บทนำ หนึ่งรัก พันเล่ห์

กระทู้สนทนา
คือ เราอยากจะลองแต่งลงที่นี้ เพื่อนคนไหน ได้เข้าอ่าน ขอความกรุณาช่วยแนะนำกันได้นะคะ  ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ

เรื่อง  หนึ่งรักพันเล่ห์

บทนำ


“  ซัน มีอะไรหรือเปล่าคะ โทรมาซะดึกเชียว  ”
คนพูด คือ หญิงสาววัย ยี่สิบสามปี ผู้มีนามว่า หนึ่งวาริณ เธอยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู  ขณะมองกระจก เงาตรงหน้าที่สะท้อนให้เห็น ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ไร้เครื่องสำอาง ริมฝีบางยิ้มบางๆเล็กน้อย   มือของเธอในตอนนี้ ค่อยๆ ใช้หวีสางผมที่ตอนนี้ ถูกปัดพาดให้มารวมกันอยู่ บนบ่าด้านขวาของเธอ เส้นผมยาวสลวยสีน้ำตาลอ่อนขับใบหน้าหวานให้สว่างสุกใส ดวงตาพราวเป็นประกายเมื่อนึกจินตนาการถึง งานแต่ง ระหว่าง เธอ  กับ ผู้ที่โทรเข้ามา แต่แล้วก็ต้องวางใบหน้าเรียบเฉย คิ้วขมวด เมื่อปลายสาย ไม่กล่าวคำใดใด เลยแม้แต่น้อย มีแต่เสียงเปียโน ที่ดังแว่วเข้ามาทางปลายสายให้ได้ยิน
ถ้าเธอจำไม่ผิด มันเป็นเพลง โปรด ของเธอ กับคนรัก และเมื่อถึงจังหวะท้ายของเพลง  เสียงเปียโนที่ดังอยู่ ก็กลับค่อยๆเบา ลง  พร้อมกับมีเสียงร้องของเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ที่โชว์หราอยู่หน้าจอ ดังขึ้นมาแทน ที่

“ จะมีเพียงสองเราต่อจากนี้  แค่เธอกับฉัน  ฝันดีนะครับ ที่รักของซัน  ”
ปลายสายวางไปแล้ว เหลือเพียงหญิงสาวที่ยังคงถือโทรศัพท์แนบหูอยู่ ใบหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้น รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหวาน ก่อนส่ายหน้าให้กับคำพูดเลี่ยนๆของคนรัก  
พรุ่งนี้ ชีวิตของเธอ ก็คงจะมีแต่เขา เหมือนกับเพลงที่เขาเพิ่งร้องให้ฟัง   ซัน ก็เป็นที่รัก ของน้ำหนึ่งเช่นกันค่ะ หญิงสาวยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะเอื้อมมือไปดับไฟในห้องลง  คืนพรุ่งนี้ ชีวิตของเธอก็จะเปลี่ยน และมันจะ เปลี่ยนไป     ตลอดกาล !

เธอ ทำให้ฉันรู้และเข้าใจคำว่าสองเรา
ไม่ว่าจะร้อนหรือว่าจะหนาวก็ไม่กลัว
มีเธอที่รักข้างในจิตใจ ให้ฉันก้าวเดินต่อไป ต่อจากนี้
เธอและฉัน จับมือเคียงกันนับจากนี้
ผ่านความเดียวดายที่สองเรานั้นเคยมี
เมื่อมีเธอคนที่แสนดีอยู่ตรงนี้
มากกว่านั้น.. ยิ่งมีกันและกันมากแค่ไหน
มีเพียงคำว่ารักที่สองเรานั้นเข้าใจ
รักเพียงเธอและตลอดไปและนับจากนี้ไป ทุกเรื่องราวที่ได้ฟัง
คำพูดทุกถ้อยคำที่คอยย้ำเตือนใจ
ไม่ว่าจะไกลซักเท่าไหร่
เพียงมีเธอคนดีอย่างนี้ ไม่ไหวหวั่น

ณ รีสอร์ท แห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต  เสียงเพลงรักหวานซึ้ง จากนักดนตรีเคล้าคลอไปพร้อมกับเครื่องดนตรี ที่ถือเป็น ชิ้นเอก ของงาน อย่าง เปียโน เมื่อทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ของงานต่างชื่นชอบ เครื่องดนตรีชนิดนี้มากมาย จนถึงกับจ้าง นักดนตรี มาบรรเลงในงาน แทนที่จะเปิดเพลงจากเครื่องเสียง  
ผู้คนมากมาย ต่างเดินเข้ามาในห้องที่ถูกจัดเลี้ยงของเพื่องานแต่งโดยเฉพาะ ห้องจัดงานถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย ออกแนวโมเดิร์น หน่อยๆ  ผนังถูกคลุมด้วยสีเอิร์ธโทนอ่อนๆ มีดอกกุหลาบสีขาวและสีแดง ประดับตกแต่งตามโคนเสาสีขาว  งานนี้ ถือเป็นงานแต่งส่วนตัว ที่เชิญเฉพาะเพื่อน ๆและคนรู้จักเพียงไม่กี่คนเท่านั้น  แดนอรุณ  เจ้าบ่าวของงานอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดสวมทับด้วยเสื้อสูทสีดำสนิท ผูกเน็ทไทสีพื้น  ท่าทางภูมิฐาน ทำให้ร่างสูงโปร่ง ดูโดดเด่นสะดุดตาต่อที่ผู้พบเห็น  ใบหน้าคมสันเผยรอยยิ้มเพียงเล็กน้อย พลางเชื้อเชิญ แขกเข้างานเพียงลำพัง  เวลานี้ เจ้าสาวของเขานั้นยังไม่มา ทั้งๆที่ อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงงานก็จะเริ่มแล้ว

ชายหนุ่มในวัยยี่สิบสาม เหลือบมองนาฬิกา บนข้อมือ ด้วยท่าทางกระวนกระวาย นี้ ก็ใกล้เวลา จะเริ่มงานแล้ว ทำไม เจ้าสาว ของเขายังไม่มาสักที ดวงตาคมเหลียวมองดู ชื่อ ที่แขวนอยู่บนเวที หนึ่งวาริน & แดนอรุณ
น้ำหนึ่ง ทำไม เธอถึงยังมาไม่ถึงสักทีนะ  

การกระทำของเขารวดเร็วเท่าความคิด เมื่อเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหา หญิงคนรัก แต่เธอก็ไม่รับ  ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่น มือหนากำเครื่องมือสื่อสารที่อยู่ในมือแน่น ก่อนจะค่อยๆผ่อนลง เมื่อคิดว่า จะเกิดเรื่องไม่ดีกับหญิงสาว
แต่แล้ว ชายหนุ่มก็ต้องหยุดความคิด หยุดการกระทำ เมื่อได้ยินชื่อหนึ่ง จากบุษกร เพื่อนสนิท ของเขา

“ ซัน  คุณพ่อนาย  มา  ”
ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะหันไปหา บุษกร เพื่อนสนิท ดวงตาคมก็มองเห็น ร่างของคนที่เขาไม่ค่อยอยากจะเจอสักเท่าไหร่ แม้ว่าชายคนนั้นจะเป็น พ่อของเขาเองก็ตาม และยิ่งเห็น ผู้หญิง ในชุดเดรสสีดำเข้ารูป รัดสัดส่วน สุดเย้ายวนของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น แม่เลี้ยง ก็ทำให้ชายหนุ่มเม้มปากแน่นอย่างนึกไม่ชอบใจ ริมฝีปากสีแดงสดของเธอขยับขึ้นลงยามเอ่ยคำทัก

“ แต่งงาน ทั้งที ไม่คิดจะบอกพ่อ บอกแม่ บ้างเลยหรือค่ะ  ลูกซัน ”
มือของเจ้าของคำพูดสอดวงแขนเข้าควง บุรุษที่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ สายตาของเธอที่มองมาทางบุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉายให้เห็นว่าต้องการยั่วยุให้เขาโกรธ และนั่นมันก็ได้ผล แดนอรุณ กำมือแน่นอย่างพยายามควบคุมโทสะที่เริ่มรู้สึก  เธอคือ สาวิตรี ภรรยาใหม่ ของชายสูงวัย  พ่อของเขานั่นล่ะ อายุของเธอนั้นห่างกับบุรุษผู้น่าเกรงขาม เกือบสิบปีทีเดียว หญิงสาววัยละอ่อนคงจะไม่ได้ต้องการอะไรจากพ่อเขานอกจาก เงิน และเธอก็เป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้เขาตัดสินใจ มาเปิดรีสอร์ทที่ภูเก็ต แล้วก็คงจะไม่กลับบ้าน อีก
ถ้าหากที่บ้านหลังนั้น ไม่มีใครบางคน รอเขาอยู่  .... เขาก็คงจะเลือกที่จะไม่ขับรถไปๆกลับๆ  ระหว่าง ภูเก็ต กับ กรุงเทพ ทุกเย็นวันศุกร์ ให้เหนื่อยหรอก  เจ้าของชื่อ เพียงเลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบออกไป  

“ ก็ไม่เห็นจำเป็นนี้ครับ ทีพ่อพบรักกับผู้หญิงคนใหม่ ยังไม่บอกผมสักคำ ”
ท้ายประโยค ชายหนุ่มกัดฟันพูด ด้วยความเจ็บใจ  ดวงตาจดจ้องผู้หญิงตรงหน้าอย่างเจ็บแค้น เธอทำให้แม่ของเขาเครียดจนป่วยและเสียชีวิตในที่สุด
“  รู้อีกที ก็บอกจะแต่งงานกันแล้ว  เร็วไฟจริงๆ แล้วอีกอย่าง ผมมีแม่คนเดียว  และตอนนี้แม่ของผม ก็ตายไปนานแล้ว ” คำกล่าวของเขา ทำเอา หญิงสาวที่ถูกว่า หน้ามุ่ย พลางกระตุกแขนคนเป็นสามี หวังให้ผู้เป็นสามีกล่าวตักเตือนชายตรงหน้า แต่ เมฆินทร์ก็กลับทำหูทวนลม  ก่อนดวงตาคมจะกวาดสายตา เลี้ยวซ้าย แลขวา หวังจะหาชื่อของเจ้าสาว ของลูกชาย
แต่ก็ไม่เอ่ยคำใดใด ในขณะที่หญิงสาวอีกคนนั่นเหมือน เธอจะรู้ว่าชายสูงวัยกำลังคิดอะไร เพราะมันเหมือนกับสิ่งที่เธอกำลัง คิดจะถาม “ อ้าว แล้วนี้ เจ้าสาว ชื่ออะไรนะ หนึ่งวาริน ใช่ไหม   ”  

ดวงตาคู่สวยที่ถูกแต่งแต้ม ด้วยมาสคาร่า เหลียวไปยังหน้าเวที ก่อนจะเพ่งมองชื่อของเจ้าสาว ที่เธอไม่เคยได้รู้จัก หรือได้ยินมาก่อน เพราะชายหนุ่มไม่เคยพาไปแนะนำให้ที่บ้านได้รู้จักเลย ซ้ำ ยังหนีมาแต่งงาน กับคนรัก  ไกลถึงภูเก็ต ดีนะ ที่เธอสอบถามจาก  ภีรภัทร เพื่อนบ้าน ที่ควบตำแหน่งเพื่อนสนิทของชายหนุ่ม ไปด้วยอย่างถาวร

“ ชื่อไพเราะดีนิ ฉันขอให้แกโชคดีล่ะกัน  ป่ะ ตรี เข้าไปด้านในกัน  ”
ชายหนุ่มพยายามตัดบท ไม่อยากให้ ภรรยาใหม่ ทะเลาะกับลูกคนรักเก่าอยู่ตรงนี้ เพราะเขาคิดว่าถ้าหากปล่อยให้ภรรยาสาวยืนอยู่ตรงนี้คงจะหาเรื่องทะเลาะกับลูกชาย มันจะกลายเป็นจุดสายตา ของคนหลากหลายคน  ที่เริ่มทยอยกับเข้างาน  
“ ไหนล่ะค่ะ เจ้าสาว  ไหนล่ะ ทำไม ปล่อยให้เจ้าบ่าวยืนรับแขกอยู่คนเดียว  นิสัยเสียจริงๆ  เอ๊ะ  ยังไง  ก็ขอให้โชคดีนะจ๊ะ นายซัน ”  ใบหน้าฉาบรอยยิ้ม  ริมฝีปากของเธอ พูดคำว่าโชคดี แต่ดวงตาของเธอนั่นสิ ที่แสดงถึงความเย้ยหยัน  สิ่งที่เห็นจากหญิงสาวทำให้มือหนาของ แดนอรุณ กำแน่น ยิ่งกว่าเมื่อสักครู่ พลางค่อยผ่อนลง ดวงตาคม ของชายหนุ่มทำเพียงแค่จ้องวงหน้าหญิงสาวกลับเพียงเท่านั้น ดวงตานั้นซ่อนความไม่พอใจอยู่ลึกๆ

หากนี้ไม่ใช่ งานมงคลของเขา ยายผู้หญิงตรงหน้าคง ไม่ได้ยืน เชิด อยู่แน่ล่ะ เขาจะทำให้ เธอล้มลงไปกองกับพื้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว !
และชายหนุ่มก็ตัดสินใจตอบคำถาม ที่มันฟังดูยอกย้อน อย่างที่เคยทำ เหมือนทุกครั้งที่เจอ ผู้หญิงคนนี้ ภรรยาใหม่ของคนเป็นพ่อ

“ ผมน่ะ โชคดี อยู่แล้ว ที่ได้เจอผู้หญิงที่แสนดี อย่าง น้ำหนึ่ง แต่คุณพ่อนี้สิ โชคดี  ได้ ปลิงแทนเมีย เอ๊ย ผมพูดผิด ได้เมียดี แบบนี้   ”  คำพูด และ รอยยิ้มเย้ยหยันบนวงหน้าคมของชายหนุ่ม ทำเอา สาวิตรี ถึงกับหน้าชาพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว  มือเรียว กระตุกแขนคนเป็นสามีอย่างเริ่มทนไม่ไหว
“ คุณ คุณเมฆ ”เสียงรอดไรฟันที่ได้ยินนั้น ทำให้ ชายหนุ่มวัยยี่สิบสาม เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย  เขาออกจะสะใจ ยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ ยังไงซะ ผู้เป็นพ่อก็คงจะไม่สามารถทำอะไรเขาได้อยู่แล้ว ชายหนุ่มค่อนข้างมั่นใจ และก็เป็นอย่างที่คาดคิด เมื่อชายวัยกลางคนผู้ยืนอยู่ตรงข้าม เพียงเอ่ยเสียงเรียบเพียงเท่านั้น อย่างข่มอารมณ์

“ นายซัน  ให้เกียรติ คุณสาวิตรี เขาหน่อยได้ไหม ยังไงเขาก็เป็น ”
“ เมียใหม่ ของพ่อ ”  ไม่ต้องรอให้ ชายวัยกลางคนพูดจบ ชายอ่อนวัยก็พูดสวนไปทันที มุมปากของแดนอรุณยกขึ้นสูงอย่างยียวน   พาให้คนที่ฟังไม่พอใจ  “  ไม่ต้องย้ำหรอกครับ ผม ให้ เกลียด เมียใหม่ ของพ่อเสมอ ละครับ ไม่เคยไม่เกลียด เลยด้วยซ้ำไป ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นพลางจ้องวงหน้าคมของผู้เป็นพ่อ  
“ นายซัน ! ” เมฆินทร์ ตวาดเสียงดังลั่น ร่างหนาเซไปมา จนหญิงสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ต้องจับแขนแกร่ง พลางประคองร่างหนานั้นไว้  มือของชายหนุ่มวัยสี่สิบ ยกขึ้นแตะที่หน้าอกด้านซ้าย อย่างเจ็บปวด ซึ่งปฏิกิริยานั้น ทำให้ ชายอ่อนวัย  ใบหน้าหมองซีดลง อย่างเห็นได้ชัด
“ ผมว่า พ่อเข้าไปด้านในเถอะครับ เป็นลมเป็นแล้ง ไป ผมรับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะ ” มือหนาผายเชิญ ผู้เป็นพ่อและสาวิตรี เข้าไปภายในงาน
“ บุษ พาคุณพ่อ และ  คุณ ผู้หญิงคนนี้ เข้าไปด้านใน สิ ฉันเบื่อขี้หน้า จวนจะอ้วก อยู่แล้ว ” ประโยคท้ายนั่น มันดังเพียงให้หญิงสาวผู้นั้นได้ยิน สาวิตรี หน้ามุ่ยขณะเดินผ่านร่างสูงจะเข้าไปด้านในบริเวณโต๊ะอาหาร
“ ผู้หญิง คนไหน ได้ผู้ชาย ไร้มารยาท  เจ้าอารมณ์  เป็นสามี คงจะโชคร้าย น่าดู คุณว่าไหม ”

คำพูดของเธอ ทำให้ดวงตาคมของชายหนุ่มเหลียวมองทันที พร้อมกับที่ท่อนแขนแกร่ง คว้าท่อนแขนของหญิงสาวผู้นั้นไว้อย่างเก็บอารมณ์ไม่อยู่ พลางจดจ้องวงหน้าสวย ที่เชิดขึ้นอย่างท้าทาย  สาวิตรีเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มทำเพียงดึงเธอไว้เท่านั้น หญิงสาวจึงเป็นฝ่ายแกะมือของเขาออกและขยับเข้าไปใกล้ พลางพูดเสียงเบาหวิวแต่ เปี่ยมไปด้วยพลัง   “ หนึ่งวาริน  เจ้าสาว ที่โชคร้ายที่สุด   ”

แดนอรุณกัดฟันกรอด ขณะจ้องวงหน้าของสาวตรงหน้าที่เชิดขึ้นอย่างท้าทาย ก่อนที่เธอจะก้าวตามพ่อของเขาไป คำพูดของเธอยังคงดังก้อง อยู่ในหัวเขา

ทันที ที่สองสามีภรรยา คู่นั้นเดินเข้าไปด้านใน  แดนอรุณ ก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู อีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง
และก่อนที่เค้าจะประทุร้าย เจ้าโทรศัพท์ราคาแพง  บุษกร  ก็รีบเดินมาหาเค้าก่อนจะจับมือเป็นเชิงปลอบโยนชายหนุ่ม

“ ใจเย็นหน่า ซัน เดี๋ยว น้ำหนึ่งก็คงจะมาแล้ว  ”

ดวงตาคมเพียงเหลียวมองเธอ ก่อนจะเดินไปในจุดที่สามารถมองเห็นรถที่เข้าออกได้ ด้วยความร้อนใจ ใจนั่นฉุกคิดว่าหญิงสาวจะเป็นอะไรหรือเปล่าถึงยังมาไม่ถึง   “ ใจเย็นๆ นะ ซัน เดี๋ยวบุษ ช่วยโทรหา น้ำหนึ่งอีกแรง  ”
หญิงสาวเดินห่างออกไป  ก่อนดวงตาคู่สวยจะเหลียวมองมายัง ชายหนุ่มผู้นั้นอีกครั้ง เค้าอยู่ในอาการร้อนรน นั่งไม่ติด เขาคงจะเป็นห่วง คนรัก มาก

“ เฮ้ย ไอ้ซัน ฉันมีเรื่องจะบอก ” ภีรภัทร วิ่งมาจากทางหนึ่ง ก่อนจะแตะไหล่กว้างของคนเป็นเพื่อนอย่างเหนื่อยอ่อน พลางหายใจหอบเหนื่อย เจ้าของงานจ้องหน้าคนพูดอย่างต้องการคำตอบ ใบหน้าฉายให้เห็นถึงความไม่สบอารมณ์ชัดเจน
“ อะไรว่ะ ไอ้ภีม มีเรื่องอะไร วิ่งมาขนาดนี้ ท่าจะเป็นเรื่องด่วน ”
“ ด่วน ว่ะด่วน แต่ แต่ขอหายใจก่อน เหนื่อยเว้ย คือ คือ น้ำหนึ่งอ่ะ  ”
     พอได้ยินชื่อหญิง คนรัก มือหนาของชายหนุ่มก็คว้า มือของเพื่อนพลางเขย่าอย่างต้องการคำตอบจากปากของชายอีกคนให้เร็วที่สุด อย่างร้อนรน เขาเป็นห่วงเธอเหลือเกิน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่