มติชนรายวัน 7 ธันวาคม 2558
ฟังแล้วอาจไม่เชื่อหูว่าในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา มีโปรโมชั่นใช้ไฟฟ้าฟรีให้ชาวบ้านเลือกใช้กันด้วย แต่มันก็มีอยู่จริงๆ และเริ่มมีได้ราวๆ 3 ปีแล้ว ถึงตอนนี้ยิ่งมีเยอะขึ้น หลากหลายแพคเกจให้เลือกยังกับซื้อแพคเกจโทรศัพท์มือถือ
อย่างเช่นหนึ่งในแพคเกจที่บริษัท TXU เสนอให้ลูกค้ามาตั้งแต่ปี 2012 แล้ว นั่นก็คือให้ใช้ไฟฟ้าฟรีตอนกลางคืน ตั้งแต่ช่วงสามทุ่มไปจนถึงหกโมงเช้า ส่วนช่วงกลางวันก็คิดอัตราค่าไฟฟ้าสูงขึ้นอีกนิดหน่อย ทำให้ชาวเท็กซัสหลายหมื่นครอบครัวหันมาปรับพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าให้สอดคล้องกับโปรโมชั่น
เท็กซัสเป็นรัฐที่การผลิตไฟฟ้าล้น มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมใช้กันอยู่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ พลังงานลมเป็นพลังงานที่ราคาถูกมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืนซึ่งส่วนใหญ่ลมแรงจะผลิตกระแสไฟฟ้าได้มาก บวกกับมาตรการกระตุ้นทางด้านภาษีสำหรับพลังงานทางเลือก
ขณะที่การแข่งขันเพื่อช่วงชิงลูกค้าดำเนินไปอย่างดุเดือด บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้ามีอยู่มากกว่า 50 บริษัท ต่างแข่งกันเพื่อดึงลูกค้า วัตถุประสงค์สำคัญคือลดการใช้ไฟฟ้าในช่วงการใช้ไฟฟ้าสูงสุดลง เพื่อลดภาระและค่าใช้จ่ายของบริษัท
หัวใจของสิ่งที่เกิดขึ้นคือการเปิดเสรีการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ซึ่งที่จริงก็เป็นหลักการพื้นๆ ที่รู้กันดี แต่จะยอมทำกันหรือไม่อีกเรื่องหนึ่ง เพราะการเปิดเสรีจะนำไปสู่การแข่งขัน ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกเพิ่มขึ้นมากมาย ขณะที่การผูกขาดในรูปแบบอย่างที่ใช้อยู่ในบ้านเรา ผู้บริโภคไม่มีตัวเลือก ค่าไฟฟ้าจะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับการอุดหนุนของรัฐเป็นหลัก
นอกจากการเปิดเสรีตลาดพลังงานแล้ว เท็กซัสยังมีเงื่อนไขที่แตกต่างไปจากรัฐอื่นๆ ในสหรัฐ นั่นคือการที่ระบบโครงข่ายไฟฟ้า หรือกริด แทบไม่ได้เชื่อมโยงกับภายนอก เพราะฉะนั้นไฟฟ้าที่ผลิตได้จึงตอบสนองกันอยู่แต่เฉพาะภายในรัฐเท่านั้น นอกจากนั้นยังมีการลงทุนไปสูงมากในด้านโครงข่ายไฟฟ้าให้เป็นโครงข่ายอัจฉริยะ หรือสมาร์ทกริด มีการติดตั้งมิเตอร์อัจฉริยะตามบ้านเรือนผู้ใช้งาน ทำให้สามารถจำแนกแยกแยะ ติดตามวัด และจัดรูปแบบการใช้ไฟฟ้าที่ซับซ้อนได้
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้และชี้ให้เห็นแนวทางการเปิดเสรีเป็นแนวทางที่หลายๆ แห่งกำลังมุ่งไป ทั้งโดยรัฐอื่นๆ ในสหรัฐเอง หรือในต่างประเทศ เช่น อิตาลี
เท็กซัสเป็นรัฐใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ มีพื้นที่ขนาดใกล้เคียงกับประเทศไทย แต่มีประชากรอยู่ราวๆ 25 ล้านคน น้อยกว่าประเทศไทยถึง 3 เท่า เพราะฉะนั้นในแง่ของขนาดแล้วประเทศไทยไม่ได้มีปัญหาในเรื่องอีโคโนมี ออฟ สเกล ให้ห่วงว่าใครจะมาลงทุน อุปสรรคคือวิธีคิดที่จะทลายการผูกขาดการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าไม่มีเท่านั้นเอง
ประเทศบัลแกเรีย ความจริงเป็นประเทศเล็กๆ ประเทศหนึ่ง มีพื้นที่เพียง 1.1 แสน ตร.กม. และมีประชากรก็แค่ประมาณ 7 ล้านคน เพิ่งเปิดเสรีการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเรียบร้อยแล้วเมื่อไม่กี่วันมานี้ เป้าหมายก็คือกระตุ้นให้เกิดการแข่งขัน
เพราะการแข่งขันจะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และผลลัพธ์สุดท้ายก็จะมาตกกับผู้บริโภค ขณะที่ระบบผูกขาดมันก็จะเป็นอย่างที่เป็นอยู่ในบ้านเรานั่นละครับ แล้วฝ่ายผูกขาดก็จะสุมหัวกับรัฐผลักดันโครงการผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ด้วยพลังงานถ่านหินบ้าง นิวเคลียร์บ้างไปอย่างนี้
ถ้าเปิดเสรีทั้งการผลิต การจำหน่าย รวมทั้งผลักดันพลังงานทางเลือกอย่างจริงจัง มันก็จะให้ผลไปอีกแบบที่มีตัวอย่างให้เห็นแบบเท็กซัส
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1449478289 
ไฟฟ้าแจกฟรีที่เท็กซัส อานิสงส์ของการเปิดเสรี โดย ศิริพงษ์ วิทยวิโรจน์
ฟังแล้วอาจไม่เชื่อหูว่าในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา มีโปรโมชั่นใช้ไฟฟ้าฟรีให้ชาวบ้านเลือกใช้กันด้วย แต่มันก็มีอยู่จริงๆ และเริ่มมีได้ราวๆ 3 ปีแล้ว ถึงตอนนี้ยิ่งมีเยอะขึ้น หลากหลายแพคเกจให้เลือกยังกับซื้อแพคเกจโทรศัพท์มือถือ
อย่างเช่นหนึ่งในแพคเกจที่บริษัท TXU เสนอให้ลูกค้ามาตั้งแต่ปี 2012 แล้ว นั่นก็คือให้ใช้ไฟฟ้าฟรีตอนกลางคืน ตั้งแต่ช่วงสามทุ่มไปจนถึงหกโมงเช้า ส่วนช่วงกลางวันก็คิดอัตราค่าไฟฟ้าสูงขึ้นอีกนิดหน่อย ทำให้ชาวเท็กซัสหลายหมื่นครอบครัวหันมาปรับพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าให้สอดคล้องกับโปรโมชั่น
เท็กซัสเป็นรัฐที่การผลิตไฟฟ้าล้น มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมใช้กันอยู่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ พลังงานลมเป็นพลังงานที่ราคาถูกมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืนซึ่งส่วนใหญ่ลมแรงจะผลิตกระแสไฟฟ้าได้มาก บวกกับมาตรการกระตุ้นทางด้านภาษีสำหรับพลังงานทางเลือก
ขณะที่การแข่งขันเพื่อช่วงชิงลูกค้าดำเนินไปอย่างดุเดือด บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้ามีอยู่มากกว่า 50 บริษัท ต่างแข่งกันเพื่อดึงลูกค้า วัตถุประสงค์สำคัญคือลดการใช้ไฟฟ้าในช่วงการใช้ไฟฟ้าสูงสุดลง เพื่อลดภาระและค่าใช้จ่ายของบริษัท
หัวใจของสิ่งที่เกิดขึ้นคือการเปิดเสรีการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ซึ่งที่จริงก็เป็นหลักการพื้นๆ ที่รู้กันดี แต่จะยอมทำกันหรือไม่อีกเรื่องหนึ่ง เพราะการเปิดเสรีจะนำไปสู่การแข่งขัน ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกเพิ่มขึ้นมากมาย ขณะที่การผูกขาดในรูปแบบอย่างที่ใช้อยู่ในบ้านเรา ผู้บริโภคไม่มีตัวเลือก ค่าไฟฟ้าจะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับการอุดหนุนของรัฐเป็นหลัก
นอกจากการเปิดเสรีตลาดพลังงานแล้ว เท็กซัสยังมีเงื่อนไขที่แตกต่างไปจากรัฐอื่นๆ ในสหรัฐ นั่นคือการที่ระบบโครงข่ายไฟฟ้า หรือกริด แทบไม่ได้เชื่อมโยงกับภายนอก เพราะฉะนั้นไฟฟ้าที่ผลิตได้จึงตอบสนองกันอยู่แต่เฉพาะภายในรัฐเท่านั้น นอกจากนั้นยังมีการลงทุนไปสูงมากในด้านโครงข่ายไฟฟ้าให้เป็นโครงข่ายอัจฉริยะ หรือสมาร์ทกริด มีการติดตั้งมิเตอร์อัจฉริยะตามบ้านเรือนผู้ใช้งาน ทำให้สามารถจำแนกแยกแยะ ติดตามวัด และจัดรูปแบบการใช้ไฟฟ้าที่ซับซ้อนได้
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้และชี้ให้เห็นแนวทางการเปิดเสรีเป็นแนวทางที่หลายๆ แห่งกำลังมุ่งไป ทั้งโดยรัฐอื่นๆ ในสหรัฐเอง หรือในต่างประเทศ เช่น อิตาลี
เท็กซัสเป็นรัฐใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ มีพื้นที่ขนาดใกล้เคียงกับประเทศไทย แต่มีประชากรอยู่ราวๆ 25 ล้านคน น้อยกว่าประเทศไทยถึง 3 เท่า เพราะฉะนั้นในแง่ของขนาดแล้วประเทศไทยไม่ได้มีปัญหาในเรื่องอีโคโนมี ออฟ สเกล ให้ห่วงว่าใครจะมาลงทุน อุปสรรคคือวิธีคิดที่จะทลายการผูกขาดการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าไม่มีเท่านั้นเอง
ประเทศบัลแกเรีย ความจริงเป็นประเทศเล็กๆ ประเทศหนึ่ง มีพื้นที่เพียง 1.1 แสน ตร.กม. และมีประชากรก็แค่ประมาณ 7 ล้านคน เพิ่งเปิดเสรีการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเรียบร้อยแล้วเมื่อไม่กี่วันมานี้ เป้าหมายก็คือกระตุ้นให้เกิดการแข่งขัน
เพราะการแข่งขันจะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และผลลัพธ์สุดท้ายก็จะมาตกกับผู้บริโภค ขณะที่ระบบผูกขาดมันก็จะเป็นอย่างที่เป็นอยู่ในบ้านเรานั่นละครับ แล้วฝ่ายผูกขาดก็จะสุมหัวกับรัฐผลักดันโครงการผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ด้วยพลังงานถ่านหินบ้าง นิวเคลียร์บ้างไปอย่างนี้
ถ้าเปิดเสรีทั้งการผลิต การจำหน่าย รวมทั้งผลักดันพลังงานทางเลือกอย่างจริงจัง มันก็จะให้ผลไปอีกแบบที่มีตัวอย่างให้เห็นแบบเท็กซัส
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1449478289