สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของ จขกท. อยากจะมาบอกเล่าเรื่องราวการเที่ยวดอยในจังหวัดเชียงใหม่ที่น้อยคนจะรู้จักชื่อ "ดอยค้ำฟ้า"
ดอยค้ำฟ้าอยู่ในอำเภอเชียงดาว หลายๆท่านมักคุ้ยเคยกับชื่อดอยหลวงเชียงดาว บนยอดดอยค้ำฟ้า เราสามารถมองเห็นยอดดอยเชียงดาวได้ด้วยค่ะ
เริ่มต้น พี่ๆ กลุ่มที่ตีแบดมินตันด้วยกันชวนไปเที่ยวดอยค้ำฟ้า เราก็งง เพราะไม่เคยได้ยินชื่อ ทั้งๆ ที่เรียนอยู่ในเชียงใหม่มาเกือบ 4 ปี
ตอนแรกก็ยังลังเลอยู่ เพราะกลัวว่าจะลำบาก ไม่เคยได้ยิน หาดูข้อมูลในอินเตอร์เน็ตก็เป็นข้อมูลที่นานมาแล้ว ก็เลยเอาวะ ตัดสินใจ ไปก็ไป
จขกท. เลยชวนกลุ่มเพื่อนๆ ไปด้วยกันทั้งหมด 5 คนรวมตัวของ จขกท.ด้วย และรวมพี่ๆ อีก 2 คน สรุปทั้งหมด 7 คนค่ะ เลยนัดวันเวลากันเรียบร้อยได้วันเสาร์ที่ 5-6 ธันวาคม ซึ่งตรงกับวันหยุดพอดี นัดเวลากัน 8 โมงเช้าเพื่อซื้อของไว้ทำอาหารบนดอย แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วค่ะ รถออก 10.30 น.
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม เราเริ่มออกเดินทางกัน 10.30 น. ค่ะ ตอนแรกวันที่ 4 ธันวาคม ฝนเกิดตกหนักในเชียงใหม่ ตอนแรกถ้าวันที่ 5 ยังตกคงต้องเปลี่ยนแผนกันไปที่อื่นแทน แต่โชคดีที่วันที่ 5 ฝนหยุดตกและแดดออก เราก็เริ่มเดินทางกันค่ะ เดินทางโดยรถยนต์กระบะของพี่ๆ จขกท.นั่งด้านหน้ากับคนขับค่ะ
อันนี้เป็นเสบียงของเราค่ะ สำหรับคน 7 คน มีน้ำ ไส้กรอก ซี่โครงหมูหมัก หมึกแห้ง หมึกสด สำหรับใช้ย่างบนดอยค่ะ
เริ่มเดินทางโดยใช้เส้นถนนซุเปอร์ไฮเวย์ ไปเส้นแม่ริมค่ะ
มุ่งหน้าตรงไปเส้นอำเภอเชียงดาว
ระหว่างทางก็แวะตลาดแม่มาลัยเพื่อซื้อของกินเพิ่มเติม
และเดินทางกันต่อค่ะ ตรงไปตามทางก่อนนะคะ ยังไม่เลี้ยงเข้าทางถ้ำเชียงดาว
พอถึงเวลาทานข้าวเที่ยง เราก็แวะทางข้าวซอยกันข้างทางค่ะ อร่อยดี ราคาไม่แพง
ก่อนที่เราจะเดินทางขึ้นดอยค้ำฟ้า พี่ในกลุ่มที่ชื่อพี่เอกมีแฟนเป็นคนเชียงดาวค่ะ และน้องเขยของพี่เอกเขาชำนาญเส้นทางการขึ้นดอย เพราะระยะทางขึ้นดอยมีระยะทาง 8 กิโลเมตรค่ะ เป็นทางขึ้นอย่างเดียว และทางแคบ รถไม่สามารถสวนกันได้ค่ะ ต้องใช้ความชำนาญและความระมัดระวังมาก
ก่อนจะขึ้นดอยเราก็แวะพักกันบ้านน้องเขยของพี่เอกกันก่อน ระหว่างนั้น เพื่อนๆ ของ จขกท. ก็หามุมถ่ายรูปกันค่ะ เพราะสถานที่บริเวณนั้นเป็นหมุ่บ้านของลอซูค่ะ มีดอกบัวตองบานเยอะมาก สวยมากเช่นกัน
นี่คือกลุ่มเพื่อนๆ ของจขกท.ค่ะ รวมคนถ่ายอีกก็ 5 คนพอดี
หามุมถ่ายรูปสวยๆ ค่ะ ดอกบัวตองสวยมากค่ะ
เด็กในหมู่บ้านน่ารักค่ะ น้องๆพูดภาษาท้องถิ่นกันและพูดภาษาไทยได้ชัดเจนมากค่ะทั้งๆที่น้องๆเป็นชนเผ่า จขกท.ชื่นชม
จขกท. ไม่รู้ชื่อดอกค่ะ สวยดี
ก่อนขึ้นดอยก็หาอะไรทานซักหน่อย
อันนี้ไม่ได้ทานค่ะ ตอนแรกนึกว่าหมูป่า แต่ไม่ใช่ มันคือหมูดอย หมูป่าจะมีเขี้ยวค่ะ
ก่อนขึ้นดอยก็แวะซักหน่อย ในนี้ของ จขกท.7 ไม้ค่ะ ไม้ละ 10 บาท ถูกมาก แต่กินไปมีแต่กระดูก 555
และแล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อค่ะ น้องเขยของพี่เอกที่จะมาเป็นไกด์ให้เราชื่อพี่อาเปาค่ะ และแฟนของพี่อาเปาชื่อพี่มิ้ง พี่ๆ 2 คนจะขึ้นไปนอนกับเราด้วย สรุปในทริปนี้เราร่วมเดินทางกันทั้งหมด 9 คนค่ะ
ในที่สุดเราก็มาถึงตรงจุดทางขึ้นที่แสนโหดค่ะ ทางขึ้นอย่างเดียว 8 กิโลเมตร อย่างที่เกริ่นไปตั้งแต่แรกว่าก่อนหน้านี้มีฝนตก ทำให้ทางลื่นนิดหน่อย สนุกมากค่ะ จขกท.นั่งในรถ เพลงมันๆ หัวโยกเพราะทางโหด เหมือนเต้นอยู่ในผับ สนุกไปอีกแบบค่ะ 5555
กลุ่มเราเอารถกระบะมาค่ะ เห็นมีนักท่องเที่ยว(คนไทย)บางกลุ่มเอารถมอเตอร์ไซค์ขึ้นกันค่ะ นับถือเลย เพราะทางโหดมาก มีหักศอกด้วย จขกท.ง่วงแต่นอนไม่ลงเพราะทางโหดมากค่ะ
ปล.รูปภาพอาจจะมีเบลอๆ นิดหน่อยนะคะ เพราะมือนิ่งไม่ได้จริงๆ กำลังมันส์กับการนั่งรถค่ะ 5555 อยากให้เห็นบรรยากาศการเดินทาง
ระหว่างทาง พี่อาเปา(คนขับรถขึ้นดอย)แวะเก็บไม้เกี๊ยะ จากต้นสนบริเวณนั้นที่ร่วงลงพื้น เพื่อนำไปจุดไฟบนดอย ดอยค้ำฟ้าต้นสนเยอะมากค่ะ บรรยากาศเหมือนอยู่เกาหลีเลย
ไม่เกินอึดใจเราก็มาถึงกันแล้ว ดอยค้ำฟ้า เวลาประมาณ 4 โมงเย็นค่ะ อยากจะบอกว่าอากาศดีมากค่ะ หาไม่ได้เลยในเมืองอากาศแบบนี้ มาถึงก็ต้องสูดให้สุดๆ ปอดเพื่อชาร์ตแบตให้ร่างกายกัน วิวสวยมากค่ะ ตรงจุดนี้เราจะสามารถมองเห็นยอดดอยเชียงดาวได้ด้วย สวยมาก
ตรงจุดที่ลงรูปไปเมื่อกี้ คือจุดที่กางเต๊นท์สำหรับนักท่องเที่ยวนะคะ คือตอนแรกก็แบกของลงจากหลังรถกันแล้ว กำลังหาจุดเหมาะๆ เพื่อกางเต๊นท์ เพราะวันนั้นมีนักท่องเที่ยงบางกลุ่มประมาณ 10 กว่าคน กางเต๊นท์กันแล้ว ซึ่งถือว่าไม่เยอะเลยสำหรับบนดอยที่สวยๆแบบนี้
พี่อาเปารู้จักกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลที่นี่ พวกเราเลยได้ขึ้นไปกางเต๊นท์กันข้างบนยอดดอยค่ะ ซึ่งเดินขึ้นไปอีกประมาณ 3-400 เมตร ซึ่งถือว่าไม่ไกล แต่ทางขึ้นชันอย่างเดียวค่ะ ละต้องแบกของทั้งหมดขึ้นไป T_T เอาค่ะ ไหนๆก็มาถึงแล้ว สู้ตายค่ะ ตรงจุดกางเต๊นท์ด้านล่างมีห้องน้ำไว้คอยบริการด้วยนะคะ แต่ข้างบนไม่มีค่ะ! ห้องน้ำป่าอย่างเดียว 5555
แบกสิคะ รออะไร เดี๋ยวไม่ทันดูพระอาทิตย์ตกดินค่ะ
ถึงแล้วก็ขึ้นไปไหว้ศาลก่อนค่ะ ศาลจะอยู่ข้างบนจุดที่กลุ่มของ จขกท.กางเต๊นท์อีกที เพราะกางรอบๆศาลไม่ได้ค่ะเพราะเป็นการรบกวนศาล
ไหว้ศาลเสร็จก็หันมาอีกทางค่ะ รูปจุดสูงสุดของดอยค้ำฟ้า นี่คือกลุ่มคณะของ จขกท.ที่มากันวันนี้ รวมคนที่ถ่ายด้วยเป็น 9 คนค่ะ
เสร็จแล้วก็ลงมากางเต๊นท์ก่อนค่ะ รีบกางเพราะพวกเราจะไปดูพระอาทิตย์ตกดินกันที่จุดชมวิว
พอกางเต็นท์ เก็บของเข้าเต๊นท์เสร็จก็รออะไรคะ ไปค่ะ ไปจุดชมวิวดูพระอาทิตย์ตกดินกัน พระอาทิตย์ตกดินลับตาตอนเวลา 17.45 น.พอดีเลยค่ะ จะบอกว่าสวยมาก เป็นยอดเขาสลับซับซ้อนกัน อธิบายไม่ถูก อากาศไม่หนาวมากกำลังดีค่ะ เหมาะสำหรับมาเป็นคู่รักมาก 5555
พอพระอาทิตย์ลาลับฟ้าเราก็รีบกลับค่ะ เพราะกลัวจะมืด แต่เดินหันหลังกลับทางเดิม สิ่งที่เห็นคือ หมอกค่ะ หมอกอย่างเยอะ ลงต่ำมาเรื่อยๆ อากาศเริ่มหนาว หนาวมาก และสวยมากเช่นกัน
พอมาถึงที่พัก จขกท.เห็นว่าพี่อาเปาและพี่เอกกำลังต้มชาค่ะ เป็นชาป่า จขกท.คิดว่าเป็นกัญชาแต่ไม่ใช่ค่ะ 555 รสชาดไม่ต้องพูดถึง กลิ่นควันเต็มๆค่ะ ไม่มีรสชาดอื่นใดนอกจากกลิ่นควัน 555
และเราก็เริ่มตั้งวงกันเพื่อปิ้งอาหารเย็นกินกันค่ะ ที่ดำๆนี่คือหมึกนะคะ จขกท.ไม่ได้เป็นคนปิ้งนะ สรุปเซ็ทนี้ทิ้งค่ะ 555
หลังจากที่กินกันอิ่มแล้ว เราก็ขึ้นไปตรงบริเวณศาลอีกทีค่ะ ไปปล่อยโคมที่ จขกท.ซื้อมาจากตลาดแม่มาลัย ลมแรงค่ะ สรุปโคมไม่ลอย 555
เพื่อนของ จขกท.คนนึงที่ใส่เสื้อกล้าม บอกว่าที่เราหนาวเพราะใจเราบอกว่าหนาว ถ้าเราคิดว่าไม่หนาวเราก็จะไม่หนาวค่ะ เพื่อนเลยใส่เสื้อมาท้าอากาศหนาวๆ สรุปสั่นค่ะ 555 (กลุ่ม จขกท.เรียนจิตวิทยากันค่ะ เลยมีนิสัยที่ตลกๆ ไม่เหมือนคนอื่น555)
หลังจากที่เราปล่อยโคมกันแล้ว ก็มานั่งผิงไฟกันค่ะ คือหลังจากพระอาทิตย์ตกไม่นานก็มืดแล้วทั้งป่า ดาวสวยมากค่ะ ไม่เหมือนในเมืองเพราะว่าไม่มีแสงไฟใดๆ รบกวน มีดาวตกด้วยค่ะ ขอพรกันยกใหญ่ จขกท.นอนหลับประมาณ 4 ทุ่มค่ะ หนาวมากแม้ว่าจะใส่ถุงเท้า 2 ชั้นและขนผ้าห่มผ้านวมมาก็ไม่ได้ช่วยให้คลายหนาวเลยค่ะ อุณหภูมิวัดตอนเวลาประมาณตี5 ได้ 7 องศาค่ะ
ตอนนี้จำนวนตัวอักษรก็ใกล้ครบแล้วค่ะ เดี๋ยวจะต่ออีกคอมเม้นท์เพื่อจะได้ไม่เสียบรรยากาศ ต่อมาก็จะมาชมบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้ากันค่ะ
[The gang] ไปแอ่ว"ดอยค้ำฟ้า" ดอยน้องใหม่ในเชียงใหม่กับเดอะแก๊งค์ 2 วันกับ 1 คืน
สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของ จขกท. อยากจะมาบอกเล่าเรื่องราวการเที่ยวดอยในจังหวัดเชียงใหม่ที่น้อยคนจะรู้จักชื่อ "ดอยค้ำฟ้า"
ดอยค้ำฟ้าอยู่ในอำเภอเชียงดาว หลายๆท่านมักคุ้ยเคยกับชื่อดอยหลวงเชียงดาว บนยอดดอยค้ำฟ้า เราสามารถมองเห็นยอดดอยเชียงดาวได้ด้วยค่ะ
เริ่มต้น พี่ๆ กลุ่มที่ตีแบดมินตันด้วยกันชวนไปเที่ยวดอยค้ำฟ้า เราก็งง เพราะไม่เคยได้ยินชื่อ ทั้งๆ ที่เรียนอยู่ในเชียงใหม่มาเกือบ 4 ปี
ตอนแรกก็ยังลังเลอยู่ เพราะกลัวว่าจะลำบาก ไม่เคยได้ยิน หาดูข้อมูลในอินเตอร์เน็ตก็เป็นข้อมูลที่นานมาแล้ว ก็เลยเอาวะ ตัดสินใจ ไปก็ไป
จขกท. เลยชวนกลุ่มเพื่อนๆ ไปด้วยกันทั้งหมด 5 คนรวมตัวของ จขกท.ด้วย และรวมพี่ๆ อีก 2 คน สรุปทั้งหมด 7 คนค่ะ เลยนัดวันเวลากันเรียบร้อยได้วันเสาร์ที่ 5-6 ธันวาคม ซึ่งตรงกับวันหยุดพอดี นัดเวลากัน 8 โมงเช้าเพื่อซื้อของไว้ทำอาหารบนดอย แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วค่ะ รถออก 10.30 น.
วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม เราเริ่มออกเดินทางกัน 10.30 น. ค่ะ ตอนแรกวันที่ 4 ธันวาคม ฝนเกิดตกหนักในเชียงใหม่ ตอนแรกถ้าวันที่ 5 ยังตกคงต้องเปลี่ยนแผนกันไปที่อื่นแทน แต่โชคดีที่วันที่ 5 ฝนหยุดตกและแดดออก เราก็เริ่มเดินทางกันค่ะ เดินทางโดยรถยนต์กระบะของพี่ๆ จขกท.นั่งด้านหน้ากับคนขับค่ะ
ก่อนที่เราจะเดินทางขึ้นดอยค้ำฟ้า พี่ในกลุ่มที่ชื่อพี่เอกมีแฟนเป็นคนเชียงดาวค่ะ และน้องเขยของพี่เอกเขาชำนาญเส้นทางการขึ้นดอย เพราะระยะทางขึ้นดอยมีระยะทาง 8 กิโลเมตรค่ะ เป็นทางขึ้นอย่างเดียว และทางแคบ รถไม่สามารถสวนกันได้ค่ะ ต้องใช้ความชำนาญและความระมัดระวังมาก
ก่อนจะขึ้นดอยเราก็แวะพักกันบ้านน้องเขยของพี่เอกกันก่อน ระหว่างนั้น เพื่อนๆ ของ จขกท. ก็หามุมถ่ายรูปกันค่ะ เพราะสถานที่บริเวณนั้นเป็นหมุ่บ้านของลอซูค่ะ มีดอกบัวตองบานเยอะมาก สวยมากเช่นกัน
และแล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อค่ะ น้องเขยของพี่เอกที่จะมาเป็นไกด์ให้เราชื่อพี่อาเปาค่ะ และแฟนของพี่อาเปาชื่อพี่มิ้ง พี่ๆ 2 คนจะขึ้นไปนอนกับเราด้วย สรุปในทริปนี้เราร่วมเดินทางกันทั้งหมด 9 คนค่ะ
ในที่สุดเราก็มาถึงตรงจุดทางขึ้นที่แสนโหดค่ะ ทางขึ้นอย่างเดียว 8 กิโลเมตร อย่างที่เกริ่นไปตั้งแต่แรกว่าก่อนหน้านี้มีฝนตก ทำให้ทางลื่นนิดหน่อย สนุกมากค่ะ จขกท.นั่งในรถ เพลงมันๆ หัวโยกเพราะทางโหด เหมือนเต้นอยู่ในผับ สนุกไปอีกแบบค่ะ 5555
กลุ่มเราเอารถกระบะมาค่ะ เห็นมีนักท่องเที่ยว(คนไทย)บางกลุ่มเอารถมอเตอร์ไซค์ขึ้นกันค่ะ นับถือเลย เพราะทางโหดมาก มีหักศอกด้วย จขกท.ง่วงแต่นอนไม่ลงเพราะทางโหดมากค่ะ
ปล.รูปภาพอาจจะมีเบลอๆ นิดหน่อยนะคะ เพราะมือนิ่งไม่ได้จริงๆ กำลังมันส์กับการนั่งรถค่ะ 5555 อยากให้เห็นบรรยากาศการเดินทาง
ระหว่างทาง พี่อาเปา(คนขับรถขึ้นดอย)แวะเก็บไม้เกี๊ยะ จากต้นสนบริเวณนั้นที่ร่วงลงพื้น เพื่อนำไปจุดไฟบนดอย ดอยค้ำฟ้าต้นสนเยอะมากค่ะ บรรยากาศเหมือนอยู่เกาหลีเลย
ไม่เกินอึดใจเราก็มาถึงกันแล้ว ดอยค้ำฟ้า เวลาประมาณ 4 โมงเย็นค่ะ อยากจะบอกว่าอากาศดีมากค่ะ หาไม่ได้เลยในเมืองอากาศแบบนี้ มาถึงก็ต้องสูดให้สุดๆ ปอดเพื่อชาร์ตแบตให้ร่างกายกัน วิวสวยมากค่ะ ตรงจุดนี้เราจะสามารถมองเห็นยอดดอยเชียงดาวได้ด้วย สวยมาก
ตรงจุดที่ลงรูปไปเมื่อกี้ คือจุดที่กางเต๊นท์สำหรับนักท่องเที่ยวนะคะ คือตอนแรกก็แบกของลงจากหลังรถกันแล้ว กำลังหาจุดเหมาะๆ เพื่อกางเต๊นท์ เพราะวันนั้นมีนักท่องเที่ยงบางกลุ่มประมาณ 10 กว่าคน กางเต๊นท์กันแล้ว ซึ่งถือว่าไม่เยอะเลยสำหรับบนดอยที่สวยๆแบบนี้
พี่อาเปารู้จักกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลที่นี่ พวกเราเลยได้ขึ้นไปกางเต๊นท์กันข้างบนยอดดอยค่ะ ซึ่งเดินขึ้นไปอีกประมาณ 3-400 เมตร ซึ่งถือว่าไม่ไกล แต่ทางขึ้นชันอย่างเดียวค่ะ ละต้องแบกของทั้งหมดขึ้นไป T_T เอาค่ะ ไหนๆก็มาถึงแล้ว สู้ตายค่ะ ตรงจุดกางเต๊นท์ด้านล่างมีห้องน้ำไว้คอยบริการด้วยนะคะ แต่ข้างบนไม่มีค่ะ! ห้องน้ำป่าอย่างเดียว 5555
พอกางเต็นท์ เก็บของเข้าเต๊นท์เสร็จก็รออะไรคะ ไปค่ะ ไปจุดชมวิวดูพระอาทิตย์ตกดินกัน พระอาทิตย์ตกดินลับตาตอนเวลา 17.45 น.พอดีเลยค่ะ จะบอกว่าสวยมาก เป็นยอดเขาสลับซับซ้อนกัน อธิบายไม่ถูก อากาศไม่หนาวมากกำลังดีค่ะ เหมาะสำหรับมาเป็นคู่รักมาก 5555
พอพระอาทิตย์ลาลับฟ้าเราก็รีบกลับค่ะ เพราะกลัวจะมืด แต่เดินหันหลังกลับทางเดิม สิ่งที่เห็นคือ หมอกค่ะ หมอกอย่างเยอะ ลงต่ำมาเรื่อยๆ อากาศเริ่มหนาว หนาวมาก และสวยมากเช่นกัน
พอมาถึงที่พัก จขกท.เห็นว่าพี่อาเปาและพี่เอกกำลังต้มชาค่ะ เป็นชาป่า จขกท.คิดว่าเป็นกัญชาแต่ไม่ใช่ค่ะ 555 รสชาดไม่ต้องพูดถึง กลิ่นควันเต็มๆค่ะ ไม่มีรสชาดอื่นใดนอกจากกลิ่นควัน 555
หลังจากที่กินกันอิ่มแล้ว เราก็ขึ้นไปตรงบริเวณศาลอีกทีค่ะ ไปปล่อยโคมที่ จขกท.ซื้อมาจากตลาดแม่มาลัย ลมแรงค่ะ สรุปโคมไม่ลอย 555
เพื่อนของ จขกท.คนนึงที่ใส่เสื้อกล้าม บอกว่าที่เราหนาวเพราะใจเราบอกว่าหนาว ถ้าเราคิดว่าไม่หนาวเราก็จะไม่หนาวค่ะ เพื่อนเลยใส่เสื้อมาท้าอากาศหนาวๆ สรุปสั่นค่ะ 555 (กลุ่ม จขกท.เรียนจิตวิทยากันค่ะ เลยมีนิสัยที่ตลกๆ ไม่เหมือนคนอื่น555)
หลังจากที่เราปล่อยโคมกันแล้ว ก็มานั่งผิงไฟกันค่ะ คือหลังจากพระอาทิตย์ตกไม่นานก็มืดแล้วทั้งป่า ดาวสวยมากค่ะ ไม่เหมือนในเมืองเพราะว่าไม่มีแสงไฟใดๆ รบกวน มีดาวตกด้วยค่ะ ขอพรกันยกใหญ่ จขกท.นอนหลับประมาณ 4 ทุ่มค่ะ หนาวมากแม้ว่าจะใส่ถุงเท้า 2 ชั้นและขนผ้าห่มผ้านวมมาก็ไม่ได้ช่วยให้คลายหนาวเลยค่ะ อุณหภูมิวัดตอนเวลาประมาณตี5 ได้ 7 องศาค่ะ
ตอนนี้จำนวนตัวอักษรก็ใกล้ครบแล้วค่ะ เดี๋ยวจะต่ออีกคอมเม้นท์เพื่อจะได้ไม่เสียบรรยากาศ ต่อมาก็จะมาชมบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้ากันค่ะ