังจากนั้นเราก็ทำ ริสแบนด์คู่ ค่ะ เราบอกอยากทำเขาก็ไม่ได้ขัดอะไร สนับสนุนด้วยซ้ำ เราบอกเขาว่าครั้งนี้ให้เขาเป็นคนออกค่าใช้จ่ายเพราะสายรัดข้อมืออันแรกเราออกเงินไปแล้ว เขาก็โอเค สุดท้ายเราได้จ่ายก่อนอยู่ดี ฮ่าๆๆ อมยิ้ม20
สี่-ห้า เดือนแรกผ่านไปด้วยดีค่ะ มีทะเลาะกันบ้างง้อกันบ้าง เรานี่เริ่มงอลบ่อยแล้วไปหน่อย สาเหตุไม่ใช่อะไรค่ะ เขาบอกเขาฝึกงานเพลีย เราก็เห็นใจเขานะคะ แต่เขาไม่ติดต่อเราเลยนี่สิ เราขอให้เขามีเวลาให้สักนาทีก็ได้ แต่ก็ไม่เป็นผลค่ะ อ้อ!! คือก่อนหน้านี้เขาบอกไม่มี FB เขาเลยให้เราสมัครให้ เราก็ทำตาม เขาให้เราขึ้นสถานะคบกัน โดยให้เหตุผลว่า เดี๋ยวมีคนมาจีบจะได้รู้ว่ามีแฟนแล้ว นี่!! เจอคำนี้เข้าไปยิ้มออกเลย ยิ้มยิ้ม เขาบอกเขาเรียนจบจะบวช เราก็นั่งพับเหรียญโปรยทานให้ เราทำให้เขาเยอะแยะเลย เขาเอาให้แม่ดู แม่เขาก็บอกชอบ เราก็อดดีใจไม่ได้ ก็ทำมาเรื่อยๆค่ะ แม่เราก็เตือนเรานะคะทำให้มากไปเดี๋ยวกลับมาเสียใจจะแย่เอานะ เรานี่มองโลกในแง่บวกค่ะ บอกกับแม่ว่าไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน ไม่ต้องห่วงจ้า...

เปิดเทอมปีสอง เพื่อนเรารู้หมดแล้วค่ะ ว่าเรากับเขาคบกัน แต่เรายังไม่รู้จักเพื่อนเขาสักคนคือเราก็ไม่ถามเองแหละ เขามีเฟสบุคแล้วเขาก็ไม่ค่อยเข้าเล่นเลย เพื่อนในนั้นมีแต่คนรู้จักของเราค่ะ คนรู้จักของเขาไม่มีสักคน ก็ถามว่าทำไมทำแบบนี้ เขาก็ให้เหตุผลว่าก็มีไลน์แล้วคุยกันในไลน์ก็ได้ค่ะ หลังจากมีเฟสบุคแล้ว จะชอบมีคนๆนึงแอดเฟรนด์มาตลอด เป็นผู้หญิงค่ะ อายุเยอะกว่ารูปในเฟสบุคบ่งบอกว่ามีอาชีพข้าราชการ ตำแหน่งที่อยู่ๆไม่ไกลจากเรานัก และอยู่ใกล้ๆกับแฟนเรา เราสงสัยค่ะเราเลยถามเขาไปตรงๆว่าคนนี้เป็นใคร ในไลน์ก็เจอไปไลค์ให้ ในเฟสบุคก็แอดมา แฟนเราบอกว่าเขาเป็นพี่ที่ทำงาน ซึ่งแฟนเราฝึกงานในบริษัทแห่งหนึ่งสายงานคนละสายกะ ผญ. คนนั้นอยู่แล้ว เราก็ได้แต่แปลกใจ แฟนเราใส่ริสแบนด์สองเส้นค่ะ รวมของที่เราทำขึ้นเป็นสาม แรกๆก็ใส่นะคะอันที่เราทำ พอสักพักก็ไม่ใส่แล้ว เค้าก็ให้ข้ออ้างมาว่าใส่ตลอดเราไม่เห็นเอง ผญ. คนนั้นใส่ริสแบนด์สีชมพูค่ะ แฟนเราก็ใส่เหมือนกัน เราทะเลาะกันเรื่องนี้อีกแล้ว เขาบอกไม่มีอะไร อาจจะบังเอิญหรือเปล่า เราก็โอเคเลิกทะเลาะ หลังๆมานี่เริ่มคุยกันน้อยลงแล้วค่ะ ส่งไลน์ไปก็อ่านบ้างตอบบ้าง ช่วงนี้เราเริ่มเริ่มรู้สึกว่าเขาห่างๆเรามากขึ้น เขาก็บอกว่าฝึกงาน เรียนบ้างหล่ะ ทำกิจกรรมบ้างหล่ะ เราโทรไปตลอดค่ะ นานๆจะรับที ทั้งที่แต่ก่อนคุยกันได้ปกติ เราก็น้อยใจเขานะ เราพยายามรักษามาตั้งแต่ต้นว่าเราทำตัวยังไง เราก็ทำมาตลอด แต่เขากลับถอยลงเรื่อยๆ เราพยายามโทษตัวเองที่งอแงมากไป เราก็เปลี่ยนตัวเองใหม่นะ พยายามไม่เซ้าซี้เขามาก สุดท้ายก็เหมือนเดิมค่ะ ตลอดระยะหลังๆมา เขาไม่ค่อยบอกรักเราเลย เขาบอกอาจจะนานมากหรือนานมากๆ ถึงจะได้เจอคำนั้น เวลาเราบอกเขาก็จะตอบกลับมาแค่ คร้าบ เฉยๆ เราไม่ได้เจอกันเลยค่ะ คุยโทรศัพท์เราโทรไปเขาก็ไม่รับค่ะ ยิ่งทำให้เราน้อยใจหนักมาก เราร้องไห้เพราะเขาตลอด เราไม่อยากคุยผ่านตัวหนังสือเพราะตัวหนังสือเราสามารถใส่อารมณ์ได้เอง ซึ่งมันทำให้เราทะเลาะกันมากขึ้นและบ่อยขึ้น เราไม่ถามถึงว่าเค้าไปมีกิ๊กหรือเปล่า เพราะเราเชื่อใจเค้า ไว้ใจเค้า จากแต่ก่อนเราทำอะไร เค้าจะสนใจเรา มาคราวนี้สิ่งเหล่านั้นหายไป หายไปจนลืมไปเลยว่าเรายังเป็นแฟนกัน ซึ่งอาจจะผูกกันแค่คำว่าแฟน แต่ความรู้สึกเขาอาจจะไม่คิดกับเราแบบนั้นแล้ว (ผู้หญิงคนนั้นยังแอดเฟรนด์มานะคะ แต่ก็นานๆจะแอดมา )
เราทะเลาะกันหนักบ้าง ทะเลาะกันบ่อยเกิน ไม่คุยกันเลย ไม่ติดต่อมาเลย เราก็เหมือนจะชิน แต่เราเป็นห่วงเขาค่ะ เขาแพ้กุ้ง เขาไม่ชอบกินข้าว กินนมเปรี้ยวตอนเย็น หรือไม่ก็กินสลัด แล้วก็ไม่กินอีก ก่อนหน้านี้เขาเล่นโทรทัพท์บ่อยมากค่ะ ตอนเราอยู่ด้วยเขาก็เล่น เราถามว่าเล่นไรนักหนาเขาก็บอกคุยกับเพื่อน เราแตะต้องของๆเขาไม่ได้เลย เราทำเสื้อคู่ให้ เราลองใส่ตัวของเขาแล้วถ่ายรูปให้เค้าดู เขาโกรธเราใหญ่เลย บอกทำไมไม่ขอก่อน คือเราไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เราขอโทษเขาไปหลายครั้ง นานเลยกว่าเขาจะคืนดี หลังๆมาเราง้อเขาตลอดค่ะ เขาไม่ค่อยสนใจเราเหมือนเมื่อก่อนเลย อ่านไลน์ไม่ตอบเลยก็มี เสียใจมากค่ะ มีก่อนหน้านี้เขาประสบอุบัติเหตุทางรถเราก็เป็นห่วง โทรไปหาเขาคือเราไปหาเขาไม่ได้เช่นกัน เราอยากติดต่อกับเขาตลอดและตอนนั้นเป็นช่วงที่เขาได้กลับบ้าน เขาก็บอกอยากอยู่กับครอบครัวถ้าว่างจะทักมา เราก็ทำตามที่เขาขอค่ะ คือรอเขาทักมา รอ รอ และรอ ....

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่