หาเวลาว่างจากการทำโปรเจคกลางภาคม.6ได้ ก็มาทำกระทู้ริวิวแนะนำการเที่ยวในประเทศสิงคโปร์ ประเทศเล็กๆ เที่ยวง่าย สบายสบาย #พี่เบิร์ดก็มา55555
เราสองคนเป็นเด็กอายุ17-18ที่อยากเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองค่ะ วันหนึ่งนั่งดูราคาตั๋วไปเรื่อยๆ โป๊ะ! เจอตั๋วถูกไปสิงคโปร์ พ่ออนุญาตปุ๊บบุ๊คกิ้งปั๊บไม่รออะไรทั้งสิ้น
สรุปได้ว่า: ตั๋วเครื่องบินไป-กลับสิงคโปร์ราคา 4075 บาท โดยสายการบิน ScootAir .. Dreamliner boeing787 ..
ออกเดินทางวันที่25 มิถุนายน เวลา20:45 - 00:05 น. กลับวันที่28 มิถุนายน เวลา17:35 - 19:05 น.
ผู้ร่วมทริปทั้งหมด 8คน เป็นเด็กไม่เกิน18 5คน วัยกลางคน 2คน และผูู้สูงอายุอีก 1คน
25 June 2015
ทุกคนมากันพร้อมหน้าพร้อมตาในเวลา18:00น. ณ.สนามบินดอนเมือง เช็คอินเสร็จก็ถึงเวลาร่ำราพ่อแม่ นี่เป็นครั้งแรกของเราสองคนเลยค่ะที่ไปต่างประเทศแบบไม่มีพ่อแม่ไปด้วย ท่านบอกแค่ให้ดูแลตัวเองและคนร่วมทริปให้ดีแล้วมีอะไรให้ทักไลน์ไปบอก เราค่อนข้างมั่นใจกับทริปนี้อยู่นะคะ แต่ก็ยังมีเรื่องให้ปวดหัวอยู่ดี (สปอยล์แรง555)
พอเข้าไปถึงในเกตก็เจอเจ้าตัวนี้มารอต้อนรับเลยแหละค่ะ ตื่นเต้นที่จะได้ขึ้นเครื่องใหญ่กับเขาบ้าง (ปกติพ่อพาไปแต่เครื่องเล็ก-..-)
แต่ละคนก็แยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัว รวมถึงเราสองคนและน้องชายก็ฝากท้องไว้กับฮอทด็อกของเดลี่ควีน และชาเขียวปั่นของสตาร์บั้คค่ะ อิ่มหนำสำราญกันได้ไม่นานก็ถึงเวลาขึ้นเครื่องแล้วล่ะค่ะ โบกมือบ้ายบายเมืองไทย ไว้เจอกันอีกสามวันจ้า~
**เอารูปภายในเครื่องบินมาฝากค่ะ**
จุดพีคของเครื่องนี้คือเจ้ากระจกนี่แหละค่ะ! นางสามารถเปลี่ยนสีได้ จะเป็นสีฟ้าแล้วก็ปรับขึ้น-ลงได้ค่ะ
เรานั่งริมทางเดินข้างน้องชายค่ะ แล้วมีคุณลุงคนนึงนั่งริมหน้าต่าง เริ่มคุยกันก็ถามไถ่ทั่วไปค่ะเป็นคนบ้านไหน ไปทำอะไร คุยไปคุยมาได้ความว่า
คุณลุงเคยทำงานที่สิงคโปร์ค่ะ ไปอยู่มาหลายปี แต่นี่บินไปเยี่ยมลูกชายที่เรียนอยู่ที่นู่น
เราได้อะไรจากคุณลุงเยอะแยะเลยค่ะ ทั้งการเดินทาง การใช้ชีวิตในสิงคโปร์ เพราะเรากลัวอย่างนึงมากคือ เส้นทางรถไฟค่ะ เพราะบ้านเรามีแค่สายเดียวแต่ที่นั่นมีหลายสายมาก เรากลัวสับสน แต่คุณลุงก็บอกว่าไม่เป็นไรค่อยๆเป็นค่อยๆไปแล้วสอนเราดูทางเดินรถไฟ แล้วยังช่วยเรากรอกใบตม.ด้วยค่ะ ต้องขอบคุณคุณลุงมากๆเลย หวังว่าจะได้เจอกันอีกนะคะ
เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อนะคะ
ปล. รูปเราไม่สวยเพราะไม่สันทัดแต่งรูปในคอมฯจริงๆค่ะ แต่อยากมาแบ่งปันประสบการณ์ให้ได้อ่านกัน
ต่อค่ะ
Changi Airport
เรามาถึงสิงคโปร์เวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าๆเวลาสิงคโปร์ ผ่านตม.มาอย่างสบายๆค่ะ เราเลือกนอนที่สนามบินค่ะ จะได้ประหยัดค่าโรงแรมในคืนแรกแล้วมันก็แค่6ชั่วโมงเท่านั้น มาถึงปุ๊บก็หิวปั๊บเลยค่ะ แหะๆ... เรากับน้องชายเลือกกินSubwayค่ะ
ปัญหามันอยู่ที่ว่า.... น้องชายเราเป็นคนเลือกนานค่ะ แล้วเราก็ไม่เคยกินSubwayมาก่อนเช่นกัน แต่ก็ได้ยืนอ่านวิธีสั่งที่หน้าเคาท์เตอร์มาบ้าง พอถึงตอนสั่งก็เอาล่ะค่ะ ภาษาอังกฤษครั้งแรกที่ต่างประเทศ โดนพนง.มองแรงเลยค่ะ ทั้งสั่งช้าและเรื่องเยอะ อาจจะดึกด้วยเลยทำหน้าเหวี่ยงๆใส่ เราก็สตั๊นไปค่ะ แต่ก็คิดว่าคงต้องเจอสะบ้างจะได้รู้T_T
การนอนที่สนามบินก็ไม่ได้แย่อะไรนะคะ พวกเรา8คนมาอยู่รวมๆกันค่ะ นอนบ้างนั่งบ้างหลับบ้าง ไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่แต่ก็ทำใจมาบ้างแล้วค่ะ เราเห็นมีทหารถือปืนเดินภายในสนามบินด้วยค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้ตลอดรึเปล่า (แว๊บแรกนึกว่าถ่ายหนังกันค่ะ55555)
เราไม่ได้นอนค่ะ นั่งกางแผนที่ดูไปเรื่อย เอาจริงๆก็ตื่นเต้น55555
แอบเห็นพนักงานร้านนี้หน้าตาดีค่ะ-//- เลยเข้ามาสั่งเค้กกิน รสชาติใช้ได้นะคะ ใครมาก็ลองแวะกันนะคะ
Paris Baguette Cafe'
06:00 น.
เวลาแห่งการเดินทางมาถึงแล้วค่ะ ล้างหน้าแปรงฟันกันเรียบร้อย พร้อมออกเดินทางค่ะ!
ด้านหน้าที่พักติดเจ้านี่ไว้ค่ะ

ภายในห้องพักค่ะ
เราแยกเป็นสามห้อง เราสองคนและน้องชายนอนด้วยกัน1ห้อง น้ากับยายนอนด้วยกันอีก1ห้อง และป้ากับลูกสาวสองคนอีก1ห้องค่ะ
ห้องไม่กว้างมากตามสไตล์โฮสเทลค่ะ แต่เราก็อุ่นใจนะ55555
เราให้ทุกคนพักกันค่ะแล้วตอนเที่ยงเราสองคนกับพี่จะไปจองตั๋วUSSที่ร้านSea Wheel Travel - People's Park Complex
ปล. เราขอไม่พูดถึงชื่อโรงแรมแรกนะคะ เจ็บใจค่ะT_T
นึกถึงตอนนั้นยังเหนื่อยอยู่เลยค่ะ ไว้พรุ่งนี้จะมาเล่าต่อนะคะ
ขอบคุณค่ะ
[CR] Review Singapore: สองสาวพี่น้องนำทีมเที่ยวครั้งแรกที่สิงคโปร์ 3วัน 3คืน!
เราสองคนเป็นเด็กอายุ17-18ที่อยากเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองค่ะ วันหนึ่งนั่งดูราคาตั๋วไปเรื่อยๆ โป๊ะ! เจอตั๋วถูกไปสิงคโปร์ พ่ออนุญาตปุ๊บบุ๊คกิ้งปั๊บไม่รออะไรทั้งสิ้น
สรุปได้ว่า: ตั๋วเครื่องบินไป-กลับสิงคโปร์ราคา 4075 บาท โดยสายการบิน ScootAir .. Dreamliner boeing787 ..
ออกเดินทางวันที่25 มิถุนายน เวลา20:45 - 00:05 น. กลับวันที่28 มิถุนายน เวลา17:35 - 19:05 น.
ผู้ร่วมทริปทั้งหมด 8คน เป็นเด็กไม่เกิน18 5คน วัยกลางคน 2คน และผูู้สูงอายุอีก 1คน
25 June 2015
ทุกคนมากันพร้อมหน้าพร้อมตาในเวลา18:00น. ณ.สนามบินดอนเมือง เช็คอินเสร็จก็ถึงเวลาร่ำราพ่อแม่ นี่เป็นครั้งแรกของเราสองคนเลยค่ะที่ไปต่างประเทศแบบไม่มีพ่อแม่ไปด้วย ท่านบอกแค่ให้ดูแลตัวเองและคนร่วมทริปให้ดีแล้วมีอะไรให้ทักไลน์ไปบอก เราค่อนข้างมั่นใจกับทริปนี้อยู่นะคะ แต่ก็ยังมีเรื่องให้ปวดหัวอยู่ดี (สปอยล์แรง555)
พอเข้าไปถึงในเกตก็เจอเจ้าตัวนี้มารอต้อนรับเลยแหละค่ะ ตื่นเต้นที่จะได้ขึ้นเครื่องใหญ่กับเขาบ้าง (ปกติพ่อพาไปแต่เครื่องเล็ก-..-)
แต่ละคนก็แยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัว รวมถึงเราสองคนและน้องชายก็ฝากท้องไว้กับฮอทด็อกของเดลี่ควีน และชาเขียวปั่นของสตาร์บั้คค่ะ อิ่มหนำสำราญกันได้ไม่นานก็ถึงเวลาขึ้นเครื่องแล้วล่ะค่ะ โบกมือบ้ายบายเมืองไทย ไว้เจอกันอีกสามวันจ้า~
**เอารูปภายในเครื่องบินมาฝากค่ะ**
จุดพีคของเครื่องนี้คือเจ้ากระจกนี่แหละค่ะ! นางสามารถเปลี่ยนสีได้ จะเป็นสีฟ้าแล้วก็ปรับขึ้น-ลงได้ค่ะ
เรานั่งริมทางเดินข้างน้องชายค่ะ แล้วมีคุณลุงคนนึงนั่งริมหน้าต่าง เริ่มคุยกันก็ถามไถ่ทั่วไปค่ะเป็นคนบ้านไหน ไปทำอะไร คุยไปคุยมาได้ความว่า
คุณลุงเคยทำงานที่สิงคโปร์ค่ะ ไปอยู่มาหลายปี แต่นี่บินไปเยี่ยมลูกชายที่เรียนอยู่ที่นู่น
เราได้อะไรจากคุณลุงเยอะแยะเลยค่ะ ทั้งการเดินทาง การใช้ชีวิตในสิงคโปร์ เพราะเรากลัวอย่างนึงมากคือ เส้นทางรถไฟค่ะ เพราะบ้านเรามีแค่สายเดียวแต่ที่นั่นมีหลายสายมาก เรากลัวสับสน แต่คุณลุงก็บอกว่าไม่เป็นไรค่อยๆเป็นค่อยๆไปแล้วสอนเราดูทางเดินรถไฟ แล้วยังช่วยเรากรอกใบตม.ด้วยค่ะ ต้องขอบคุณคุณลุงมากๆเลย หวังว่าจะได้เจอกันอีกนะคะ
เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อนะคะ
ปล. รูปเราไม่สวยเพราะไม่สันทัดแต่งรูปในคอมฯจริงๆค่ะ แต่อยากมาแบ่งปันประสบการณ์ให้ได้อ่านกัน
ต่อค่ะ
Changi Airport
เรามาถึงสิงคโปร์เวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าๆเวลาสิงคโปร์ ผ่านตม.มาอย่างสบายๆค่ะ เราเลือกนอนที่สนามบินค่ะ จะได้ประหยัดค่าโรงแรมในคืนแรกแล้วมันก็แค่6ชั่วโมงเท่านั้น มาถึงปุ๊บก็หิวปั๊บเลยค่ะ แหะๆ... เรากับน้องชายเลือกกินSubwayค่ะ
ปัญหามันอยู่ที่ว่า.... น้องชายเราเป็นคนเลือกนานค่ะ แล้วเราก็ไม่เคยกินSubwayมาก่อนเช่นกัน แต่ก็ได้ยืนอ่านวิธีสั่งที่หน้าเคาท์เตอร์มาบ้าง พอถึงตอนสั่งก็เอาล่ะค่ะ ภาษาอังกฤษครั้งแรกที่ต่างประเทศ โดนพนง.มองแรงเลยค่ะ ทั้งสั่งช้าและเรื่องเยอะ อาจจะดึกด้วยเลยทำหน้าเหวี่ยงๆใส่ เราก็สตั๊นไปค่ะ แต่ก็คิดว่าคงต้องเจอสะบ้างจะได้รู้T_T
การนอนที่สนามบินก็ไม่ได้แย่อะไรนะคะ พวกเรา8คนมาอยู่รวมๆกันค่ะ นอนบ้างนั่งบ้างหลับบ้าง ไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่แต่ก็ทำใจมาบ้างแล้วค่ะ เราเห็นมีทหารถือปืนเดินภายในสนามบินด้วยค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้ตลอดรึเปล่า (แว๊บแรกนึกว่าถ่ายหนังกันค่ะ55555)
เราไม่ได้นอนค่ะ นั่งกางแผนที่ดูไปเรื่อย เอาจริงๆก็ตื่นเต้น55555
แอบเห็นพนักงานร้านนี้หน้าตาดีค่ะ-//- เลยเข้ามาสั่งเค้กกิน รสชาติใช้ได้นะคะ ใครมาก็ลองแวะกันนะคะ
06:00 น.
เวลาแห่งการเดินทางมาถึงแล้วค่ะ ล้างหน้าแปรงฟันกันเรียบร้อย พร้อมออกเดินทางค่ะ!![:เพี้ยนลุย:
โชคดีหน่อยที่เรามีบัตรEZ-linkมาจากไทย ญาติเรามีอยู่9ใบเลยให้เรามาใช้หมดเลย จะได้ต่ออายุบัตรด้วย เราเลยแค่เติมเงินค่ะ เราเติมใบละ20 SGD แจกจ่ายให้ทุกคนก็พร้อมไปแล้วค่ะ
เป้าหมายแรกของเราคือเช็คอินที่พักค่ะ เรามุ่งตรงไปยังสถานีClarke Quayกันเลยค่ะ!
เลือกไปตามป้ายที่เขียนว่าJoo Koon เป็นสายสีเขียวค่ะ
จากChangi Airportนั้นต้องเปลี่ยนขบวนที่สถานีTanah Merahหนึ่งครั้งค่ะ เพราะจะมีรถแยกไปสองสายตามรูปค่ะ เราเจอคุณตาคนจีนคนนึงค่ะ ตอนนั้นเรางงๆกับที่เปลี่ยนสายที่นี่อยู่ คุณตาก็เลยเข้ามาช่วยค่ะ ท่านบอกว่าพูดอิ้งได้นิดหน่อยแล้วก็บอกให้เราตามเขาไปค่ะ พอเปลี่ยนขบวนปุ๊บคุณตาก็หายไปเลยค่ะ ยังไม่ได้ขอบคุณเลย
นั่งมาเรื่อยๆแล้วเปลี่ยนสถานีที่Outram Parkเป็นสายสีม่วงแล้วไปสถานีClark Quayค่ะ
รถไฟที่นี่จะขึ้นฟ้าลงดินกันเรื่อยๆค่ะแล้วแต่สถานี เราว่าก็ดีนะคะสวยดี ชอบๆ5555
ถึงที่หมายแล้วเราก็ตรงดิ่งไปยังโรงแรมที่จองไว้เลยค่ะ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะยังเช้าอยู่รึเปล่าเลยไม่ค่อยมีรถมีคนกันสักเท่าไหร่ รถไฟที่นั่งมาก็ไม่เต็มค่ะ ไม่อัดแน่นเหมือนที่ไทย(เวลาไปเรียนพิเศษเหมือนโดนอัดเป็นปลากระป๋อง-*-) เราเดินข้ามถนนมาได้สบายๆเลยค่ะ โรงแรมที่เราจองไว้นั้นเป็นโฮสเทลเล็กๆค่ะ ราคาถูกมากกกกกก เนื่องจากเราอยากประหยัดเงินพ่อแม่ค่ะ55555
มาถึงโฮสเทลแล้วก็เจอผู้หญิงคนนึงนั่งอยู่ที่เคาท์เตอร์ค่ะ เราคิดว่าเป็นประชาสัมพันธ์(?) เราก็ยื่นใบบุ๊คกิ้งให้เขาดูค่ะ ซึ่งเราแจ้งไว้แล้วว่าจะแค่วางของและเช็คอินไว้ก่อนเพื่อที่เราจะได้เที่ยวอย่างสนุกๆไม่มีสัมภาระค่ะ
แต่!!
ปัญหา!!
มันอยู่ที่ว่า!!!!
เขาบอกว่าไม่มีบุ๊คกิ้งของเรา
เอาแล้วไง.... สายตาอีกกว่า6คู่มองมาทางเราสองคน ทุกคนอยากพัก อยากเอนหลัง และทุกคนหิวค่ะ....
โฮสเทลแจ้งว่าเราได้ยกเลิกการจองไปแล้ว คือเรายกเลิกรอบแรกไปค่ะเพราะรอบแรกเราจองไป5เตียง แต่ดันมีเพิ่มมาอีก3คน เราเลยยกเลิกการจองนั้นแล้วจองใหม่เป็น8เตียง แล้วเหมือนที่เราจองครั้งที่สองไปนั้นไม่ขึ้นกับทางโรงแรมค่ะ....
เครียดค่ะ เครียดมาก มาครั้งแรกก็เจออะไรแบบนี้เลยเหรอ จะติดต่อพ่อก็ไม่ได้ ไม่ได้ซื้อซิมการ์ดที่นั่น เราสองคนตัดสินใจเดินออกหาโรงแรมใหม่แถวนั้นค่ะ ยังดีที่ทางโรงแรมให้คนอื่นๆนั่งรออยู่ข้างในล็อบบี้ก่อน
พอออกมาข้างนอกเท่านั้นแหละค่ะ ร้องไห้เลย ไม่รู้จะทำยังไง เดินหาโรงแรมรอบละแหวกนั้นเลยค่ะ มีหลายราคา แต่ก็ไม่ถูกใจเราค่ะ บางที่ต้องพักห้องรวมแล้วเราไม่อยากแยกหญิงชายค่ะ เป็นห่วงน้องชาย เวลาก็เดินไปเรื่อยๆ กลับมาถึงโฮสเทลก็9โมงกว่าแล้วค่ะ
เจ้าของโฮสเทลยื่นขอเสนอให้ว่ามีห้องพักให้แต่ต้องนอนแยกแล้วก็ห้องจะโทรมกว่าห้องอื่น เราไม่โอเคเลยค่ะ เสียความรู้สึกด้วย
เราสองคนตัดสินใจบอกผู้ร่วมทริปที่เหลือค่ะ ทุกคนก็เข้าใจเราแล้วก็ช่วยกันหาโรงแรมค่ะ เราก็เลยบอกเดี๋ยวไปกินข้าวเช้ากันก่อนดีกว่าแล้วเราสองคนจะไปเดินหาที่พักเอง
พวกเราเดินจากClark QuayไปยังChina Townค่ะ ที่เราแพลนไว้แล้วว่าจะกินอาหารเช้าที่นี่ ซึ่งระยะทางไม่ไกลมากค่ะ เดินถึงกันได้เหมือนสยามกับเซนเวิล
ร้านอยู่ซ้ายมือตามรูปค่ะ เห็นมั้ยยยยย
เราอยากกินโทสต์มากค่ะแต่เพราะต้องออกหาที่พักก็เลยอดT^T
11:00 น.
สรุปแล้วเราได้พักที่ Heritage Hostel ค่ะ เจ้าของเป็นคนเกาหลี เลยมีคนเกาหลีมาพักค่อนข้างเยอะ เราเป็นติ่ง เป็นไง ชอบสิคะ55555
ด้านหน้าที่พักติดเจ้านี่ไว้ค่ะ
ภายในห้องพักค่ะ
เราแยกเป็นสามห้อง เราสองคนและน้องชายนอนด้วยกัน1ห้อง น้ากับยายนอนด้วยกันอีก1ห้อง และป้ากับลูกสาวสองคนอีก1ห้องค่ะ
ห้องไม่กว้างมากตามสไตล์โฮสเทลค่ะ แต่เราก็อุ่นใจนะ55555
เราให้ทุกคนพักกันค่ะแล้วตอนเที่ยงเราสองคนกับพี่จะไปจองตั๋วUSSที่ร้านSea Wheel Travel - People's Park Complex
ปล. เราขอไม่พูดถึงชื่อโรงแรมแรกนะคะ เจ็บใจค่ะT_T
นึกถึงตอนนั้นยังเหนื่อยอยู่เลยค่ะ ไว้พรุ่งนี้จะมาเล่าต่อนะคะ
ขอบคุณค่ะ