สวัสดีค่ะ นี่เป็นการรีวิวครั้งแรกนะคะ ที่จริงแล้วได้แอบเข้ามาส่องในห้องแป้งอ่านรีวิวของคนอื่นเพื่อเป็นตัวเลือกประกอบการตัดสินใจในการซื้อของอยู่เป็นประจำเลย วันนี้เลยจะมาลองรีวิวน้ำหอมที่มีอยู่เล็กๆน้อยๆค่ะ หากผิดพลาดประการใด รบกวนชี้แนะด้วยนะคะ
.
.
เปิดตัวกันด้วยภาพหมู่ก่อนเลย

.
.
มาเริ่มที่ตัวแรกกันเลยค่ะ
Lancome Miracle EDP 50 ml

เชื่อว่าน้ำหอมกลิ่นนี้คงเป็นที่รู้จักกันดี สาวๆหลายคนน่าจะมีอยู่ในครอบครองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากกลิ่นที่หอมหวาน ใช้แล้วดูเป็นสาวเรียบร้อย แต่ก็แอบปนเซ็กซี่นิดๆทำให้ดูน่าค้นหา เป็นน้ำหอมขวดแรกที่ซื้อด้วยเงินตัวเองเลยค่ะ ไปดมที่เคาน์เตอร์ Lancome หอมถูกใจมาก แบบว่าอยากได้ๆๆ เสียเงินไปโดยไม่รู้ตัวเลย >< แต่ก็คุ้มค่ามาก
.
จะเห็นได้ว่าพร่องไปประมาณครึ่งเดียวเองทั้งที่ซื้อมานานแล้ว (ประมาณ 3 ปี) ในตอนแรกไม่กล้าฉีด กลัวหมด แต่หลังๆมานี้ฉีดบ่อยขึ้นแต่ๆๆ มันไม่หมดสักที อาจจะเพราะใช้สลับกับตัวอื่นด้วย
.
เรื่องความทน โดยส่วนตัวถือว่าทนมาก ใส่ตั้งแต่เช้าตกเย็นยังได้กลิ่นอยู่เลย ปกติจะฉีดที่ซอกคอแค่ 2 สเปรย์ (ข้างละ 1 สเปรย์) ค่ะ แต่ถ้าฉีดมากเกินไปจะฉุน มึนกลิ่นตัวเองมากเลย เวลาฉีดแม่ทักว่า"กลิ่นไรอ่ะ หอมม" ส่วนแฟนชอบมาดมๆแล้วบอก "หอมจัง"

เป็นน้ำหอมที่แนะนำสำหรับผู้หญิงเลยค่ะ มีเถอะๆๆ
.
.
.
ตัวที่สอง
Lanvin Eclat D' Arpege EDP 100 ml

ตัวนี้แค่กล่องก็โดนใจแล้ว คือสะดุดตามาก ลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยม ใส สีม่วงอ่อน เผยให้เห็นขวดน้ำหอมที่อยู่ข้างใน แต่ข้อเสียอย่างนึงของกล่องแบบนี้คือ หากตั้งไว้แล้วโดนแสง โอกาสที่กลิ่นน้ำหอมจะเพี้ยนมีมากเลย ก็กล่องมันใสซะขนาดนั้นไม่ช่วยกันแสงอะไรทั้งนั้น
.

ส่วนขวดก็สวยมาก กลมๆ ใสๆ บวกกับตัวน้ำหอมที่มีสีม่วงอ่อน คล้ายสีดอก lilac (คือจินตนาการไปซะไกลเลย ^^) ทำให้ดูลึกลับราวกับขวดน้ำยาเสน่ห์ของแม่มดยังไงยังงั้น
.

ฝาด้านบนประดับเพชรนะจ๊ะ ดูหรูหรา ดูแพง มาพูดเรื่องกลิ่นกันบ้าง กลิ่นหอมแบบน่ารัก สดใส คล้ายสาวแรกรุ่น กลิ่นไม่ทำร้ายคนรอบข้าง แม้ว่าจะฉีดเยอะก็ยังโอเคอยู่ แต่เรื่องความทนก็เป็นดังที่เขาร่ำลือกันค่ะ กลิ่นติดไม่ทนถึงแม้จะเป็น EDP แล้วก็เถอะ พอเวลาผ่านไปจะเหลือแค่กลิ่นจางๆติดผิวที่ต้องยกขึ้นมาดมถึงจะได้กลิ่น เลยต้องอาศัยการฉีดซ้ำเรื่อยๆระหว่างวัน ถึงขวดนี้จะได้มาหลังสุด แต่จะเห็นได้ว่าลดลงไปพอสมควรแล้ว กระหน่ำฉีดไปเลยค่าา
.
.
.
ตัวสุดท้ายแล้วว
Chloe โบว์ครีม EDP 50 ml

ตัวที่หลายคนรู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดี ขวดสวย มาพร้อมกับโบว์ที่คอขวดสีครีม ดูใส่ใจในรายละเอียด เพิ่มความหรูหรา เข้ากันได้ดีกับน้ำหอมสีเหลืองอ่อน ส่วนตัวได้อ่านรีวิวน้ำหอมกลิ่นนี้มาก่อน หลายคนบอกว่าหอมๆ เพิ่งมีโอกาสได้ไปลองที่เคาน์เตอร์เช่นกัน ฉีดปุ๊บ หา!!! นี่เหรอหอม กลิ่นมันฉุนมากไม่ประทับใจเลย กลับห้องมานั่งซักผ้า (ซักมือ) เอ๊ะ หอมไรเนี้ย ขุ่นพระ!! กลิ่นน้ำหอมนี่เอง หอมมาก หอมแบบกรุ่นๆเคลิ้มเลย นี่ขนาดซักผ้าอยู่ยังได้กลิ่นเลย หลังจากนั้นอดใจไม่ไหวจะเอาๆ ซึ่งวิธีดับกิเลสที่ดีที่สุดก็คือ ซื้อมันซะ เมื่อคิดได้แบบนี้แล้วก็....กลับไปสอยมาโลด
.

กลิ่นเด่นของ Chloe โบว์ครีม คือกลิ่นกุหลาบ กลิ่นฟุ้งดีมาก ยังกะไปตกบ่อน้ำหอมมา ห้ามฉีดเยอะเลยนะตัวนี้เพราะมันแพงมากราคาน้ำตาจะไหล

เห็นได้ว่าซื้อมาสักพักแล้วแต่พร่องไปนิดเดียวเอง แต่ให้อภัยค่ะเพราะกลิ่นหอมกรุ่นเกินห้ามใจ ฉีดแล้วรู้สึกหรูขึ้นมานิดนึง ถูกใจมาก รู้สึกว่าแฟนจะถูกใจกลิ่นนี้ที่สุดเหมือนกัน เวลาฉีดเขาชอบมาซุกไซร้ บอกว่า "ที่รัก หอมจังเลย"

เรื่องความทนโดยส่วนตัวถือว่าทนมาก ติดทนทั้งวันค่ะ มีไว้ไม่ผิดหวังแน่นอน
.
.
หวังว่ารีวิวนี้จะมีประโยชน์ต่อคนที่สนใจน้ำหอมนะคะ
เพื่อนๆชาวห้องแป้งละคะ ใช้น้ำหอมกลิ่นไหนกันบ้าง มาแชร์กันได้เลย
[CR] รีวิว กรุน้ำหอมน้อยๆ
.
.
เปิดตัวกันด้วยภาพหมู่ก่อนเลย
.
.
มาเริ่มที่ตัวแรกกันเลยค่ะ
Lancome Miracle EDP 50 ml
เชื่อว่าน้ำหอมกลิ่นนี้คงเป็นที่รู้จักกันดี สาวๆหลายคนน่าจะมีอยู่ในครอบครองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากกลิ่นที่หอมหวาน ใช้แล้วดูเป็นสาวเรียบร้อย แต่ก็แอบปนเซ็กซี่นิดๆทำให้ดูน่าค้นหา เป็นน้ำหอมขวดแรกที่ซื้อด้วยเงินตัวเองเลยค่ะ ไปดมที่เคาน์เตอร์ Lancome หอมถูกใจมาก แบบว่าอยากได้ๆๆ เสียเงินไปโดยไม่รู้ตัวเลย >< แต่ก็คุ้มค่ามาก
.
จะเห็นได้ว่าพร่องไปประมาณครึ่งเดียวเองทั้งที่ซื้อมานานแล้ว (ประมาณ 3 ปี) ในตอนแรกไม่กล้าฉีด กลัวหมด แต่หลังๆมานี้ฉีดบ่อยขึ้นแต่ๆๆ มันไม่หมดสักที อาจจะเพราะใช้สลับกับตัวอื่นด้วย
.
เรื่องความทน โดยส่วนตัวถือว่าทนมาก ใส่ตั้งแต่เช้าตกเย็นยังได้กลิ่นอยู่เลย ปกติจะฉีดที่ซอกคอแค่ 2 สเปรย์ (ข้างละ 1 สเปรย์) ค่ะ แต่ถ้าฉีดมากเกินไปจะฉุน มึนกลิ่นตัวเองมากเลย เวลาฉีดแม่ทักว่า"กลิ่นไรอ่ะ หอมม" ส่วนแฟนชอบมาดมๆแล้วบอก "หอมจัง"
.
.
.
ตัวที่สอง
Lanvin Eclat D' Arpege EDP 100 ml
ตัวนี้แค่กล่องก็โดนใจแล้ว คือสะดุดตามาก ลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยม ใส สีม่วงอ่อน เผยให้เห็นขวดน้ำหอมที่อยู่ข้างใน แต่ข้อเสียอย่างนึงของกล่องแบบนี้คือ หากตั้งไว้แล้วโดนแสง โอกาสที่กลิ่นน้ำหอมจะเพี้ยนมีมากเลย ก็กล่องมันใสซะขนาดนั้นไม่ช่วยกันแสงอะไรทั้งนั้น
.
ส่วนขวดก็สวยมาก กลมๆ ใสๆ บวกกับตัวน้ำหอมที่มีสีม่วงอ่อน คล้ายสีดอก lilac (คือจินตนาการไปซะไกลเลย ^^) ทำให้ดูลึกลับราวกับขวดน้ำยาเสน่ห์ของแม่มดยังไงยังงั้น
.
ฝาด้านบนประดับเพชรนะจ๊ะ ดูหรูหรา ดูแพง มาพูดเรื่องกลิ่นกันบ้าง กลิ่นหอมแบบน่ารัก สดใส คล้ายสาวแรกรุ่น กลิ่นไม่ทำร้ายคนรอบข้าง แม้ว่าจะฉีดเยอะก็ยังโอเคอยู่ แต่เรื่องความทนก็เป็นดังที่เขาร่ำลือกันค่ะ กลิ่นติดไม่ทนถึงแม้จะเป็น EDP แล้วก็เถอะ พอเวลาผ่านไปจะเหลือแค่กลิ่นจางๆติดผิวที่ต้องยกขึ้นมาดมถึงจะได้กลิ่น เลยต้องอาศัยการฉีดซ้ำเรื่อยๆระหว่างวัน ถึงขวดนี้จะได้มาหลังสุด แต่จะเห็นได้ว่าลดลงไปพอสมควรแล้ว กระหน่ำฉีดไปเลยค่าา
.
.
.
ตัวสุดท้ายแล้วว
Chloe โบว์ครีม EDP 50 ml
ตัวที่หลายคนรู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดี ขวดสวย มาพร้อมกับโบว์ที่คอขวดสีครีม ดูใส่ใจในรายละเอียด เพิ่มความหรูหรา เข้ากันได้ดีกับน้ำหอมสีเหลืองอ่อน ส่วนตัวได้อ่านรีวิวน้ำหอมกลิ่นนี้มาก่อน หลายคนบอกว่าหอมๆ เพิ่งมีโอกาสได้ไปลองที่เคาน์เตอร์เช่นกัน ฉีดปุ๊บ หา!!! นี่เหรอหอม กลิ่นมันฉุนมากไม่ประทับใจเลย กลับห้องมานั่งซักผ้า (ซักมือ) เอ๊ะ หอมไรเนี้ย ขุ่นพระ!! กลิ่นน้ำหอมนี่เอง หอมมาก หอมแบบกรุ่นๆเคลิ้มเลย นี่ขนาดซักผ้าอยู่ยังได้กลิ่นเลย หลังจากนั้นอดใจไม่ไหวจะเอาๆ ซึ่งวิธีดับกิเลสที่ดีที่สุดก็คือ ซื้อมันซะ เมื่อคิดได้แบบนี้แล้วก็....กลับไปสอยมาโลด
.
กลิ่นเด่นของ Chloe โบว์ครีม คือกลิ่นกุหลาบ กลิ่นฟุ้งดีมาก ยังกะไปตกบ่อน้ำหอมมา ห้ามฉีดเยอะเลยนะตัวนี้เพราะมันแพงมากราคาน้ำตาจะไหล
.
.
หวังว่ารีวิวนี้จะมีประโยชน์ต่อคนที่สนใจน้ำหอมนะคะ
เพื่อนๆชาวห้องแป้งละคะ ใช้น้ำหอมกลิ่นไหนกันบ้าง มาแชร์กันได้เลย