ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่าเป็นการ post ครั้งแรกถ้าข้อมูลหรือภาษาไม่ถูกต้องอย่างไรต้องขออภัยมา ณที่นี้
3 วัน@ สิงคโปร์ ประเทศนี้อยู่ใกล้บ้านเรามากและผมก็มักจะมองข้ามไปตลอด พอคิดจะไปก็ไว้ก่อนใกล้ๆแค่นี้ เลยไม่ได้มีโอกาสได้ไปเสียทีจนกระทั้งมีเพื่อนบอกว่าอยากไป ไปเป็นเพื่อนหน่อย นั้นแหละงานเข้าคุณเพื่อนแสนดีก็บอกว่าช่วงนี้แกไม่ได้ทำงานฉะนั้นหาข้อมูลที่พักจองตั๋วด้วย เท่านั้นแหละวิญญาณหัวหน้าทัวร์น้อยๆก็เข้าสิงทันที หลังจากสามวันเต็มเข้าใจหัวอกบริษัททัวร์เข้ามาทันทีว่าเหนื่อยเหมือนกัน ถึงข้อมูลจะมีมากมายจาก internet แต่นั้นแหละคือปัญหาคือมันมีให้เลือกมากเหลือเกิน และด้วย concept ดีสุด ถูกสุด คุ้มสุด สุดๆทุกอย่าง (งก) มันเลยเหนื่อย สุดท้ายตัดสินใจจองกับทาง Airasiago.com หมดเรื่องหมดราว ซึ่งพอคำนวณมาแล้วถือว่าเป็นราคาที่รับได้ คำถามต่อมาอ้าวแล้วจะทำหรือเที่ยวอะไรได้บ้างใน 3 วันที่สิงคโปร์ เออสถานที่เที่ยวมันเยอะเหมือนกันจนรู้สึกว่า 3 วันไม่น่าจะพอคงต้องประมาณ 5 วันได้ละมั่ง เอายังไงก็เอาหลักๆไว้ก่อนเหมือนฝรั่งเที่ยวเมืองไทยก็ต้อง วัดพระแก้ว ตลาดน้ำประมาณนั้น แน่นอนตาม list ที่วางไว้
1. Universal studios
2. Garden by the bay
3. Marina Bay Sands
4. Merlion
5. S.E.A Aquarium
6. กินข้าวมันไก่, ปูผัดพริกไทยดำ, สะเต๊ะ, บักกุ๊ตเต๋,
7. shopping (Charles & Keith)
ตามนี้ list ที่จะต้องทำแน่ๆ
วันแรกขึ้นเครื่องออกจาก กทม โดยสารการบินแอร์เอเซียต้องยอมรับว่าภายในเครื่องนั้นใหม่ดีจริง อย่างน้อยสร้างความอุ่นใจได้ว่ามันใหม่แล้วมันต้องปลอดภัย มันน่าจะเหมือนรถยนต์แต่แน่นอนมันเหมาะกับการบินใกล้ๆ ใช้เวลาไม่นานเพราะว่าถ้าคุณสูงเกิน 180 หรือหนักเกิน 90 กิโล หรืออ้วนนั้นเองจะประสบปัญหากับอารมณ์ปลากระป๋องขึ้นมาทันที หลังจากที่เป็นปลากระป๋องประมาณ 2 ชม ก็ถึงสนามบินชางฮี ระหว่างผ่านการตรวจ ต.ม นั้นต้องยอมรับว่าเข้มจริงๆ มันทำให้ผมคิดถึงสมัยเด็กเคยมีคนบอกว่าจะเข้าสิงคโปร์ ห้ามหมากฝรั่ง แล้วก็ต้องตัดผมให้เรียบร้อยไม่นั้นเขาจะตัดให้ หลังจากคิดเพลินๆ ไปก็เจอทางเข้าตรวจให้เลือกซ้าย คนจีน ขวาคนแขก แน่นอนผมเลือกซ้ายเพราะสมัยเด็กๆเรียนโรงเรียนประจำบราเดอร์เป็นแขกดุโครตๆ ถูกตีตูดแตกไปหลายที เลยจำมาทุกวันนี้ ปรากฏว่าแทงหวยผิด แขกใจดีกว่าไม่ตรวจมากส่วนพี่จีนเล่นสะเกือบจะต้องถอดกางเกงในให้ไปเลย เกือบถามไปแล้วว่าพี่เป็นเกย์เปล่าจับอยู่นั้นแหละ กว่าจะปล่อยมาได้เหมือนเราเสร็จพี่แกไปเรียบร้อยแล้วยังไงก็ไม่รู้
หลังจากที่ออกมาก็มีรถมารอรับ ผมซื้อให้รถมารับไว้ตั้งแต่เมืองไทย เออพี่แกก็ตรงเวลาดี พอมาถึงโรงแรมที่จองไว้ hotel Jen orchardgateway ถือว่าใช้ได้เลยห้อง ok ชั้นบนสุดเป็นสระว่ายน้ำพร้อมกับเครื่องดื่ม แถมวิวเห็นในเมืองสวยงาม ส่วนวิวที่สระน้ำไม่ต้องพูดถึงรีบนำแว่นดำขึ้นมาใสทันที ส่วนข้างล่างนั้นเป็น shopping spot สวรรค์ของนัก shop และนั้นเป็นสิ่งที่ผมพลาดอย่างแรงเนื่องจากเพื่อนผมเป็นนัก shop ตัวยง หลังจาก check in เรียบร้อยแล้วยังไม่ทันวางกระเป๋าก็มีเสียงผ่านหูมาว่า เสร็จแล้วลงไป shop กันดูว่ามี shop อะไรบ้าง 5555 แม่เจ้า ผมดูแล้วมันก็เหมือนๆกับเมืองไทยนั้นแหละ shop brand ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ส่วนราคานั้นผมว่าดูเหมือนบ้านเราจะถูกกว่าเสียอีก (ความเห็นส่วนตัว) 4 ชั่วโมงผ่านไปยังวนเวียนกับอนุสารีย์ shopping mall อยู่ เดินไปเดินมาแน่นอน นโปเลียนกล่าวไว้ว่า กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เดินไปเดินมาร้านอาหารส่วนใหญ่ใน shopping mall จะเป็นร้าน fusion food / bistrol / internation food / food court / mac / kfc ไม่เอาจะกินข้าวมันไก่ หรือ สะเต๊ะ และแล้วนโปเลียนก็ต้องมาพ่ายศึกที่ร้าน Charle and Keith จัดไปอร่อยเหาะ fusion foot / internation foot โหบาทาเต็มหน้า คนจะลองรองเท้าอะไรจะเยอะขนาดนี้ เต็มร้าน นี้คือมหกรรมลดแลกแจกแถมหรือ พอเดินเข้าไปเหมือนเราผ่านประตูวิเศษของโดเรม่อนจากสิงคโปร์มาแถวเซ็นทรัลลาดพร้าว เป็นภาษาที่เราฟังออกดี กว่า 99.99 % เป็นพี่ไทยมีทั้งอาม่า อากง อาแปะ อาอี๋ อากิ๋ม ชาย/หญิง/ผสม เด็กผู้ใหญ่ ทุกเพศและวัยอยู่ในสถานที่เดียวกันโดยมิได้นัดหมาย ผมเดินเข้าไปไม่มีจุดยืนของตัวเองเพราะร้านถือว่าไม่ได้ใหญ่มากจึงต้องทำการหลบหลีกนัก shop ทั้งหลายอยู่ตลอดเวลา ท่านสุภาพสตรีก็ทำภารกิจอย่างแข็งขัน ส่วนท่านสุภาพบุรุษก็ไม่แพ้กันโดย face time / line บ้างส่งข้อมูลไปมาว่า size ไหน สีไหน แบบไหนทำกันเป็นขบวนการ ผมจึงค้นพบตัวเองว่าเป็นสิ่งกีดขวางการทำงานของพวกเขา
แต่ไม่นานผมก็ได้เป็นส่วนหนึ่งในภารกิจดังกล่าวขึ้นมาทันที เมือได้ยินเสียงจากข้างหลังว่า สีไหนดี สูงหรือแหลม หรือเตียดี เอาแล้วสิงานเข้า การตอบนั้นมันไม่ช่ายแค่ตอบมันส่งเดชต้องมีเหตุผล support ด้วย (ว่าง่ายๆต้องมีหลักการ) เพราะไม่งั้นเพื่อนคุณจะจับได้ว่ามั่ว ผมเคยทำงานที่จะต้องทำการ present บ่อยๆจึงไม่เป็นปัญหา แม่น้ำไทยมีทั้ง ปิง วัง ยม น่าน ดึงมาให้หมด สุดท้ายแล้วไม่เอาไปเอาอีกคู่ เออแล้วจะถามทำไมว่ะเนี้ย จัดไป 6 คู่ กว่านโปเลียนจะได้ทานข้าว 3 ทุ่ม สรุปวันแรก shopping อย่างเดียว ฉะนั้นก่อนที่ท่านจะเดินทาง ท่านต้องศึกษาเพื่อนเดินทางที่ไปกับท่านว่ามาแนวเดียวกันรึเปล่า หรือว่ามาคนละแนว ถ้ามาแนว shopping ก็พักแถว orchard สะดวกสุดครับประหยัดค่ารถด้วย ไม่เสียเวลาเดินทางเพราะว่าทั้งเส้นเต็มไปด้วย shopping center.
วันที่สอง garden by the bay
สำหรับผมคำว่าสวน ต้นไม้ ดอกไม้ พฤกษาพัน นับว่าสอบตก ผมมีความรู้ด้านนี้น้อยมากๆ ผมนั่งรถไฟใต้ดินจาก somerset ไปถึง สถานี bayfront แล้วนั่งรถ golf เข้าไปอีกจนถึง flower dome ในนั้นมีหลายส่วนแต่ตั๋วที่ผมซื้อมานั้นรวมหมดแล้ว ราคาประมาณ 550 บาทไทยเข้าไปในส่วน flower dome + cloud forest ขอบอกว่าสวยงามมากจากที่ไม่ได้สนใจเรื่องดอกไม้ ต้นไม้เลยมันทำให้เรารู้สึกอยากศึกษามากขึ้น โดยเฉพาะใน dome นั้นติดแอร์ เย็นสบายเดินได้ทั้งวัน ซึ่งบางท่านอาจจะเฉยๆ แต่ส่วนตัวผมว่า 550 บาทนั้นคุ้มค่ามาก อย่างน้อยๆมาแล้วไปเถอะ ผมใช้เวลาหลายชั่วโมงแน่นอนเพื่อนผมอาจจะไม่ได้ in กับดอกไม้หรือธรรมชาติเหมือน Charle and Keith แต่ก็พยายามเดินให้คุ้มกับ 550 บาท ในสวนนี้มีพรรณไม้หลากหลายชนิด ซึ่งหลายดอกมีอยู่ในเมืองนอกไม่เคยเห็นในเมืองไทย ด้วยหน้าตารูปร่างแปลกตา พอชโงกไปดูชื่อก็ยิ่งทำให้งงงวยขึ้นไปอีก อยากจะแจ้งไปทางองค์กรสิ่งแวดล้อมช่วยตั้งชื่อให้มันอ่านง่ายๆสั้นหน่อยได้เปล่าเนี้ย แค่ลำพังภาษาอังกฤษก็แย่อยู่แล้ว ขนาดดอกก็คุ้นเคยแต่เจอศัพท์แสงไปเล่นเอา มึน เห็นชัดๆว่าหน้าวัว โหเขียนสะ anthurium เล่นเอาหยักในสมองเพิ่มเลย ดอกเก็กฮวย Chrysanthemum โหอยากรู้เหมือนกันเวลาจะสั่งน้ำเก็กฮวยที (ภาคไทย พี่เก็กฮวย 2 จบ) (ภาคฝรั่ง Can I have 2 Chrysanthemum tea please) ตายกว่าจะได้กินลิ้นจุกปากก่อน หลังจากนั้นเรายังใช้เวลาอยู่ในสถานทีนี้นานพอควร เพราะต้องยอมรับสถาปนิกออกแบบสถานที่นี้ออกแบบมาได้ดีเยี่ยม เข้าใจลึกซึ่งแก่นแท้ถึงผู้เข้าชมที่ไม่ได้หลงรักพรรณไม้มากนัก โดยไม่ทำให้เราเบื่อ ทางมีน้ำตก ขึ้นๆ ลงๆ ทางเดินมาทะลุเห็นข้างล่าง (ให้หัวใจเต็นแรงขึ้นบ้าง หรือ โอกาสทองสำหรับคู่หนุ่มสาวที่จีบกันใหม่ๆ จับมือถือแขนเพราะกลัวความสูง หรือ กลัวลื่น ถึงท่านจะไม่กลัวแต่ก็ต้องทำเป็นกลัวได้แล้วเพราะว่าสถานที่เป็นใจ)
หลังจากใช้เวลาหลายชั่วโมงท้องก็เริ่มส่งเสียง ผมเดินไปเดินมาไม่มีอะไรทานที่ garden by the bay มีแต่ร้านดูดีมีชาติตะกูลทั้งนั้น ดูจากราคา + กับบริมาณแล้วน่าจะออกมาเป็น super art fusion แน่ๆ ประมาณ ปลาแซลมอน 1 ชิ้นเล็ก + ผักสองสามอย่างวางไว้บนปลาบ้าง ข้างปลาบ้าง มีมะกอก 1 ชิ้นแล้วละเลงซอสอาร์ตเดคโค ไม่พอกับท้องจับกังอย่างเราแน่ๆ เลยต้องพึ่งเจ้ Goo ตามระเบียบได้ความว่า Lau Pa Sat หรือ (เลา ปา สาท) เออถ้าไปกินแล้วเราจะยังปกติดีอยู่หรือเปล่าเนี้ย ชื่อดูไม่เป็นมงมลกับสมองยังไงไม่รู้ นั่ง MRT ไปถึง Raffles place station ทางออก F เดินทางขวาจะผ่านตึก AIA เจอทันที wow เจอแล้วแดนสวรรค์กับจับกังอย่างเรา เหมือนประมาณ food court บ้านเรา พอเดินเข้าไปข้างในไม่เท่าไหร่ก็ เบๆ เลยเดินวนไปวนมา ทะลุมาด้านหลังแม่เจ้าแหล่งสะเตะโห มวลมหาประชาชนอยู่ข้างนอกนี้เอง ยังไม่ถึงโต๊ะเหลืออีก 30 เมตรได้พนักงานขายพร้อมเมนูเป็นอาวุธเข้ามาขายสินค้าทันที เลือกไม่ถูก สุดท้ายจบที่ร้านเบอร์ 8 จริงๆไม่ทราบว่าร้านไหนอร่อยกว่ากันแต่ด้วยความมุ่งมั่นของคนขายเราจึงยอมพลีกาย เอ้ยไม่ช่ายยอมมากินร้านเขา จัดมาจัดมา สะเต๊ะไก่ เนื้อ แพะ กุ้ง ก๊วยจั๊บ ปูผัดพริกไทยดำ พุงกางเดินไม่ได้แล้วรสชาติอาหารถือว่าอร่อยครับ แต่เชื่อผมไม่ได้หรอกครับกับคนที่หิวและลิ้นจระเข้ สะเต๊ะนั้นผมว่าต่างกับบ้านเรานะครับเครื่องเทศเน้นๆ ออกหวาน ส่วนปูผัดพริกไทยดำก็อร่อยครับแต่ถ้าเทียบกับเมืองไทยแล้วก็หากินแบบนี้ไม่ยากนัก ส่วนก๊วยจั๊บอืมถือว่าเยียมครับผมชอบ ส่วนราคา 5555 ต้องทำใจครับอย่าเทียบข้างทางหรือ food court บ้านเรานะครับก่อนกินต้องนึกไว้เสมอว่าอยุ่สิงคโปร์จะได้สบายใจ หลังจากภารกิจลุล่วงแล้วก็เดินจาก food court ออกมากลับไปที่เดิม garden by the bay ครับเพราะเห็นเขาว่าจะมีแสดงแสง สี เสียง (ไม่รู้เหมือนกาญฯ) รึเปล่า พอมาถึงคนเพียบ รอบแสดงนั้นมีเวลา 19.45 และ 20.45 ครับฟรีไม่เสียเงินแต่เสียแรงเดินผมเดินมานั่งตรงต้นไม้ใหญ่ 3-4 ต้นนั้นแหละครับ
ผมมองหาที่นั่ง ไม่มีครับอ้าวแล้วไง ไม่ทันไรพอการแสดงเริ่มขึ้น บางคนก็ยืนบางคนก็นั่งหรือนอนกับพื้นไปเลยก็มี อ้อเล่นกันแบบนี้ก็ไม่บอกจัดไปถนัดอยู่แล้วผมกับเพื่อนนอนกับพื้นไปเลยครับ ไม่นานมากประมาณ15 นาทีครับ
จาก Garden by the bay ผมเดินข้ามมาที่ Marina Bay Sands เพื่อขึ้นไปดูวิวรอบสิงคโปร์ ซื้อตั๋วไว้แล้วนิราคาก็ 530 บาท ขึ้นไปอย่างเดียวไม่มี drink ถ้าจะดื่มเสียเพิ่ม concept เดิมมาแล้วนิ พอเดินมาถึง marina bay sands ข้างใน hi - so มากร้านค้า brand name ทั้งนั้นส่วนร้านอาหารไม่ต้องพูดถึง ไฟประดับประดาจะเยอะไปไหนส่วนคนเดินไปเดินมาก็นายแบบนางแบบ cat-walk หลุดมาจาก magazine ทั้งนั้นซึ่งสร้างความ contrast ระหว่างผมกับเพื่อนผมที่พึ่งนอนกับพื้นมาพร้อมกับกลิ่นไอสะเต๊ะที่ food court มายังไงไม่รู้ เวลาเดินผ่านคนทีเหมือนเดินไปเลือกน้ำหอมที่ kingpower รางน้ำยังไงไม่รู้ ระยะทางเดินไปลิฟท์ขึ้นไปข้างบนนั้นไกลพอควรแต่ด้วยสีสันร้านค้าและผู้คนทั้ง อินเทรนด์และเอ้าเทรนด์ ทำให้ดูเหมือนไม่ไกล แต่ยังเดินไปไม่ถึงลิฟท์ดี สะเต๊ะไก่เริ่มทำงานตามระบบนิเวศของมัน เอาแล้วสิแล้วมันอยู่ไหนซึ่งห้องน้ำที่ต่างประเทศไม่ได้มีเยอะมากมายเหมือนเมืองไทย โชคดีว่ามันไม่ไกลมากแต่ด้วยตัวผมเองเกิดมากับระบบ direct injection เลยจากเดินมาเป็นวิ่ง เหงื่อเริ่มออกหน้าเริ่มแดงแต่เดชะบุญมาถึงห้องน้ำแล้วโล่งไม่มีคน ผ่านไประยะพอสมควรเนื่องจากสถานที่เอื้ออำนวยมีเพลงให้ฟังห้องน้ำสะอาด มีกลิ่นน้ำหอมฉีดตลอดเวลาแอร์ก็เย็นหลับได้คงหลับไปแล้ว ผมเดินออกมาเพื่อนยืนรออยู่เป็นไงข้าศึกบุกรบอยู่นานเชียว ผมหันไปเห็นห้องน้ำหญิงต้องต่อคิว พอนึกแล้วก็ต้องดีใจกับผู้ชายด้วยว่าท่านโชคดีมากท่านมีสองทางเลือกเบอร์ 1 กับ เบอร์ 2 ใช้ต่างโถต่างสถานะทางกายภาพ ฉะนั้นสัดส่วนอุปสงค์อุปทานจึงลงตัวพอดี ส่วนผู้หญิงนั้นไม่วา่จะเบอร์ไหนห้องน้ำอย่างเดียว ฉะนั้นท่านที่เป็นหญิงที่มีท่อตรงผมว่าจะต้องมี strategy planning process อย่างเป็นระบบมิฉะนั้นแล้ว......!
ผมขึ้นลิฟท์ขึ้นมาไม่นานนักก็พบกับวิวที่สิงคโปร์ 360 องศาในตอนกลางคืนสวยงามมากๆ มีร้านขายของที่ระลึก (ราคาก็ระลึกไปด้วย) แล้วก็มีร้าน drink ดื่มหนุ่มหล่อสาวสวยด้วยชุดราตรีสโมสรยืนในร้านเพียบ เพื่อนผมชวนดื่มผมเลยบอกว่าเออ แวะ 7eleven เพื่อนแล้วดื่มต่อที่โรงแรมเมาเหมือนกัน
สำหรับวันนี้จบเพียงเท่านี้เล่าสะเป็นนิยายชีวประวัติ ข้อมูลไม่ได้เยอะน้ำจะเยอะมากกว่าเอาแบบสนุกๆครับ ผมเอารูปมาฝากด้วยครับ แล้วจะมาเล่าวันที่สามต่อ
ประสบการณ์เที่ยวสิงคโปร์
3 วัน@ สิงคโปร์ ประเทศนี้อยู่ใกล้บ้านเรามากและผมก็มักจะมองข้ามไปตลอด พอคิดจะไปก็ไว้ก่อนใกล้ๆแค่นี้ เลยไม่ได้มีโอกาสได้ไปเสียทีจนกระทั้งมีเพื่อนบอกว่าอยากไป ไปเป็นเพื่อนหน่อย นั้นแหละงานเข้าคุณเพื่อนแสนดีก็บอกว่าช่วงนี้แกไม่ได้ทำงานฉะนั้นหาข้อมูลที่พักจองตั๋วด้วย เท่านั้นแหละวิญญาณหัวหน้าทัวร์น้อยๆก็เข้าสิงทันที หลังจากสามวันเต็มเข้าใจหัวอกบริษัททัวร์เข้ามาทันทีว่าเหนื่อยเหมือนกัน ถึงข้อมูลจะมีมากมายจาก internet แต่นั้นแหละคือปัญหาคือมันมีให้เลือกมากเหลือเกิน และด้วย concept ดีสุด ถูกสุด คุ้มสุด สุดๆทุกอย่าง (งก) มันเลยเหนื่อย สุดท้ายตัดสินใจจองกับทาง Airasiago.com หมดเรื่องหมดราว ซึ่งพอคำนวณมาแล้วถือว่าเป็นราคาที่รับได้ คำถามต่อมาอ้าวแล้วจะทำหรือเที่ยวอะไรได้บ้างใน 3 วันที่สิงคโปร์ เออสถานที่เที่ยวมันเยอะเหมือนกันจนรู้สึกว่า 3 วันไม่น่าจะพอคงต้องประมาณ 5 วันได้ละมั่ง เอายังไงก็เอาหลักๆไว้ก่อนเหมือนฝรั่งเที่ยวเมืองไทยก็ต้อง วัดพระแก้ว ตลาดน้ำประมาณนั้น แน่นอนตาม list ที่วางไว้
1. Universal studios
2. Garden by the bay
3. Marina Bay Sands
4. Merlion
5. S.E.A Aquarium
6. กินข้าวมันไก่, ปูผัดพริกไทยดำ, สะเต๊ะ, บักกุ๊ตเต๋,
7. shopping (Charles & Keith)
ตามนี้ list ที่จะต้องทำแน่ๆ
วันแรกขึ้นเครื่องออกจาก กทม โดยสารการบินแอร์เอเซียต้องยอมรับว่าภายในเครื่องนั้นใหม่ดีจริง อย่างน้อยสร้างความอุ่นใจได้ว่ามันใหม่แล้วมันต้องปลอดภัย มันน่าจะเหมือนรถยนต์แต่แน่นอนมันเหมาะกับการบินใกล้ๆ ใช้เวลาไม่นานเพราะว่าถ้าคุณสูงเกิน 180 หรือหนักเกิน 90 กิโล หรืออ้วนนั้นเองจะประสบปัญหากับอารมณ์ปลากระป๋องขึ้นมาทันที หลังจากที่เป็นปลากระป๋องประมาณ 2 ชม ก็ถึงสนามบินชางฮี ระหว่างผ่านการตรวจ ต.ม นั้นต้องยอมรับว่าเข้มจริงๆ มันทำให้ผมคิดถึงสมัยเด็กเคยมีคนบอกว่าจะเข้าสิงคโปร์ ห้ามหมากฝรั่ง แล้วก็ต้องตัดผมให้เรียบร้อยไม่นั้นเขาจะตัดให้ หลังจากคิดเพลินๆ ไปก็เจอทางเข้าตรวจให้เลือกซ้าย คนจีน ขวาคนแขก แน่นอนผมเลือกซ้ายเพราะสมัยเด็กๆเรียนโรงเรียนประจำบราเดอร์เป็นแขกดุโครตๆ ถูกตีตูดแตกไปหลายที เลยจำมาทุกวันนี้ ปรากฏว่าแทงหวยผิด แขกใจดีกว่าไม่ตรวจมากส่วนพี่จีนเล่นสะเกือบจะต้องถอดกางเกงในให้ไปเลย เกือบถามไปแล้วว่าพี่เป็นเกย์เปล่าจับอยู่นั้นแหละ กว่าจะปล่อยมาได้เหมือนเราเสร็จพี่แกไปเรียบร้อยแล้วยังไงก็ไม่รู้
หลังจากที่ออกมาก็มีรถมารอรับ ผมซื้อให้รถมารับไว้ตั้งแต่เมืองไทย เออพี่แกก็ตรงเวลาดี พอมาถึงโรงแรมที่จองไว้ hotel Jen orchardgateway ถือว่าใช้ได้เลยห้อง ok ชั้นบนสุดเป็นสระว่ายน้ำพร้อมกับเครื่องดื่ม แถมวิวเห็นในเมืองสวยงาม ส่วนวิวที่สระน้ำไม่ต้องพูดถึงรีบนำแว่นดำขึ้นมาใสทันที ส่วนข้างล่างนั้นเป็น shopping spot สวรรค์ของนัก shop และนั้นเป็นสิ่งที่ผมพลาดอย่างแรงเนื่องจากเพื่อนผมเป็นนัก shop ตัวยง หลังจาก check in เรียบร้อยแล้วยังไม่ทันวางกระเป๋าก็มีเสียงผ่านหูมาว่า เสร็จแล้วลงไป shop กันดูว่ามี shop อะไรบ้าง 5555 แม่เจ้า ผมดูแล้วมันก็เหมือนๆกับเมืองไทยนั้นแหละ shop brand ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ส่วนราคานั้นผมว่าดูเหมือนบ้านเราจะถูกกว่าเสียอีก (ความเห็นส่วนตัว) 4 ชั่วโมงผ่านไปยังวนเวียนกับอนุสารีย์ shopping mall อยู่ เดินไปเดินมาแน่นอน นโปเลียนกล่าวไว้ว่า กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เดินไปเดินมาร้านอาหารส่วนใหญ่ใน shopping mall จะเป็นร้าน fusion food / bistrol / internation food / food court / mac / kfc ไม่เอาจะกินข้าวมันไก่ หรือ สะเต๊ะ และแล้วนโปเลียนก็ต้องมาพ่ายศึกที่ร้าน Charle and Keith จัดไปอร่อยเหาะ fusion foot / internation foot โหบาทาเต็มหน้า คนจะลองรองเท้าอะไรจะเยอะขนาดนี้ เต็มร้าน นี้คือมหกรรมลดแลกแจกแถมหรือ พอเดินเข้าไปเหมือนเราผ่านประตูวิเศษของโดเรม่อนจากสิงคโปร์มาแถวเซ็นทรัลลาดพร้าว เป็นภาษาที่เราฟังออกดี กว่า 99.99 % เป็นพี่ไทยมีทั้งอาม่า อากง อาแปะ อาอี๋ อากิ๋ม ชาย/หญิง/ผสม เด็กผู้ใหญ่ ทุกเพศและวัยอยู่ในสถานที่เดียวกันโดยมิได้นัดหมาย ผมเดินเข้าไปไม่มีจุดยืนของตัวเองเพราะร้านถือว่าไม่ได้ใหญ่มากจึงต้องทำการหลบหลีกนัก shop ทั้งหลายอยู่ตลอดเวลา ท่านสุภาพสตรีก็ทำภารกิจอย่างแข็งขัน ส่วนท่านสุภาพบุรุษก็ไม่แพ้กันโดย face time / line บ้างส่งข้อมูลไปมาว่า size ไหน สีไหน แบบไหนทำกันเป็นขบวนการ ผมจึงค้นพบตัวเองว่าเป็นสิ่งกีดขวางการทำงานของพวกเขา
แต่ไม่นานผมก็ได้เป็นส่วนหนึ่งในภารกิจดังกล่าวขึ้นมาทันที เมือได้ยินเสียงจากข้างหลังว่า สีไหนดี สูงหรือแหลม หรือเตียดี เอาแล้วสิงานเข้า การตอบนั้นมันไม่ช่ายแค่ตอบมันส่งเดชต้องมีเหตุผล support ด้วย (ว่าง่ายๆต้องมีหลักการ) เพราะไม่งั้นเพื่อนคุณจะจับได้ว่ามั่ว ผมเคยทำงานที่จะต้องทำการ present บ่อยๆจึงไม่เป็นปัญหา แม่น้ำไทยมีทั้ง ปิง วัง ยม น่าน ดึงมาให้หมด สุดท้ายแล้วไม่เอาไปเอาอีกคู่ เออแล้วจะถามทำไมว่ะเนี้ย จัดไป 6 คู่ กว่านโปเลียนจะได้ทานข้าว 3 ทุ่ม สรุปวันแรก shopping อย่างเดียว ฉะนั้นก่อนที่ท่านจะเดินทาง ท่านต้องศึกษาเพื่อนเดินทางที่ไปกับท่านว่ามาแนวเดียวกันรึเปล่า หรือว่ามาคนละแนว ถ้ามาแนว shopping ก็พักแถว orchard สะดวกสุดครับประหยัดค่ารถด้วย ไม่เสียเวลาเดินทางเพราะว่าทั้งเส้นเต็มไปด้วย shopping center.
วันที่สอง garden by the bay
สำหรับผมคำว่าสวน ต้นไม้ ดอกไม้ พฤกษาพัน นับว่าสอบตก ผมมีความรู้ด้านนี้น้อยมากๆ ผมนั่งรถไฟใต้ดินจาก somerset ไปถึง สถานี bayfront แล้วนั่งรถ golf เข้าไปอีกจนถึง flower dome ในนั้นมีหลายส่วนแต่ตั๋วที่ผมซื้อมานั้นรวมหมดแล้ว ราคาประมาณ 550 บาทไทยเข้าไปในส่วน flower dome + cloud forest ขอบอกว่าสวยงามมากจากที่ไม่ได้สนใจเรื่องดอกไม้ ต้นไม้เลยมันทำให้เรารู้สึกอยากศึกษามากขึ้น โดยเฉพาะใน dome นั้นติดแอร์ เย็นสบายเดินได้ทั้งวัน ซึ่งบางท่านอาจจะเฉยๆ แต่ส่วนตัวผมว่า 550 บาทนั้นคุ้มค่ามาก อย่างน้อยๆมาแล้วไปเถอะ ผมใช้เวลาหลายชั่วโมงแน่นอนเพื่อนผมอาจจะไม่ได้ in กับดอกไม้หรือธรรมชาติเหมือน Charle and Keith แต่ก็พยายามเดินให้คุ้มกับ 550 บาท ในสวนนี้มีพรรณไม้หลากหลายชนิด ซึ่งหลายดอกมีอยู่ในเมืองนอกไม่เคยเห็นในเมืองไทย ด้วยหน้าตารูปร่างแปลกตา พอชโงกไปดูชื่อก็ยิ่งทำให้งงงวยขึ้นไปอีก อยากจะแจ้งไปทางองค์กรสิ่งแวดล้อมช่วยตั้งชื่อให้มันอ่านง่ายๆสั้นหน่อยได้เปล่าเนี้ย แค่ลำพังภาษาอังกฤษก็แย่อยู่แล้ว ขนาดดอกก็คุ้นเคยแต่เจอศัพท์แสงไปเล่นเอา มึน เห็นชัดๆว่าหน้าวัว โหเขียนสะ anthurium เล่นเอาหยักในสมองเพิ่มเลย ดอกเก็กฮวย Chrysanthemum โหอยากรู้เหมือนกันเวลาจะสั่งน้ำเก็กฮวยที (ภาคไทย พี่เก็กฮวย 2 จบ) (ภาคฝรั่ง Can I have 2 Chrysanthemum tea please) ตายกว่าจะได้กินลิ้นจุกปากก่อน หลังจากนั้นเรายังใช้เวลาอยู่ในสถานทีนี้นานพอควร เพราะต้องยอมรับสถาปนิกออกแบบสถานที่นี้ออกแบบมาได้ดีเยี่ยม เข้าใจลึกซึ่งแก่นแท้ถึงผู้เข้าชมที่ไม่ได้หลงรักพรรณไม้มากนัก โดยไม่ทำให้เราเบื่อ ทางมีน้ำตก ขึ้นๆ ลงๆ ทางเดินมาทะลุเห็นข้างล่าง (ให้หัวใจเต็นแรงขึ้นบ้าง หรือ โอกาสทองสำหรับคู่หนุ่มสาวที่จีบกันใหม่ๆ จับมือถือแขนเพราะกลัวความสูง หรือ กลัวลื่น ถึงท่านจะไม่กลัวแต่ก็ต้องทำเป็นกลัวได้แล้วเพราะว่าสถานที่เป็นใจ)
หลังจากใช้เวลาหลายชั่วโมงท้องก็เริ่มส่งเสียง ผมเดินไปเดินมาไม่มีอะไรทานที่ garden by the bay มีแต่ร้านดูดีมีชาติตะกูลทั้งนั้น ดูจากราคา + กับบริมาณแล้วน่าจะออกมาเป็น super art fusion แน่ๆ ประมาณ ปลาแซลมอน 1 ชิ้นเล็ก + ผักสองสามอย่างวางไว้บนปลาบ้าง ข้างปลาบ้าง มีมะกอก 1 ชิ้นแล้วละเลงซอสอาร์ตเดคโค ไม่พอกับท้องจับกังอย่างเราแน่ๆ เลยต้องพึ่งเจ้ Goo ตามระเบียบได้ความว่า Lau Pa Sat หรือ (เลา ปา สาท) เออถ้าไปกินแล้วเราจะยังปกติดีอยู่หรือเปล่าเนี้ย ชื่อดูไม่เป็นมงมลกับสมองยังไงไม่รู้ นั่ง MRT ไปถึง Raffles place station ทางออก F เดินทางขวาจะผ่านตึก AIA เจอทันที wow เจอแล้วแดนสวรรค์กับจับกังอย่างเรา เหมือนประมาณ food court บ้านเรา พอเดินเข้าไปข้างในไม่เท่าไหร่ก็ เบๆ เลยเดินวนไปวนมา ทะลุมาด้านหลังแม่เจ้าแหล่งสะเตะโห มวลมหาประชาชนอยู่ข้างนอกนี้เอง ยังไม่ถึงโต๊ะเหลืออีก 30 เมตรได้พนักงานขายพร้อมเมนูเป็นอาวุธเข้ามาขายสินค้าทันที เลือกไม่ถูก สุดท้ายจบที่ร้านเบอร์ 8 จริงๆไม่ทราบว่าร้านไหนอร่อยกว่ากันแต่ด้วยความมุ่งมั่นของคนขายเราจึงยอมพลีกาย เอ้ยไม่ช่ายยอมมากินร้านเขา จัดมาจัดมา สะเต๊ะไก่ เนื้อ แพะ กุ้ง ก๊วยจั๊บ ปูผัดพริกไทยดำ พุงกางเดินไม่ได้แล้วรสชาติอาหารถือว่าอร่อยครับ แต่เชื่อผมไม่ได้หรอกครับกับคนที่หิวและลิ้นจระเข้ สะเต๊ะนั้นผมว่าต่างกับบ้านเรานะครับเครื่องเทศเน้นๆ ออกหวาน ส่วนปูผัดพริกไทยดำก็อร่อยครับแต่ถ้าเทียบกับเมืองไทยแล้วก็หากินแบบนี้ไม่ยากนัก ส่วนก๊วยจั๊บอืมถือว่าเยียมครับผมชอบ ส่วนราคา 5555 ต้องทำใจครับอย่าเทียบข้างทางหรือ food court บ้านเรานะครับก่อนกินต้องนึกไว้เสมอว่าอยุ่สิงคโปร์จะได้สบายใจ หลังจากภารกิจลุล่วงแล้วก็เดินจาก food court ออกมากลับไปที่เดิม garden by the bay ครับเพราะเห็นเขาว่าจะมีแสดงแสง สี เสียง (ไม่รู้เหมือนกาญฯ) รึเปล่า พอมาถึงคนเพียบ รอบแสดงนั้นมีเวลา 19.45 และ 20.45 ครับฟรีไม่เสียเงินแต่เสียแรงเดินผมเดินมานั่งตรงต้นไม้ใหญ่ 3-4 ต้นนั้นแหละครับ
ผมมองหาที่นั่ง ไม่มีครับอ้าวแล้วไง ไม่ทันไรพอการแสดงเริ่มขึ้น บางคนก็ยืนบางคนก็นั่งหรือนอนกับพื้นไปเลยก็มี อ้อเล่นกันแบบนี้ก็ไม่บอกจัดไปถนัดอยู่แล้วผมกับเพื่อนนอนกับพื้นไปเลยครับ ไม่นานมากประมาณ15 นาทีครับ
จาก Garden by the bay ผมเดินข้ามมาที่ Marina Bay Sands เพื่อขึ้นไปดูวิวรอบสิงคโปร์ ซื้อตั๋วไว้แล้วนิราคาก็ 530 บาท ขึ้นไปอย่างเดียวไม่มี drink ถ้าจะดื่มเสียเพิ่ม concept เดิมมาแล้วนิ พอเดินมาถึง marina bay sands ข้างใน hi - so มากร้านค้า brand name ทั้งนั้นส่วนร้านอาหารไม่ต้องพูดถึง ไฟประดับประดาจะเยอะไปไหนส่วนคนเดินไปเดินมาก็นายแบบนางแบบ cat-walk หลุดมาจาก magazine ทั้งนั้นซึ่งสร้างความ contrast ระหว่างผมกับเพื่อนผมที่พึ่งนอนกับพื้นมาพร้อมกับกลิ่นไอสะเต๊ะที่ food court มายังไงไม่รู้ เวลาเดินผ่านคนทีเหมือนเดินไปเลือกน้ำหอมที่ kingpower รางน้ำยังไงไม่รู้ ระยะทางเดินไปลิฟท์ขึ้นไปข้างบนนั้นไกลพอควรแต่ด้วยสีสันร้านค้าและผู้คนทั้ง อินเทรนด์และเอ้าเทรนด์ ทำให้ดูเหมือนไม่ไกล แต่ยังเดินไปไม่ถึงลิฟท์ดี สะเต๊ะไก่เริ่มทำงานตามระบบนิเวศของมัน เอาแล้วสิแล้วมันอยู่ไหนซึ่งห้องน้ำที่ต่างประเทศไม่ได้มีเยอะมากมายเหมือนเมืองไทย โชคดีว่ามันไม่ไกลมากแต่ด้วยตัวผมเองเกิดมากับระบบ direct injection เลยจากเดินมาเป็นวิ่ง เหงื่อเริ่มออกหน้าเริ่มแดงแต่เดชะบุญมาถึงห้องน้ำแล้วโล่งไม่มีคน ผ่านไประยะพอสมควรเนื่องจากสถานที่เอื้ออำนวยมีเพลงให้ฟังห้องน้ำสะอาด มีกลิ่นน้ำหอมฉีดตลอดเวลาแอร์ก็เย็นหลับได้คงหลับไปแล้ว ผมเดินออกมาเพื่อนยืนรออยู่เป็นไงข้าศึกบุกรบอยู่นานเชียว ผมหันไปเห็นห้องน้ำหญิงต้องต่อคิว พอนึกแล้วก็ต้องดีใจกับผู้ชายด้วยว่าท่านโชคดีมากท่านมีสองทางเลือกเบอร์ 1 กับ เบอร์ 2 ใช้ต่างโถต่างสถานะทางกายภาพ ฉะนั้นสัดส่วนอุปสงค์อุปทานจึงลงตัวพอดี ส่วนผู้หญิงนั้นไม่วา่จะเบอร์ไหนห้องน้ำอย่างเดียว ฉะนั้นท่านที่เป็นหญิงที่มีท่อตรงผมว่าจะต้องมี strategy planning process อย่างเป็นระบบมิฉะนั้นแล้ว......!
ผมขึ้นลิฟท์ขึ้นมาไม่นานนักก็พบกับวิวที่สิงคโปร์ 360 องศาในตอนกลางคืนสวยงามมากๆ มีร้านขายของที่ระลึก (ราคาก็ระลึกไปด้วย) แล้วก็มีร้าน drink ดื่มหนุ่มหล่อสาวสวยด้วยชุดราตรีสโมสรยืนในร้านเพียบ เพื่อนผมชวนดื่มผมเลยบอกว่าเออ แวะ 7eleven เพื่อนแล้วดื่มต่อที่โรงแรมเมาเหมือนกัน
สำหรับวันนี้จบเพียงเท่านี้เล่าสะเป็นนิยายชีวประวัติ ข้อมูลไม่ได้เยอะน้ำจะเยอะมากกว่าเอาแบบสนุกๆครับ ผมเอารูปมาฝากด้วยครับ แล้วจะมาเล่าวันที่สามต่อ