สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
เราอ่านทั้งสองฝั่งแล้วนะ
ปัญหามันเกิดจากคนสองคนที่อุปนิสัยต่างกันมากๆ คุณจขกทค่อนข้างindividualมากกว่า ค่อนข้างคิดมาก ไม่แน่ใจเรียกขี้เกรงใจรึป่าวด้วย ที่มีอะไรไม่สบายใจไม่พูด ไม่พอใจกันตรงไหนไม่เคลียร์กันให้ตรงไปตรงมาตั้งแต่แรก
ส่วนน้องที่ไปด้วยดูง่ายๆชิลๆ ไม่ค่อยกระตือลือล้น ไม่ได้คิดอะไรมาก ค่อนข้างคิดน้อยทีเดียว 55 ดูตีมึนมาก ตั้งแต่เรื่องกล้องถ่ายรูป(ดูเหตุผลที่อ้างในคห12สิ เรานี่ส่ายหน้าเลย55 ) เรื่องรองเท้า เรื่องเม็ดเกาลัด เรื่องครีมทาผิว
เป็นเราเราก็เอือมนะ คิดน้อย เรียกว่าไม่คิดถึงความรู้สึกคนอื่นดีกว่า ตีมึนหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง มีความคิดค่อนข้างเห็นแก่ตัวนะ
ปัญหามันเกิดจากคนสองคนที่อุปนิสัยต่างกันมากๆ คุณจขกทค่อนข้างindividualมากกว่า ค่อนข้างคิดมาก ไม่แน่ใจเรียกขี้เกรงใจรึป่าวด้วย ที่มีอะไรไม่สบายใจไม่พูด ไม่พอใจกันตรงไหนไม่เคลียร์กันให้ตรงไปตรงมาตั้งแต่แรก
ส่วนน้องที่ไปด้วยดูง่ายๆชิลๆ ไม่ค่อยกระตือลือล้น ไม่ได้คิดอะไรมาก ค่อนข้างคิดน้อยทีเดียว 55 ดูตีมึนมาก ตั้งแต่เรื่องกล้องถ่ายรูป(ดูเหตุผลที่อ้างในคห12สิ เรานี่ส่ายหน้าเลย55 ) เรื่องรองเท้า เรื่องเม็ดเกาลัด เรื่องครีมทาผิว
เป็นเราเราก็เอือมนะ คิดน้อย เรียกว่าไม่คิดถึงความรู้สึกคนอื่นดีกว่า ตีมึนหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง มีความคิดค่อนข้างเห็นแก่ตัวนะ
ความคิดเห็นที่ 44
ผมว่าทุกคนคงมีนิสัยส่วนตัวแตกต่างกันทั้งนั้น แม้แต่เพื่อนสนิทบางทียังแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ด้วยความผูกพันที่คบหากันมานาน เลยอาจทำให้เรามองข้ามหรือแกล้งไม่เห็นนิสัยเหล่านั้นไปได้ ไม่เอามาคิดเล็กคิดน้อยจนชวนทะเลาะกัน
จขกท. กับน้องคนนั้น ผมว่าไม่แปลกนะครับที่จะเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ และเกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้นได้ ก่อนเดินทาง ทั้ง 2 ท่านคงมีเหตุผลด้วยกันทั้งสองฝ่าย จะให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจัดการวางแผนกันอย่างไร ก็ควรตัดสินใจร่วมกัน วางแผนร่วมกัน สิ่งที่สำคัญที่สุด ควรเปิดใจคุยกันให้ได้มากที่สุด เพื่อจะมองเห็นจุดเล็กจุดน้อยที่อาจก่อให้เกิดปัญหาขึ้นมาได้ และหากมองเห็นสิ่งต่างๆ เหล่านั้น ก็จะได้หาทางป้องกันหรือแก้ไขได้ทันการ แต่คงเพราะด้วยความจำกัดเรื่องเวลา จึงพลาดจุดสำคัญด้านนี้ไป
แม้จะด้วยเหตุผลด้านใดก็ตาม หากทั้ง 2 ท่าน ลองปรับนิสัยของตัวเองบ้าง ปัญหาต่างๆ คงไม่เกิดขึ้น และแม้เกิดขึ้นมาบ้าง ก็แค่เรื่องเล็กน้อยที่ให้อภัยกันได้ ควรจะรู้จักคิดและตระหนักกันสักนิดว่า เราตกลงใจร่วมเดินทางด้วยกันแล้ว ทั้ง 2 ท่าน ควรพึงระลึกให้มากๆ ว่า เราต้องพึ่งพาอาศัยกันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะเราอยู่ต่างถิ่นต่างแดน ที่สำคัญที่สุด "เพราะเรามาด้วยกัน" แต่พอทั้ง 2 ท่าน ทำให้ทุกอย่างเกิดปัญหาลูกโซ่ตามกันมาเรื่อยๆ จากหลากหลายความรู้สึกที่เริ่มอึดอัดคับข้องใจ แทนที่จะให้มันยุติและเปิดอกเปิดใจคุยกันถึงสิ่งต่างๆ เหล่า กลับไม่ทำและมองข้ามมันไป แต่กลับเพิ่มความรู้สึกในเชิงลบของทั้งสองฝ่ายขึ้นมาแทน จนเกิดเหตุการณ์ตามกระทู้นี้ขึ้นมา หากทั้ง 2 ท่าน ได้ตระหนักและคิดสักนิด หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ในระยะเริ่มแรก หากเปิดใจกันทั้งสองฝ่าย ทั้ง 2 ท่านจะได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากจุดนี้ได้เยอะทีเดียวครับ และหากยอมรับมันได้ บางทีทั้ง 2 ท่าน อาจกลายเป็นเพื่อนรัก เพื่อนแท้ จากเหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้
จากมุมมองของผม เห็นว่า ของที่พกพาติดตัวไป ไม่ว่าชิ้นใหน อย่างไร นั่นคือ สิ่งที่ดีที่สุดที่เราได้คัดและเลือกสรรเป็นอย่างดีแล้ว แม้ว่าเมื่อเปรียบเทียบกับของท่านอื่นแล้ว มันจะดูด้อยหรือมีคุณค่าน้อยกว่าก็ตาม แต่ต้องคิดครับว่า แต่มันคือของๆ เรา ของที่ดีที่สุดสำหรับเราครับ
เรื่องกล้อง แม้จะเป็นเพื่อนสนิทกัน หากจะหยิบยืมกัน อาจยังไม่กล้าที่จะเอ่ยปากยืมกันใช้เลยครับ
ด้วยความเคารพในความคิดเห็นของน้อง ไม่แปลกครับที่ จขกท. จะเกิดความรู้สึกไม่พอใจในเรื่องกล้อง เหตุผลของน้องที่ว่า กล้องพี่ดีกว่า และพี่ถ่ายรูปไม่สวย หนูขอถ่ายให้ดีกว่า ข้อนี้ผมว่าไม่ผ่านและรับฟังไม่ขึ้นนะครับ จขกท. ซึ่งเป็นเจ้าของกล้อง เค้ามีสิทธิ์เต็มที่ครับที่จะใช้กล้องของเค้าได้ แม้ว่าเค้าจะถ่ายรูปไม่สวยและสู้ฝีมือการถ่ายภาพของน้องไม่ได้ก็ตาม แต่นั่นคือกล้องของเค้าครับ เค้าอยากจับกล้อง อยากจะถ่ายรูป อยากจะโฟกัสจุดใหนก็ได้ตามแต่ใจที่เค้าอยากจะถ่ายครับ แม้คนอื่นอาจมองว่าไม่สวย แต่คนที่ถ่ายรูปด้วยฝีมือของเค้าเอง นั่นคือความภูมิใจ คือความรู้สึก คืออารมณ์ ณ เสี้ยววินาทีนั้น และคือภาพที่สวยที่สุดสำหรับเค้าครับ
มองกลับกัน ในมุมมองของน้อง หากน้องบอกว่า กล้องของน้องสู้ประสิทธิภาพกล้องของ จขกท.ไม่ได้ และฝีมือการถ่ายรูปของน้องดีกว่า ต้องพึงสังวรครับว่า หากน้องรู้สึกมั่นใจในฝีมือของน้องขนาดนั้น แม้น้องจะมีกล้องไม่ดีพอ เป็นแค่กล้อง compack และไม่สามารถสู้ประสิทธิภาพได้ดีเท่ากล้อง mirrorless หรือ กล้อง dslr ได้ หากน้องมีฝีมือจริง น้องก็ยังสมารถที่จะถ่ายรูปออกมาได้ดีและสวยครับ มันไม่ได้อยู่ที่ตัวกล้องครับ แม้มันจะมีประสิทธิภาพที่ดีและมีฟังก์ชั่นต่างๆ มากพอเพื่อให้รูปดูดีขึ้นได้ แต่ที่สำคัญสุด มันอยู่ที่ทักษะ ความเชี่ยวชาญ ชำนาญการและฝีมือของคนถ่าย ก็คือน้องเองครับ หากน้องมีฝีมือ แม้จะมีแค่กล้อง compack ก็ไม่ต้องไปกลัวครับ ถ่ายให้สวยที่สุดให้คนที่มีกล้อง dslr ยังอายได้เลยครับ เผลอๆ หากน้องถ่ายรูปสวยจริง บางที จขกท. อาจให้น้องเป็นตากล้องมืออาชีพสำหรับเค้าไปเลยก็ได้นะครับ
เรื่องรองเท้า เหตุผลหลัก ต้องย้อนไปดูข้างต้นครับ เกี่ยวกับสิ่งของที่พกพา ควรเลือกรองเท้าที่ดีที่สุดสำหรับตัวของเรา อย่าไปมองว่า รองเท้าของ จขกท. สวย และน้องจะหยิบยืมใส่ด้วยการพูดหยั่งเชิง จุดนี้น้องต้องขอบคุณน้ำใจของ จขกท. ด้วยซ้ำนะครับที่ให้ยืมรองเท้าใส่ แม้ จขกท. จะเกิดความรู้สึกไม่เต็มใจก็ตาม ผมกลับมองว่า จขกท. คัดสรรสิ่งที่พกพาได้ดีที่สุดจริงๆ คงเดินทางบ่อยและมีประสบการณ์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวมากพอ แปลกใจนิดเดียว น้องยืมรองเท้า จขกท. น้องโชคดีมากเลยนะครับที่ใส่รองเท้าของ จขกท. ได้ แต่แม้จะอยากยืมใส่หรือไม่อย่างไร น้องต้องพึงสังวรและเตือนบอกกับตัวเองครับว่า จขกท. ไม่ได้เอารองเท้ามาเผื่อน้องด้วย แต่อย่างไรก็ดี หาก จขกท. พลิกกลับด้านความรู้สึกได้ การหยิบยืมของใช้กันบ้างและแนะนำเชิงท้วงติง จะทำให้น้องท่านนั้น เกิดความรู้สึกเกรงใจ เพิ่มการเรียนรู้และเห็นคุณค่าถึงของชิ้นนั้นได้ดียิ่งขึ้น หากทำได้ อาจทำให้ทั้ง 2 ท่าน มีมุมที่น่ารักและมองข้ามจุดบกพร่องต่างๆ นี้ก็ได้
เรื่องอาหาร และมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ต้องยอมรับครับว่า เรื่องเงินสำคัญมากๆ ทั้ง 2 ท่าน ควรตกลงและรวบรวมเงินไว้ใช้ในส่วนกองกลางสักจำนวนนึง ไม่ใช่ฝ่ายนึงฝ่ายใดจ่ายไปพลางก่อน ถือเป็นจุดสำคัญที่พลาดไม่น่าให้อภัย หากคิดไตร่ตรองเรื่องนี้ไว้ให้รอบคอบก่อน จะทำให้ทั้ง 2 ท่านรู้คุณค่าในเงินที่จ่ายไปครับ และถือเป็นการตรวจสอบการจ่ายเงินไปในตัว ยิ่งจะทำให้ทั้ง 2 ท่าน มีความใกล้ชิดยิ่งขึ้นไปอีก เพราะทั้ง 2 ฝ่ายจะควรหมั่นตรวจสอบซึ่งกันและกัน
ส่วนเรื่องอื่นๆ จะเป็นเรื่องเล็กน้อยมากๆ ครับ หากมีการวางแผนตั้งแต่เริ่มแรก และจะไม่เกิดกระทู้นี้ขึ้นมา
ไม่ว่าอย่างไรนะครับ ขอให้ จขกท. และน้อง ปรับเปลี่ยนทัศนคติ มีมุมมองความคิดและความรู้สึกในเชิงบวกนะครับ อย่าตอบโต้ด้วยเหตุผลของตัวเอง จงยอมรับมัน ไม่ว่าจะผิด จะถูกก็ควรยอมรับมัน และขอให้เป็นบทเรียน เป็นสิ่งที่คอยเตือนใจเราดีกว่านะครับ เข้าใจครับว่า ณ ตอนนี้ ทั้ง 2 ท่านมีอารมณ์และความรู้สึกคนละมุม ขอให้สงบและรับฟังถึงความจริงและความถูกต้องให้มากที่สุดนะครับ และหวังว่าทั้ง 2 ท่าน ควรรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน จขกท. ก็จะได้อีกมุมมองนึง ในส่วนของน้อง ก็จะมีอีกมุมนึง และไม่ว่าอย่างไร หวังว่าสักวันนึงทั้ง 2 ท่าน จะรู้สึกขอบคุณกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ครับ ^_^
จขกท. กับน้องคนนั้น ผมว่าไม่แปลกนะครับที่จะเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ และเกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้นได้ ก่อนเดินทาง ทั้ง 2 ท่านคงมีเหตุผลด้วยกันทั้งสองฝ่าย จะให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจัดการวางแผนกันอย่างไร ก็ควรตัดสินใจร่วมกัน วางแผนร่วมกัน สิ่งที่สำคัญที่สุด ควรเปิดใจคุยกันให้ได้มากที่สุด เพื่อจะมองเห็นจุดเล็กจุดน้อยที่อาจก่อให้เกิดปัญหาขึ้นมาได้ และหากมองเห็นสิ่งต่างๆ เหล่านั้น ก็จะได้หาทางป้องกันหรือแก้ไขได้ทันการ แต่คงเพราะด้วยความจำกัดเรื่องเวลา จึงพลาดจุดสำคัญด้านนี้ไป
แม้จะด้วยเหตุผลด้านใดก็ตาม หากทั้ง 2 ท่าน ลองปรับนิสัยของตัวเองบ้าง ปัญหาต่างๆ คงไม่เกิดขึ้น และแม้เกิดขึ้นมาบ้าง ก็แค่เรื่องเล็กน้อยที่ให้อภัยกันได้ ควรจะรู้จักคิดและตระหนักกันสักนิดว่า เราตกลงใจร่วมเดินทางด้วยกันแล้ว ทั้ง 2 ท่าน ควรพึงระลึกให้มากๆ ว่า เราต้องพึ่งพาอาศัยกันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะเราอยู่ต่างถิ่นต่างแดน ที่สำคัญที่สุด "เพราะเรามาด้วยกัน" แต่พอทั้ง 2 ท่าน ทำให้ทุกอย่างเกิดปัญหาลูกโซ่ตามกันมาเรื่อยๆ จากหลากหลายความรู้สึกที่เริ่มอึดอัดคับข้องใจ แทนที่จะให้มันยุติและเปิดอกเปิดใจคุยกันถึงสิ่งต่างๆ เหล่า กลับไม่ทำและมองข้ามมันไป แต่กลับเพิ่มความรู้สึกในเชิงลบของทั้งสองฝ่ายขึ้นมาแทน จนเกิดเหตุการณ์ตามกระทู้นี้ขึ้นมา หากทั้ง 2 ท่าน ได้ตระหนักและคิดสักนิด หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ในระยะเริ่มแรก หากเปิดใจกันทั้งสองฝ่าย ทั้ง 2 ท่านจะได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากจุดนี้ได้เยอะทีเดียวครับ และหากยอมรับมันได้ บางทีทั้ง 2 ท่าน อาจกลายเป็นเพื่อนรัก เพื่อนแท้ จากเหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้
จากมุมมองของผม เห็นว่า ของที่พกพาติดตัวไป ไม่ว่าชิ้นใหน อย่างไร นั่นคือ สิ่งที่ดีที่สุดที่เราได้คัดและเลือกสรรเป็นอย่างดีแล้ว แม้ว่าเมื่อเปรียบเทียบกับของท่านอื่นแล้ว มันจะดูด้อยหรือมีคุณค่าน้อยกว่าก็ตาม แต่ต้องคิดครับว่า แต่มันคือของๆ เรา ของที่ดีที่สุดสำหรับเราครับ
เรื่องกล้อง แม้จะเป็นเพื่อนสนิทกัน หากจะหยิบยืมกัน อาจยังไม่กล้าที่จะเอ่ยปากยืมกันใช้เลยครับ
ด้วยความเคารพในความคิดเห็นของน้อง ไม่แปลกครับที่ จขกท. จะเกิดความรู้สึกไม่พอใจในเรื่องกล้อง เหตุผลของน้องที่ว่า กล้องพี่ดีกว่า และพี่ถ่ายรูปไม่สวย หนูขอถ่ายให้ดีกว่า ข้อนี้ผมว่าไม่ผ่านและรับฟังไม่ขึ้นนะครับ จขกท. ซึ่งเป็นเจ้าของกล้อง เค้ามีสิทธิ์เต็มที่ครับที่จะใช้กล้องของเค้าได้ แม้ว่าเค้าจะถ่ายรูปไม่สวยและสู้ฝีมือการถ่ายภาพของน้องไม่ได้ก็ตาม แต่นั่นคือกล้องของเค้าครับ เค้าอยากจับกล้อง อยากจะถ่ายรูป อยากจะโฟกัสจุดใหนก็ได้ตามแต่ใจที่เค้าอยากจะถ่ายครับ แม้คนอื่นอาจมองว่าไม่สวย แต่คนที่ถ่ายรูปด้วยฝีมือของเค้าเอง นั่นคือความภูมิใจ คือความรู้สึก คืออารมณ์ ณ เสี้ยววินาทีนั้น และคือภาพที่สวยที่สุดสำหรับเค้าครับ
มองกลับกัน ในมุมมองของน้อง หากน้องบอกว่า กล้องของน้องสู้ประสิทธิภาพกล้องของ จขกท.ไม่ได้ และฝีมือการถ่ายรูปของน้องดีกว่า ต้องพึงสังวรครับว่า หากน้องรู้สึกมั่นใจในฝีมือของน้องขนาดนั้น แม้น้องจะมีกล้องไม่ดีพอ เป็นแค่กล้อง compack และไม่สามารถสู้ประสิทธิภาพได้ดีเท่ากล้อง mirrorless หรือ กล้อง dslr ได้ หากน้องมีฝีมือจริง น้องก็ยังสมารถที่จะถ่ายรูปออกมาได้ดีและสวยครับ มันไม่ได้อยู่ที่ตัวกล้องครับ แม้มันจะมีประสิทธิภาพที่ดีและมีฟังก์ชั่นต่างๆ มากพอเพื่อให้รูปดูดีขึ้นได้ แต่ที่สำคัญสุด มันอยู่ที่ทักษะ ความเชี่ยวชาญ ชำนาญการและฝีมือของคนถ่าย ก็คือน้องเองครับ หากน้องมีฝีมือ แม้จะมีแค่กล้อง compack ก็ไม่ต้องไปกลัวครับ ถ่ายให้สวยที่สุดให้คนที่มีกล้อง dslr ยังอายได้เลยครับ เผลอๆ หากน้องถ่ายรูปสวยจริง บางที จขกท. อาจให้น้องเป็นตากล้องมืออาชีพสำหรับเค้าไปเลยก็ได้นะครับ
เรื่องรองเท้า เหตุผลหลัก ต้องย้อนไปดูข้างต้นครับ เกี่ยวกับสิ่งของที่พกพา ควรเลือกรองเท้าที่ดีที่สุดสำหรับตัวของเรา อย่าไปมองว่า รองเท้าของ จขกท. สวย และน้องจะหยิบยืมใส่ด้วยการพูดหยั่งเชิง จุดนี้น้องต้องขอบคุณน้ำใจของ จขกท. ด้วยซ้ำนะครับที่ให้ยืมรองเท้าใส่ แม้ จขกท. จะเกิดความรู้สึกไม่เต็มใจก็ตาม ผมกลับมองว่า จขกท. คัดสรรสิ่งที่พกพาได้ดีที่สุดจริงๆ คงเดินทางบ่อยและมีประสบการณ์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวมากพอ แปลกใจนิดเดียว น้องยืมรองเท้า จขกท. น้องโชคดีมากเลยนะครับที่ใส่รองเท้าของ จขกท. ได้ แต่แม้จะอยากยืมใส่หรือไม่อย่างไร น้องต้องพึงสังวรและเตือนบอกกับตัวเองครับว่า จขกท. ไม่ได้เอารองเท้ามาเผื่อน้องด้วย แต่อย่างไรก็ดี หาก จขกท. พลิกกลับด้านความรู้สึกได้ การหยิบยืมของใช้กันบ้างและแนะนำเชิงท้วงติง จะทำให้น้องท่านนั้น เกิดความรู้สึกเกรงใจ เพิ่มการเรียนรู้และเห็นคุณค่าถึงของชิ้นนั้นได้ดียิ่งขึ้น หากทำได้ อาจทำให้ทั้ง 2 ท่าน มีมุมที่น่ารักและมองข้ามจุดบกพร่องต่างๆ นี้ก็ได้
เรื่องอาหาร และมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ต้องยอมรับครับว่า เรื่องเงินสำคัญมากๆ ทั้ง 2 ท่าน ควรตกลงและรวบรวมเงินไว้ใช้ในส่วนกองกลางสักจำนวนนึง ไม่ใช่ฝ่ายนึงฝ่ายใดจ่ายไปพลางก่อน ถือเป็นจุดสำคัญที่พลาดไม่น่าให้อภัย หากคิดไตร่ตรองเรื่องนี้ไว้ให้รอบคอบก่อน จะทำให้ทั้ง 2 ท่านรู้คุณค่าในเงินที่จ่ายไปครับ และถือเป็นการตรวจสอบการจ่ายเงินไปในตัว ยิ่งจะทำให้ทั้ง 2 ท่าน มีความใกล้ชิดยิ่งขึ้นไปอีก เพราะทั้ง 2 ฝ่ายจะควรหมั่นตรวจสอบซึ่งกันและกัน
ส่วนเรื่องอื่นๆ จะเป็นเรื่องเล็กน้อยมากๆ ครับ หากมีการวางแผนตั้งแต่เริ่มแรก และจะไม่เกิดกระทู้นี้ขึ้นมา
ไม่ว่าอย่างไรนะครับ ขอให้ จขกท. และน้อง ปรับเปลี่ยนทัศนคติ มีมุมมองความคิดและความรู้สึกในเชิงบวกนะครับ อย่าตอบโต้ด้วยเหตุผลของตัวเอง จงยอมรับมัน ไม่ว่าจะผิด จะถูกก็ควรยอมรับมัน และขอให้เป็นบทเรียน เป็นสิ่งที่คอยเตือนใจเราดีกว่านะครับ เข้าใจครับว่า ณ ตอนนี้ ทั้ง 2 ท่านมีอารมณ์และความรู้สึกคนละมุม ขอให้สงบและรับฟังถึงความจริงและความถูกต้องให้มากที่สุดนะครับ และหวังว่าทั้ง 2 ท่าน ควรรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน จขกท. ก็จะได้อีกมุมมองนึง ในส่วนของน้อง ก็จะมีอีกมุมนึง และไม่ว่าอย่างไร หวังว่าสักวันนึงทั้ง 2 ท่าน จะรู้สึกขอบคุณกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ครับ ^_^
ความคิดเห็นที่ 70
เราคิดว่าเป็นเพราะนิสัยต่างกันมาก และไม่พูดกันตรงๆ อาจจะเพราะความที่ไม่สนิทด้วยแหละ จขกท.ดูเป็นคนจริงจัง คิดเล็กคิดน้อย มีระเบียบคิดว่าคนอื่นจะเข้าใจว่าอะไรคือสิ่งควรทำอะไรไม่ควรทำ ในรูปแบบของจขกท.เอง ส่วนน้องที่ไปด้วยดูง่ายๆ ทำตัวสบายๆ อาจจะเพื่อให้รู้สึกสนิทกันมากขึ้น แต่ดูจะสบายเกินไปหน่อยทำเหมือนไปเที่ยวกับเพื่อนที่โตมาด้วยกัน ทั้งๆที่ยังไม่ได้ศึกษานิสัยส่วนตัวของเค้าก่อน เรามีเพื่อนคล้ายๆจขกท.และตัวเราก็คล้ายๆกับน้องคนนั้นนิดหน่อย (แน่นอนว่าเรื่องกล้องกับรองเท้าเราไม่คิดจะทำนะ และเราเป็นคนวางแผนเที่ยวคร่าวๆกับดูแผนที่ก่อนเดินทางด้วย อิอิ)
1. ความเห็นแก่ตัว -เรื่องไม่ช่วยถือของเราว่าจขกท.เองก็อาจจะต้องพูดค่ะ พอไปคาดหวังน้ำใจแล้วไม่ได้รับเราเองก็รู้สึกแย่ แต่อีกฝ่ายก็อาจจะไม่รู้เหมือนกันว่าต้องการความช่วยเหลือ อาจจะคิดว่าก็เห็นถือได้อะไรแบบนั้น แต่เราเองก็ไม่เห็นภาพนะว่าของมันรุงรังขนาดไหน เรื่องดูทางเราว่ามันอาจจะเป็นเพราะไม่ตกลงกันให้ดี จขกท.ดูเป็นคนจริงจังมีระเบียบแต่น้องคนนั้นดูสบายๆมาก คิดอะไรเป็นเรื่องง่ายๆไปหมด น้องเห็นว่าจขกท.ดูเชี่ยวชาญไม่น่าเดือดร้อนตามๆเค้าไปแล้วกัน
2. กล้องถ่ายรูป - อันนี้จะไม่บอกว่าคนน้องผิดนะคะ จะบอกว่าไม่คิดถึงความรู้สึกคนอื่นค่ะ เค้าเอามาเค้าก็ต้องอยากใช้ค่ะ เราเอาอะไรมาก็เอาของตัวเองไปใช้ ถ้ารู้สึกว่ากล้องตัวเองไม่ดีของพี่เค้าดีกว่า ยังไงก็ต้องให้พี่เค้าถ่าย อาจจะมีบอกพี่ๆมุมนี่สวย ลองถ่ายแบบนี้มั้ย หรืออะไรก็ว่าไป ไม่ใช่ไปยึดของเค้ามาถ่ายเพราะบอกเค้าถ่ายไม่สวย
3. รองเท้า - รองเท้าถ้าไปไหนที่ต้องเดินเยอะๆ ไม่ควรยืมนะคะรองเท้าพังแน่ๆถึงจะของปลอมก็เถอะ อันนี้เป็นมารยาททั่วไปค่ะ
4. ค่าอาหาร - สำหรับเราอันนี้ว่าใครไม่ได้ ปกติถ้าเป็นเราไปเที่ยวกับเพื่อนก็จะเอาเงินกองกลางไว้แล้วกินด้วยกันตลอด น่าจะเป็นเพราะจขกท.กับน้องไม่คุยกันมากพอทำให้ไม่เข้าใจเรื่องการสั่งอาหารว่านี่เรากินด้วยกันนะหารครึ่งนะ ช่วยกันเลือกว่าอยากกินอะไร
เกาลัดนี่จขกท.น่าจะบอกว่ากินได้(รึเปล่าคะ) แต่จขกท.ซื้อมาคงจะคิดว่ากินได้แต่ไม่ใช่กินจนหมดแต่คงไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะไม่ได้สนิทกันคิดว่าคงมีความเกรงใจ แต่น้องดูเป็นคนกันเองมากเกินไปพี่บอกกินได้ก็กิน เหลืออยู่ไม่กินซะทีคงไม่กินแล้วมั้งก็ทิ้ง ---เรื่องเกาลัดนี่คิดเอาเองนะคะจากที่อ่าน
5. ของใช้ส่วนตัว ครีมทาผิว - เราคิดเหมือนกรณีเกาลัดเลยค่ะ ก็บอกใช้ด้วยกันได้ เรากับเพื่อนก็แบบนี้บอกว่าใช้ด้วยกันได้ก็คือใช้ด้วยกันได้ ถ้าเราบอกไปว่าใช้ได้แต่คาดว่าเค้าจะใช้นิดๆแล้วเกรงใจไปซื้อมาเอง อันนี้เป็นเรื่องนิสัยของคนจริงๆค่ะ อย่างเราบอกใช้ด้วยกันได้คือ เอาเลยแก เอาตามสบายเลย อะไรแบบนั้น ไม่ได้บอกจขกท.ผิดนะคะ แต่จะบอกว่านิสัยต่างกันเกินไป
6.ตารางเวลาท่องเที่ยว - จขกท.ส่งแพลนไปแต่น้องไม่ดูดีๆ ถ้าน้องคิดว่าตัวเองไม่ไหวควรจะท้วงติงแต่ก่อนไป ไม่ใช่เค้าแพลนมาให้แล้วดูผ่านๆพอถึงเวลาจะมาขัด การทำแบบนั้นมันทำให้บรรยากาศเสียค่ะ คนเค้าตั้งใจแพลนมาให้คิดว่าจะเป็นไปแบบนี้ๆแล้ว
ไม่เข้าข้างใครเลย เพราะคิดว่าต่างกันจนไม่น่าจะเริ่มต้นจากการเที่ยวค้างคืนด้วยกัน
* เพิ่มเติมเรื่องที่นอนค่ะ เหมือนคห.64 อาจจะเพราะตอนขอร่วมเตียงคือผิดใจกันแล้ว แต่ตั้งแต่คืนแรกจขกท.เองก็น่าจะรู้แล้วว่านอนข้างล่างอุ่นกว่า น่าจะชวนลงมานอนด้วยกัน จขกท.บอกว่าไม่ชอบร่วมเตียงกับใคร แต่เราว่าน่าจะพลิกตามสถานการณ์ได้นะคะ มีน้ำใจแบ่งที่อุ่นๆให้น้องบ้าง ถ้าไม่สบายใจจะร่วมเตียงกันสุดๆอาจจะบอกเออสลับกันนอนมั้ยเดี๋ยวคืนนี้เรานอนล่าง พรุ่งนี้น้องมานอนนะอะไรแบบนั้น
1. ความเห็นแก่ตัว -เรื่องไม่ช่วยถือของเราว่าจขกท.เองก็อาจจะต้องพูดค่ะ พอไปคาดหวังน้ำใจแล้วไม่ได้รับเราเองก็รู้สึกแย่ แต่อีกฝ่ายก็อาจจะไม่รู้เหมือนกันว่าต้องการความช่วยเหลือ อาจจะคิดว่าก็เห็นถือได้อะไรแบบนั้น แต่เราเองก็ไม่เห็นภาพนะว่าของมันรุงรังขนาดไหน เรื่องดูทางเราว่ามันอาจจะเป็นเพราะไม่ตกลงกันให้ดี จขกท.ดูเป็นคนจริงจังมีระเบียบแต่น้องคนนั้นดูสบายๆมาก คิดอะไรเป็นเรื่องง่ายๆไปหมด น้องเห็นว่าจขกท.ดูเชี่ยวชาญไม่น่าเดือดร้อนตามๆเค้าไปแล้วกัน
2. กล้องถ่ายรูป - อันนี้จะไม่บอกว่าคนน้องผิดนะคะ จะบอกว่าไม่คิดถึงความรู้สึกคนอื่นค่ะ เค้าเอามาเค้าก็ต้องอยากใช้ค่ะ เราเอาอะไรมาก็เอาของตัวเองไปใช้ ถ้ารู้สึกว่ากล้องตัวเองไม่ดีของพี่เค้าดีกว่า ยังไงก็ต้องให้พี่เค้าถ่าย อาจจะมีบอกพี่ๆมุมนี่สวย ลองถ่ายแบบนี้มั้ย หรืออะไรก็ว่าไป ไม่ใช่ไปยึดของเค้ามาถ่ายเพราะบอกเค้าถ่ายไม่สวย
3. รองเท้า - รองเท้าถ้าไปไหนที่ต้องเดินเยอะๆ ไม่ควรยืมนะคะรองเท้าพังแน่ๆถึงจะของปลอมก็เถอะ อันนี้เป็นมารยาททั่วไปค่ะ
4. ค่าอาหาร - สำหรับเราอันนี้ว่าใครไม่ได้ ปกติถ้าเป็นเราไปเที่ยวกับเพื่อนก็จะเอาเงินกองกลางไว้แล้วกินด้วยกันตลอด น่าจะเป็นเพราะจขกท.กับน้องไม่คุยกันมากพอทำให้ไม่เข้าใจเรื่องการสั่งอาหารว่านี่เรากินด้วยกันนะหารครึ่งนะ ช่วยกันเลือกว่าอยากกินอะไร
เกาลัดนี่จขกท.น่าจะบอกว่ากินได้(รึเปล่าคะ) แต่จขกท.ซื้อมาคงจะคิดว่ากินได้แต่ไม่ใช่กินจนหมดแต่คงไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะไม่ได้สนิทกันคิดว่าคงมีความเกรงใจ แต่น้องดูเป็นคนกันเองมากเกินไปพี่บอกกินได้ก็กิน เหลืออยู่ไม่กินซะทีคงไม่กินแล้วมั้งก็ทิ้ง ---เรื่องเกาลัดนี่คิดเอาเองนะคะจากที่อ่าน
5. ของใช้ส่วนตัว ครีมทาผิว - เราคิดเหมือนกรณีเกาลัดเลยค่ะ ก็บอกใช้ด้วยกันได้ เรากับเพื่อนก็แบบนี้บอกว่าใช้ด้วยกันได้ก็คือใช้ด้วยกันได้ ถ้าเราบอกไปว่าใช้ได้แต่คาดว่าเค้าจะใช้นิดๆแล้วเกรงใจไปซื้อมาเอง อันนี้เป็นเรื่องนิสัยของคนจริงๆค่ะ อย่างเราบอกใช้ด้วยกันได้คือ เอาเลยแก เอาตามสบายเลย อะไรแบบนั้น ไม่ได้บอกจขกท.ผิดนะคะ แต่จะบอกว่านิสัยต่างกันเกินไป
6.ตารางเวลาท่องเที่ยว - จขกท.ส่งแพลนไปแต่น้องไม่ดูดีๆ ถ้าน้องคิดว่าตัวเองไม่ไหวควรจะท้วงติงแต่ก่อนไป ไม่ใช่เค้าแพลนมาให้แล้วดูผ่านๆพอถึงเวลาจะมาขัด การทำแบบนั้นมันทำให้บรรยากาศเสียค่ะ คนเค้าตั้งใจแพลนมาให้คิดว่าจะเป็นไปแบบนี้ๆแล้ว
ไม่เข้าข้างใครเลย เพราะคิดว่าต่างกันจนไม่น่าจะเริ่มต้นจากการเที่ยวค้างคืนด้วยกัน
* เพิ่มเติมเรื่องที่นอนค่ะ เหมือนคห.64 อาจจะเพราะตอนขอร่วมเตียงคือผิดใจกันแล้ว แต่ตั้งแต่คืนแรกจขกท.เองก็น่าจะรู้แล้วว่านอนข้างล่างอุ่นกว่า น่าจะชวนลงมานอนด้วยกัน จขกท.บอกว่าไม่ชอบร่วมเตียงกับใคร แต่เราว่าน่าจะพลิกตามสถานการณ์ได้นะคะ มีน้ำใจแบ่งที่อุ่นๆให้น้องบ้าง ถ้าไม่สบายใจจะร่วมเตียงกันสุดๆอาจจะบอกเออสลับกันนอนมั้ยเดี๋ยวคืนนี้เรานอนล่าง พรุ่งนี้น้องมานอนนะอะไรแบบนั้น
แสดงความคิดเห็น
ถ้าคุณมีเพื่อนร่วมทริปแบบนี้ คุณจะทำอย่างไร
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเราเป็นคนนึงที่ชื่นชอบ ศลป. K-POP เป็นชีวิตจิตใจเอามากๆ ก็เลยทำให้เรารู้จักเพื่อนๆ และน้องๆผ่านทางโซเชียลเยอะ และนี่คือจุดกำเนิดของเรื่องค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า เรามีแพลนจะไปเที่ยวเกาหลีช่วงเดือนธันวาคม 2558 ก็เลยมีบอกน้องๆที่รู้จักไว้หลายคนว่า เออ พี่จะไปช่วงนี้นะสนป่าว เค้าก็สน และบอกว่ากำหนดวันแน่นอนแล้วบอกด้วย พอเราได้วันแล้วว่า 30 พย. - 6 ธค. ก็แชทเฟสบอกไป เค้าก็ตกลง แต่ต้องรอวันจองตั๋ว เพราะเค้าไม่มีเงิน เราก็เช็คกับทางสายการบิน แอร์เอเชีย เอ็กซ์ ว่าถ้าแยกจองจะได้บินด้วยกันมั๊ย? สรุปว่าได้ เราเช็คราคาแล้วถ้าเราจองเลยตอนนั้นเลยจะได้ราคาถูกกว่า และมันเหลือที่สุดท้าย ทั้งไปและกลับ จึงตัดสินใจจองไปก่อน เพราะจริงๆส่วนตัวตั้งใจอยู่แล้ว คนเดียวก็ไปได้ เพราะเราเคยไปคนเดียวมาแล้ว
หลังจากเราจองของเราไปได้ 7วัน น้องที่ว่าจะไปด้วยก็ทักมาว่า "จะโอนเงินตั๋วขาไปมาให้ก่อน แล้วขากลับค่อยจองทีหลัง ต้องเก็บเงินก่อน เราก็โอเคได้ นางก็โอนมาครบแบบพอดีเป๊ะ พอจองขาไปได้ เราก็ทำการจองห้องพัก เราจองแบบห้อง 3เตียงไป 6 วัน x 517 = 3100 / คน อันนี้จะหักจากบัตรเครดิตแม่เราก่อนไปพัก 7วัน เราก็บอกนางว่า "ให้โอนเงินค่าที่พักมาก่อนวันที่ 20 พย.นะ เพราะมันจะหักบัญชี"
ผ่านไป 10 วัน นางแชทมาบอกว่า "จองขากลับให้หน่อย เท่าไหร่" เราก็เช็คราคาให้แล้วบอกนางไป แต่เราคำนวณให้นางผิด นางจึงโอนมาขาดไปเกือบ 600.- เราบอกนางว่าที่ขาดไว้โอนตามมาพร้อมค่าที่พักละกัน
พอถึงวันโอนค่าที่พัก ก็ยังโอนมาขาดอีก 42.- และนางบอกว่าเงินหมด บช.แล้ว เราก็งั้นเด๋วมาจ่ายสดตอนเจอก็ได้
ก่อนเดินทาง 1อาทิตย์เราก็ปริ้นท์เอกสารทุกอย่างให้นาง เพราะทางสายการบินส่งมาทางเมลล์เรา และเราก็ทำโปรแกรมท่องเที่ยว และวิธีเดินทางไปด้วย
ซึ่งทุกอย่างเรากับนางจะมีคนละ 1ชุด เราส่งให้นางดูทางแชทเฟส นางบอกว่าไปไหนก็ได้ ไปได้หมด เราก็โอเคตามนี้
มาถึง สนบ.อินชอน พอผ่าน ตม.ได้ นางก็เอาเงินดอลล่าของนางไปแลก ได้มาประมาณ แสนกว่าวอน #เอิ่ม 7วันจะพอมั๊ย เราแอบคิด#
เราก็ออกมาเช่า Wi-fi กัน ที่นั่นเค้ารับเป็นแบบชำระบัตรเครดิตเพื่อจะได้มีหลักฐาน และมีค่าประกันเครื่อง 200,000วอน เราใช้บัตรเครดิตของเราทำเรื่องไป และมานั่งหารค่าใช้รายวันกัน 7วัน เป็นเงิน 51700วอน ตกคนละ 25850วอน รอบนี้นางจ่ายครบนะ
ขอข้ามมาถึงเรื่องสำคัญๆเลยนะคะ เอาเป็นเรื่องๆ
1. ความเห็นแก่ตัว - จุดนี้แค่ 3วันแรก เราก็เห็นจุดนี้ได้เลยจริงๆ นางไม่เคยแม้แต่จะช่วยเราดูแผนที หรือดูสถานีที่เดินทางอะไรเลย นางไม่มีการโหลดแอป Subway Korean เลยด้วยซ้ำ เช่น เมื่อวันที่ 2 ธค. มีฝนตกทั่วโซล เราจะไป EVERLAND กัน แต่เราหาทางไปขึ้นรถบัสไม่เจอ เพราะเราเองก็ไม่เคยไป มือนึงเราถือร่ม อีกมือถือโทรศัพ์เพื่อดูสายรถ แต่เราต้องดูแผนที่ด้วย นางไม่เคยจะมีน้ำใจช่วยเราถือของเลยด้วยซ้ำ จนเราต้องเอาของในมือวางลงกับพื้น แล้วค่อยเปิดหาแผนที่
2. กล้องถ่ายรูป
เรา - "แล้วกล้องตัวเองล่ะ"
นาง - "มันไม่ดี ไม่ได้เอามา"
เรา - "ตลกป่าว ของไม่ดี เอามาทำไม ตอนจะมาไม่เช็คของตัวเองหรอ ว่าใช้ได้รึป่าว แล้วหอบของเสียๆมางั้นหรอ"
นาง - (เงียบ) และเดินตามเราแบบเสียไม่ได้
3. รองเท้า
วันที่ 2 ของการเดินทาง ซื้อรองเท้าคู่ใหม่ค่ะ พอนางเห็นเราซื้อใหม่ นางก็จัดแจงมายืมคู่เก่าเรา แต่นางบอกว่า "นางจะซื้อใหม่เหมือนกัน ขอยืมวันนึง" เราก็ให้ค่ะ แต่พอนางซื้อใหม่ ก็ยังจะมายืมของเราอีก เราเลยบอกนางว่า "ใส่ของใหม่ไปเหอะ เราเดินเยอะมากนะ เด๋วของพี่พัง" นางยังมีหน้าบอกอีกนะว่า "แหมพี่ ของปลอม คู่เท่าไหร่เอง ถ้าพังเด๋วซื้อคืน" #เอิ่มมม คืนเงินที่ติดไว้ก่อนดีกว่าปะ#
4. ค่าอาหาร
ไปแบบนี้ กินด้วยกัน ก็ควรจ่ายเท่าๆกัน หรือไม่ก็ ของใครของมันถูกมั๊ยคะ แต่กับนางไม่ค่ะ ถ้าอาหารที่เราพอไปกินไม่โดนนาง เราจะให้นางจ่ายน้อยกว่าค่ะ และให้นางจ่ายส่วนที่นางสั่งเพิ่มมากินคนเดียวค่ะ แต่ถ้ามีการลดราคาจากเจ้าของร้านอาหารที่เราไปกิน ส่วนลดนั่น นางเก็บเข้ากระเป๋าตัวเองค่ะ และถ้าอะไรที่บอกว่าจะหารกัน แต่เราสำรองจ่ายไปก่อน นางจะตีมึนค่ะ และไม่จ่าย เช่น เกาลัด นางไม่จ่าย และกินจนหมด #เราคนจ่าย กินไป 3เม็ด#
5. ของใช้ส่วนตัว
ครีมทาผิว - นางบ่นๆๆๆ ผิวแห้งค่ะ แต่ไม่เอาครีมมา และไม่ซื้อ เราเห็นว่า เราก็ต้องซื้อเหมือนกัน เลยบอกนางว่า "ใช้ของพี่ก็ได้" จนถึงวันที่นางเริ่มออกอาการไม่พอใจเราเรื่องกล้อง แต่นางก็ยังเอาของเราไปใช่นะ หยิบของเราเข้าห้องน้ำไปหน้าตาเฉย จุดนั้นอึ้งคับ พูดไม่ออก
6.ตารางเวลาท่องเที่ยว
เราจัดตารางท่องเที่ยวเต็มวันทุกวันนะ ออกเช้า กลับดึก วันแรกที่ไปถึง 2ทุ่ม นางร้องกลับที่พักค่ะ เราก็เข้าใจ คงนั่งเครื่องเหนื่อย แต่พอวันต่อมา ก็ยังเป็นเหมือนเดิมอีก ร้องกลับที่พัก คือเราอยากเที่ยวอะ อยากไปอีก วันที่ 3 กลับดึกหน่อย 4ทุ่มและวันที่ 4 คืนนั้น
เช้าวันที่ 5 ของทริป นางทำอย่างที่นางทวิตค่ะ เพราะปกติ ถ้าเราตื่นออกจากห้องน้ำมานางจะเข้าต่อเราเลย แบบไม่ต้องมานั่งเรียก นั่งปลุก แต่วันนี้ นางไม่ลุกค่ะ เราเปิดไฟสว่างจ้าตรงที่นอนนาง #ที่พักเป็นเตียง 2ชั้น นางนอนชั้นบนค่ะ# นางก็ยังไม่ลุก จนเราแต่งตัวเสร็จ ก็ไม่ลุกค่ะ พอดีกับที่มีน้องที่ไทย เจอทวิตนางอันเมื่อคืน ก็เลยแคปส่งมาให้เรา เราถึงบางอ้อเลยค่ะ ไม่ลุกเพราะแบบนี้เอง ก็จบค่ะ ไม่ไป เราออกเลย แต่ค่ะแต่ นางกลับเอาเราไปด่าในทวิตค่ะ #เรารู้เพราะมีน้องแคปส่งมาให้เราเช่นกัน#
และหลังจากวันนั้น นางก็ไปเที่ยวกับคนอื่น ที่บังเอิญเป็นคนไทยและมาพักที่เดียวกัน เราก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะเราก็ทนกับพฤติกรรมที่ผ่านมา 4วันไม่ไหวเช่นกัน 3 วันที่เหลือเราเที่ยวคนเดียวค่ะ จนวันกลับ
ถามเพื่อนๆนะคะ ถ้าเจอแบบเรา จะทำยังไงกันคะ?