สวัสดีค่ะ วันนี้มีเรื่องเกี่ยวกับตัวเองจะมาเล่า เป็น ญ/ญ นะคะ และที่ตัดสินใจมาเล่า / แชร์ เรื่องของตัวให้ให้เพื่อน ๆ ฟังบ้างก็เพราะ...
เรื่องมันเกิดขึ้นในวันนี้สด ๆ ร้อน ๆ เลยค่ะ พอดีเราเข้าเฟซบุ๊คไปด้วยความเบื่อหน่าย ตอนนั้นบ่ายแก่ ๆ แล้ว เลื่อน ๆ ดูฟีดฯใหม่ก็ไปป๊ะเข้ากับกระทู้หนึ่งในพันทิพ (ขออนุญาตพาดพิงกระทู้นั้นนะคะ) จั่วหัวไว้ว่า
“(Y) คุณเคยรอความรักจากคนคนนึงนานๆบ้างมั้ยครับ แล้วสิ้นสุดการรอคอยเป็นอย่างไร มาแชร์กันครับ ^ ^”
ตอนนั้นเหตุการณ์ที่เราเคยเจอผุดขึ้นมาในหัวเป็นฉาก ๆ ตั้งแต่ตอนที่เราเจอกัน เรารอมัน มันรอเรา จนในที่สุดเราก็ทนไม่ไหว....
ขออนุญาตบอกไว้ตรงนี้เลยว่าจะพิมพ์ไว้เป็นตอน ๆ นะคะ เนื่องจากต้องทำนั่งกรรมฐานระลึกชาติกันอย่างมากมาย 5555 เรื่องมันก็นานมาแล้ว ตั้
งแต่เรา ม.3 ขึ้น ม. 4 จนตอนนี้ทำงานแล้ว... ภาษาอาจจะดูเหมือนเด็กเหอหะมอยขนรักแร้เพิ่งขึ้นไรงี้ แต่ก็รักจริงนะจ๊ะ -////-
จบแล้วค่อยมาอ่านก็ได้ ไม่ใช่จะดึงกระแสอะไรนะ แต่ขนาดเขียนมาสามหน้ายังไม่ถึงครึ่งทางของเรื่องที่เจอเลย ยาวเป็นมหากาพย์ภาพยนตร์อีโมชั่นสยองขวัญสั่นประสาทกันเลยทีเดียว... เตือนแล้วนะ...จะไม่อ่านเพราะหงุดหงิดที่ต้องรอก็ได้ ;_ ; แต่อย่าด่าเค๊าเลยนะนะนะนะนะนะน -/|\-
โอเคล่ะ เมื่อทำความเข้าใจกันได้แล้ว ใครที่สตรองจะอยู่ต่อก็ไปอ่านกันเลย!
*ปล. – เรื่องราวนี้อาจดูแฟนตาซีในสายตาคนอื่น แต่เราขอยืนยันว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง 95% ที่เกิดขึ้นกับตัวเราเอง (เพราะคำพูดจริง ๆ ในเวลานั้นก็ลืม ๆ เลือน ๆ ไปบ้างแล้ว แต่ที่ยังจำได้คร่าว ๆ เพราะต้องเล่าในวงเหล้าบ่อยมาก 555 )
1. เจอกัน
เริ่มต้นที่เจอกันก่อนเนอะ...
เรากับ ก. เจอกันได้เพราะเต้นคัฟเวอร์วงเดียวกัน (คนในห้องนี้อาจจะงงว่าเต้นคัฟเวอร์คืออะไรหว่า สาธยายก่อนนะคะว่าเต้นคัฟเวอร์ ‘ของเรา’ นี่คือการเต้นเลียนแบบศิลปินเกาหลี ซึ่งขณะนั้นเราอยู่ ม.3) ก็มีการไปสนามกีฬาเพื่อรวมกลุ่มเต้นกัน ตอนแรกเรากับ ก. ไม่ได้อยู่วงเดียวกัน เราอยู่อีกวง ก.อยู่อีกวง แต่มารวมวงกันได้เพราะน้องหัวหน้าวงของเราไปออกตามหาคนมาร่วมเต้นเพิ่มในบอร์ด ส.โซน เราทั้งสองวงจึงได้มาเจอกันและรวมกลุ่มกันในที่สุด
แว๊บแรกที่เราเห็นหน้า ก. ตอนนั้นเราคิดเลยว่า ก. หน้าตาดีอ่ะ T__T น่ารัก ขาว ๆ คิ้วเข้ม ๆ ตัวเล็ก ๆ (ลืมบอกว่าเราเป็นผู้หญิง ก.ก็เป็นผู้หญิง ออกแนวทอม ๆ ทั้งคู่เลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เป็นทอมเกย์หรืออะไรนะคะ แค่เด็กม.3 กำลังเห่อหะมอย อยากจะซอยผมให้ได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสแอร์เย็น ๆ ในห้องปกครองด้วยความคะนองก็เท่านั้น) คือเห็นแล้วรู้สึกเลยว่ามันน่ารักจังคน ๆ นี้ จะเรียกว่ารักแรกพบเลยก็ได้ เพราะตอนนั้นถึงเราจะคบผู้หญิงแต่เราก็ไม่เคยมองทอมอะไรนะ คือไม่ได้เป็นดี้อะ เป็นเบี้ยน (ซึ่งเรื่องเป็นเบี้ยนนี่ก็มีเหตุผลส่วนตัวนะ)
แต่เราก็ไม่ได้แบบจีบ ก. หรืออะไรนะ ก็อยู่ในฐานะเพื่อนใหม่ ด้วยความที่เพิ่งมาเต้นใหม่ ๆ ตอนนั้นทำให้เราเต้นห่วยมาก เต้นห่วยขนาดที่ว่า ถ้าเต้นในผับอาจจะโดนกระโดดถีบยอดหน้าแล้วลากไปเต้นที่ริมฟุตปาธเพราะเป็นมลพิษต่อสังคมได้เลย 5555 แต่ถึงเราจะเต้นห่วย ก็ยังมี ก. อยู่เคียงข้างเสมอ เพราะ ก. ก็เต้นไม่เก่งพอกันกับเราเลย รับท่าช้า เต้นแล้วยึก ๆ ยัก ๆ เหมือนหนอนชาเขียวโดนน้ำร้อนลวกอะไรแบบนั้น สกิลการเต้นเราต่ำเตี่ยเรี่ยดินมาก แต่เพราะเป็นเด็กไง สำหรับตอนนั้นการเต้นคัฟเวอร์เป็นไรที่เท่มาก ๆ เราซึ่งมาจากโรงเรียนสตรีประจำจังหวัดนนทบุรีก็เลยยึดมั่นถือมั่นกับกิจกรรมนอกห้องเรียนสิ่งนี้มาก ประหนึ่งว่าจะได้คะแนนจากมันหากจบภาคเรียนอะนะ
ตอนนั้น... ด้วยความที่เป็นเด็กใหม่จึงทำให้คุยกับใครไม่ค่อยรู้เรื่อง คือกับคนอื่น ๆ ในวงเขาสนิทกันมาอยู่แล้ว แล้วเพื่อนคนอื่น ๆ ในวงเก่าเราบางคนก็รับสภาพกฎของวงใหม่ไม่ได้ เลยหรือแต่เรากับเพื่อนอีกสองคนที่ยังอยู่ในวงนี้ เรียกได้ว่าเป็น 30 ใน 70% ของคนในวงเลย ตอนนั้นไม่ค่อยได้คุยกับใคร ก็ทำเงียบ ๆ ยิ้ม ๆ อย่างเดียวเวลาเพื่อน ๆ คุยเรื่องตลก จน ก. เริ่มเข้ามาเปิดใจคุยกับเรานั่นแหละ เราถึงได้รู้สึกว่า เราเองก็สามารถเข้ากับคนอื่นได้เหมือนกันนะ
ก. ในสายตาของคนอื่นเวลานั้นเป็นคนที่ดูตึงเครียดตลอดเวลา เขามักจะพูดน้อยแต่ต่อยหนัก ด้วยความที่เขาเป็นคนคิ้วเข้มจึงทำให้หน้าตาเขาดูดุไปโดยปริยาย เด็กใหม่ไม่ค่อยมีใครคุยกับ ก. เลย แต่ ก. มักจะมาคุยกับเราบ่อย ๆ เพราะเราทั้งสองคนเขียน ‘ฟิค’ เหมือนกัน (fan-fiction) นั่นทำให้เราเข้ากันได้ง่าย แล้วเราก็รู้สึกว่าเราเข้ากับ ก. ได้มากกว่าใครในวง เรากับ ก. จึงเริ่มแลกเบอร์กัน นัดแนะสถานที่เพื่อจะรอนั่งรถไปซ้อมพร้อมกัน โทรคุยกันเรื่องพล็อตนิยาย / ฟิคแทบจะทุกวัน จนคนอื่น ๆ เริ่มมองเราสองคนด้วยสายตาแปลก ๆ
ณ ขณะนั้น เราที่ยังไม่เอะใจอะไร ก็ยังมอง ก. ด้วยสายตาชื่นชมในความหน้าตาน่ารักของมันอยู่ดี จนคนอื่น ๆ ในวง (ที่เริ่มจะสนิทสนมกันแล้ว เพราะพวกเราต้องกลับบ้านพร้อมกับคนอื่น บ้าน ก.อยู่ใกล้กว่าเลยไม่ได้กลับพร้อมกัน) เริ่มถามว่า “ก.ชอบหรอ ซ.” (ขอแทนตัวเราเองว่า ซ. นะคะ) เราก็แบบ เฮ้ย! ตกใจดิ ก.มันจะมาชอบกูได้ไง คือตอนนั้นตกใจมากจริง ๆ นึกภาพคนที่ไม่ได้คิดอะไรเกินไปกว่าเพื่อนออกไหม แบบว่าตอนนั้นเราก็เพิ่งเลิกกับแฟนมาหมาด ๆ ด้วย คือยังไม่ได้มองใคร แล้วคำพูดของคนอื่น ๆ ก็ทำให้เราช็อคตาตั้งเลย
เพื่อนในวงบอกว่า “กูคิดว่า ก.ชอบนะ กูรู้นะพวกโทรหากันทุกคืนเลย”
คือเราก็ไม่ได้คิดอะไรปะ ให้มานั่งฟังเราคุยกันได้เลย ใน 3- 4 ชม.นั้นมีแต่พล็อตนิยาย คุยกันไปคุยกันมาว่าจะเขียนไงดีวะ จะหักมุมตรงไหน จะคลายปมตรงไหน ไม่มีอะไร จิ๊จ๊ะ ไม่มีอะโลฮ่า บุมบาต้าอะไรเกินกว่านั้นเลย เราเลยตกใจมาก ๆ เพราะประโยคต่อมาหลังจากที่เราค้านพวกมันไป... คือ ...
“แต่กูไม่คิดอย่างนะ ซ. พวกกูว่า ก. ชอบแน่ ๆ อะ...รู้ ๆ กันอยู่ ก.

ไม่เคยคุยโทรศัพท์กับใครนานเลย แต่กับคุยโคตรนาน”
อันนี้เราก็ไม่รู้ว่าพวกมันรู้มาจากไหนเหมือนกันนะ จนตอนนี้ก็ไม่รู้ว่ารู้ได้ไง เราก็เริ่มใจเสียละ คือกลัวคนอื่น ๆ ในวงจะเข้าใจเรากับ ก. ผิดไปอะ กลัวคนอื่นจะล้อ แล้ว ก. จะไม่เข้ามาใกล้เราด้วย ก็ไม่รู้จะทำไง เลยได้แต่ปฏิเสธไป
ประจวบเหมาะกับช่วงนั้น Hi5 เป็นอะไรที่ ฮิตตตตมากกกก (ก.ไก่ล้านตัว) เราก็เล่นกับแทบทุกคนใช่ไหม? ทีนี้มันก็เกิดเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมา เป็นเหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำหรับเรากับ ก. เลยก็ว่าได้...นั่นคือ เราทะเลาะกับแฟนเก่าที่หน้าวอลล์ Hi5 ตัวเองเลย...แบบว่าทะเลาะกันรุนแรงจนอีกคนในวงที่ดูเหมือนจะไม่อะไรกับเราเลยเข้ามาทัก
พอเราเห็นเราทะเลาะกับแฟน เขาก็บอกให้ไปคุยกันในเอ็ม คุยไปคุยมาได้ใจความว่าเขาสนใจเรามาสักพักแล้ว เราก็ตกใจซ้ำสองเลย คือเราไม่ได้คิดว่าตัวเองหน้าตาดีอะไร เขาก็บอกว่าสนใจเรา ตอนนั้นเราอยากประชดแฟนเก่า เราเลยตกลงลองคุยกับเขาดู (ขอข้าม ๆ รายละเอียดหลังจากนี้ไปเลยนะคะ เดี๋ยวมันมาเจอแล้วแหกอกเราก่อน 555555555555 ขอโทดนะเว้ยยยยยยยยย) พอคุยกับเพื่อนในวงคนนี้ เลยกลายเป็นว่า เรื่องของเรากับ ก. จางหายไปเหมือนไม่เคยมีใครเอามาพูดล้อ ไม่มีใครเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาอีก เพราะเราย้ำว่าเรากับ ก.ไม่ได้ชอบกัน แถม ก. ยังเคยพูดติดตลกด้วยว่า “ให้คบกับ ซ. หรอ แค่คิดก็ขนลุกละ” เราก็แอบหน่วงใจเล็ก ๆ แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ไงว่าชอบมัน เลยตัดสินใจเบนเข็มมาที่เพื่อนในวงคนที่คุยด้วยนี่สุด ๆ ไปเลย
โดยที่เราไม่รู้เลยว่าหลังจากที่เบนเข็มไปคุยกับคนนั้น ความชอบของเราที่มีต่อ ก. จะยิ่งก่อตัว เพิ่มพูนขึ้นมากกก จนทำให้เราทนไม่ไหวในที่สุด...
(เดี๋ยวมาต่อพรุ่งนี้นะคะ... ไม่ได้จะไปกินข้าว หรือ ทำธุระอะไร คือเพิ่งเคลื่อนสารร่างไปเอาน้ำมากิน หันไปเจอนาฬิกาที่มุมขวาสุดด้านล่างก็พบว่า แม่เมริงงงง เที่ยงคืนแล้วโว้ย นอนได้แล้ว ไม่น่าล่ะ ตาฉ่ำน้ำเชียว นึกว่าขาดน้ำ ที่ไหนได้ตาจะปิดแล้ว....แล้วเจอกันจ้ะ)
แอบรักเพื่อนสนิทมาสี่ปี จนในที่สุด...เราก็หมดความอดทน!
เรื่องมันเกิดขึ้นในวันนี้สด ๆ ร้อน ๆ เลยค่ะ พอดีเราเข้าเฟซบุ๊คไปด้วยความเบื่อหน่าย ตอนนั้นบ่ายแก่ ๆ แล้ว เลื่อน ๆ ดูฟีดฯใหม่ก็ไปป๊ะเข้ากับกระทู้หนึ่งในพันทิพ (ขออนุญาตพาดพิงกระทู้นั้นนะคะ) จั่วหัวไว้ว่า
“(Y) คุณเคยรอความรักจากคนคนนึงนานๆบ้างมั้ยครับ แล้วสิ้นสุดการรอคอยเป็นอย่างไร มาแชร์กันครับ ^ ^”
ตอนนั้นเหตุการณ์ที่เราเคยเจอผุดขึ้นมาในหัวเป็นฉาก ๆ ตั้งแต่ตอนที่เราเจอกัน เรารอมัน มันรอเรา จนในที่สุดเราก็ทนไม่ไหว....
ขออนุญาตบอกไว้ตรงนี้เลยว่าจะพิมพ์ไว้เป็นตอน ๆ นะคะ เนื่องจากต้องทำนั่งกรรมฐานระลึกชาติกันอย่างมากมาย 5555 เรื่องมันก็นานมาแล้ว ตั้งแต่เรา ม.3 ขึ้น ม. 4 จนตอนนี้ทำงานแล้ว... ภาษาอาจจะดูเหมือนเด็กเหอหะมอยขนรักแร้เพิ่งขึ้นไรงี้ แต่ก็รักจริงนะจ๊ะ -////-
จบแล้วค่อยมาอ่านก็ได้ ไม่ใช่จะดึงกระแสอะไรนะ แต่ขนาดเขียนมาสามหน้ายังไม่ถึงครึ่งทางของเรื่องที่เจอเลย ยาวเป็นมหากาพย์ภาพยนตร์อีโมชั่นสยองขวัญสั่นประสาทกันเลยทีเดียว... เตือนแล้วนะ...จะไม่อ่านเพราะหงุดหงิดที่ต้องรอก็ได้ ;_ ; แต่อย่าด่าเค๊าเลยนะนะนะนะนะนะน -/|\-
โอเคล่ะ เมื่อทำความเข้าใจกันได้แล้ว ใครที่สตรองจะอยู่ต่อก็ไปอ่านกันเลย!
*ปล. – เรื่องราวนี้อาจดูแฟนตาซีในสายตาคนอื่น แต่เราขอยืนยันว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง 95% ที่เกิดขึ้นกับตัวเราเอง (เพราะคำพูดจริง ๆ ในเวลานั้นก็ลืม ๆ เลือน ๆ ไปบ้างแล้ว แต่ที่ยังจำได้คร่าว ๆ เพราะต้องเล่าในวงเหล้าบ่อยมาก 555 )
1. เจอกัน
เริ่มต้นที่เจอกันก่อนเนอะ...
เรากับ ก. เจอกันได้เพราะเต้นคัฟเวอร์วงเดียวกัน (คนในห้องนี้อาจจะงงว่าเต้นคัฟเวอร์คืออะไรหว่า สาธยายก่อนนะคะว่าเต้นคัฟเวอร์ ‘ของเรา’ นี่คือการเต้นเลียนแบบศิลปินเกาหลี ซึ่งขณะนั้นเราอยู่ ม.3) ก็มีการไปสนามกีฬาเพื่อรวมกลุ่มเต้นกัน ตอนแรกเรากับ ก. ไม่ได้อยู่วงเดียวกัน เราอยู่อีกวง ก.อยู่อีกวง แต่มารวมวงกันได้เพราะน้องหัวหน้าวงของเราไปออกตามหาคนมาร่วมเต้นเพิ่มในบอร์ด ส.โซน เราทั้งสองวงจึงได้มาเจอกันและรวมกลุ่มกันในที่สุด
แว๊บแรกที่เราเห็นหน้า ก. ตอนนั้นเราคิดเลยว่า ก. หน้าตาดีอ่ะ T__T น่ารัก ขาว ๆ คิ้วเข้ม ๆ ตัวเล็ก ๆ (ลืมบอกว่าเราเป็นผู้หญิง ก.ก็เป็นผู้หญิง ออกแนวทอม ๆ ทั้งคู่เลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เป็นทอมเกย์หรืออะไรนะคะ แค่เด็กม.3 กำลังเห่อหะมอย อยากจะซอยผมให้ได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสแอร์เย็น ๆ ในห้องปกครองด้วยความคะนองก็เท่านั้น) คือเห็นแล้วรู้สึกเลยว่ามันน่ารักจังคน ๆ นี้ จะเรียกว่ารักแรกพบเลยก็ได้ เพราะตอนนั้นถึงเราจะคบผู้หญิงแต่เราก็ไม่เคยมองทอมอะไรนะ คือไม่ได้เป็นดี้อะ เป็นเบี้ยน (ซึ่งเรื่องเป็นเบี้ยนนี่ก็มีเหตุผลส่วนตัวนะ)
แต่เราก็ไม่ได้แบบจีบ ก. หรืออะไรนะ ก็อยู่ในฐานะเพื่อนใหม่ ด้วยความที่เพิ่งมาเต้นใหม่ ๆ ตอนนั้นทำให้เราเต้นห่วยมาก เต้นห่วยขนาดที่ว่า ถ้าเต้นในผับอาจจะโดนกระโดดถีบยอดหน้าแล้วลากไปเต้นที่ริมฟุตปาธเพราะเป็นมลพิษต่อสังคมได้เลย 5555 แต่ถึงเราจะเต้นห่วย ก็ยังมี ก. อยู่เคียงข้างเสมอ เพราะ ก. ก็เต้นไม่เก่งพอกันกับเราเลย รับท่าช้า เต้นแล้วยึก ๆ ยัก ๆ เหมือนหนอนชาเขียวโดนน้ำร้อนลวกอะไรแบบนั้น สกิลการเต้นเราต่ำเตี่ยเรี่ยดินมาก แต่เพราะเป็นเด็กไง สำหรับตอนนั้นการเต้นคัฟเวอร์เป็นไรที่เท่มาก ๆ เราซึ่งมาจากโรงเรียนสตรีประจำจังหวัดนนทบุรีก็เลยยึดมั่นถือมั่นกับกิจกรรมนอกห้องเรียนสิ่งนี้มาก ประหนึ่งว่าจะได้คะแนนจากมันหากจบภาคเรียนอะนะ
ตอนนั้น... ด้วยความที่เป็นเด็กใหม่จึงทำให้คุยกับใครไม่ค่อยรู้เรื่อง คือกับคนอื่น ๆ ในวงเขาสนิทกันมาอยู่แล้ว แล้วเพื่อนคนอื่น ๆ ในวงเก่าเราบางคนก็รับสภาพกฎของวงใหม่ไม่ได้ เลยหรือแต่เรากับเพื่อนอีกสองคนที่ยังอยู่ในวงนี้ เรียกได้ว่าเป็น 30 ใน 70% ของคนในวงเลย ตอนนั้นไม่ค่อยได้คุยกับใคร ก็ทำเงียบ ๆ ยิ้ม ๆ อย่างเดียวเวลาเพื่อน ๆ คุยเรื่องตลก จน ก. เริ่มเข้ามาเปิดใจคุยกับเรานั่นแหละ เราถึงได้รู้สึกว่า เราเองก็สามารถเข้ากับคนอื่นได้เหมือนกันนะ
ก. ในสายตาของคนอื่นเวลานั้นเป็นคนที่ดูตึงเครียดตลอดเวลา เขามักจะพูดน้อยแต่ต่อยหนัก ด้วยความที่เขาเป็นคนคิ้วเข้มจึงทำให้หน้าตาเขาดูดุไปโดยปริยาย เด็กใหม่ไม่ค่อยมีใครคุยกับ ก. เลย แต่ ก. มักจะมาคุยกับเราบ่อย ๆ เพราะเราทั้งสองคนเขียน ‘ฟิค’ เหมือนกัน (fan-fiction) นั่นทำให้เราเข้ากันได้ง่าย แล้วเราก็รู้สึกว่าเราเข้ากับ ก. ได้มากกว่าใครในวง เรากับ ก. จึงเริ่มแลกเบอร์กัน นัดแนะสถานที่เพื่อจะรอนั่งรถไปซ้อมพร้อมกัน โทรคุยกันเรื่องพล็อตนิยาย / ฟิคแทบจะทุกวัน จนคนอื่น ๆ เริ่มมองเราสองคนด้วยสายตาแปลก ๆ
ณ ขณะนั้น เราที่ยังไม่เอะใจอะไร ก็ยังมอง ก. ด้วยสายตาชื่นชมในความหน้าตาน่ารักของมันอยู่ดี จนคนอื่น ๆ ในวง (ที่เริ่มจะสนิทสนมกันแล้ว เพราะพวกเราต้องกลับบ้านพร้อมกับคนอื่น บ้าน ก.อยู่ใกล้กว่าเลยไม่ได้กลับพร้อมกัน) เริ่มถามว่า “ก.ชอบหรอ ซ.” (ขอแทนตัวเราเองว่า ซ. นะคะ) เราก็แบบ เฮ้ย! ตกใจดิ ก.มันจะมาชอบกูได้ไง คือตอนนั้นตกใจมากจริง ๆ นึกภาพคนที่ไม่ได้คิดอะไรเกินไปกว่าเพื่อนออกไหม แบบว่าตอนนั้นเราก็เพิ่งเลิกกับแฟนมาหมาด ๆ ด้วย คือยังไม่ได้มองใคร แล้วคำพูดของคนอื่น ๆ ก็ทำให้เราช็อคตาตั้งเลย
เพื่อนในวงบอกว่า “กูคิดว่า ก.ชอบนะ กูรู้นะพวกโทรหากันทุกคืนเลย”
คือเราก็ไม่ได้คิดอะไรปะ ให้มานั่งฟังเราคุยกันได้เลย ใน 3- 4 ชม.นั้นมีแต่พล็อตนิยาย คุยกันไปคุยกันมาว่าจะเขียนไงดีวะ จะหักมุมตรงไหน จะคลายปมตรงไหน ไม่มีอะไร จิ๊จ๊ะ ไม่มีอะโลฮ่า บุมบาต้าอะไรเกินกว่านั้นเลย เราเลยตกใจมาก ๆ เพราะประโยคต่อมาหลังจากที่เราค้านพวกมันไป... คือ ...
“แต่กูไม่คิดอย่างนะ ซ. พวกกูว่า ก. ชอบแน่ ๆ อะ...รู้ ๆ กันอยู่ ก.
อันนี้เราก็ไม่รู้ว่าพวกมันรู้มาจากไหนเหมือนกันนะ จนตอนนี้ก็ไม่รู้ว่ารู้ได้ไง เราก็เริ่มใจเสียละ คือกลัวคนอื่น ๆ ในวงจะเข้าใจเรากับ ก. ผิดไปอะ กลัวคนอื่นจะล้อ แล้ว ก. จะไม่เข้ามาใกล้เราด้วย ก็ไม่รู้จะทำไง เลยได้แต่ปฏิเสธไป
ประจวบเหมาะกับช่วงนั้น Hi5 เป็นอะไรที่ ฮิตตตตมากกกก (ก.ไก่ล้านตัว) เราก็เล่นกับแทบทุกคนใช่ไหม? ทีนี้มันก็เกิดเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมา เป็นเหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำหรับเรากับ ก. เลยก็ว่าได้...นั่นคือ เราทะเลาะกับแฟนเก่าที่หน้าวอลล์ Hi5 ตัวเองเลย...แบบว่าทะเลาะกันรุนแรงจนอีกคนในวงที่ดูเหมือนจะไม่อะไรกับเราเลยเข้ามาทัก
พอเราเห็นเราทะเลาะกับแฟน เขาก็บอกให้ไปคุยกันในเอ็ม คุยไปคุยมาได้ใจความว่าเขาสนใจเรามาสักพักแล้ว เราก็ตกใจซ้ำสองเลย คือเราไม่ได้คิดว่าตัวเองหน้าตาดีอะไร เขาก็บอกว่าสนใจเรา ตอนนั้นเราอยากประชดแฟนเก่า เราเลยตกลงลองคุยกับเขาดู (ขอข้าม ๆ รายละเอียดหลังจากนี้ไปเลยนะคะ เดี๋ยวมันมาเจอแล้วแหกอกเราก่อน 555555555555 ขอโทดนะเว้ยยยยยยยยย) พอคุยกับเพื่อนในวงคนนี้ เลยกลายเป็นว่า เรื่องของเรากับ ก. จางหายไปเหมือนไม่เคยมีใครเอามาพูดล้อ ไม่มีใครเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาอีก เพราะเราย้ำว่าเรากับ ก.ไม่ได้ชอบกัน แถม ก. ยังเคยพูดติดตลกด้วยว่า “ให้คบกับ ซ. หรอ แค่คิดก็ขนลุกละ” เราก็แอบหน่วงใจเล็ก ๆ แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ไงว่าชอบมัน เลยตัดสินใจเบนเข็มมาที่เพื่อนในวงคนที่คุยด้วยนี่สุด ๆ ไปเลย
โดยที่เราไม่รู้เลยว่าหลังจากที่เบนเข็มไปคุยกับคนนั้น ความชอบของเราที่มีต่อ ก. จะยิ่งก่อตัว เพิ่มพูนขึ้นมากกก จนทำให้เราทนไม่ไหวในที่สุด...
(เดี๋ยวมาต่อพรุ่งนี้นะคะ... ไม่ได้จะไปกินข้าว หรือ ทำธุระอะไร คือเพิ่งเคลื่อนสารร่างไปเอาน้ำมากิน หันไปเจอนาฬิกาที่มุมขวาสุดด้านล่างก็พบว่า แม่เมริงงงง เที่ยงคืนแล้วโว้ย นอนได้แล้ว ไม่น่าล่ะ ตาฉ่ำน้ำเชียว นึกว่าขาดน้ำ ที่ไหนได้ตาจะปิดแล้ว....แล้วเจอกันจ้ะ)