คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ถ้าไม่มีอะไรเกินเลย ก้ไม่น่าผิดนะ
มันเหมือนกับเจอคนที่ใช่ในวันที่ตัวเองมีเจ้าของมั้ง ชอบแต่เป็นมากกว่านั้นไม่ได้
เราว่าสองคนนั้นเขาน่าจะเข้าใจกันนะ ผู้หญิงก็กล้าบอกว่าตัวเองมีแฟน ผู้ชายก็รักนะทั้งๆที่รู้ว่าเค้ามีแฟน
ผู้หญิงก็ไม่คิดจะเลิกกับแฟน ส่วนผู้ชายก้ไม่คิดจะแย่งมา
เราว่าความสัมพันธ์แบบนี้เขาสองคนจะต้องเข้าใจกันมากๆ
อาจเป็นเพราะเจอกันในวันที่สายไป
มันเหมือนมิตรภาพที่คนนอกไม่น่าจะเข้าใจ
เราว่าตราบใดที่เขาไม่ได้ทำอะไรเกินเลย ก็ไม่น่าจะผิดอะไร
ความสัมพันธ์แบบนี้สุดท้ายมันจะจบตรงที่ เค้าจะตกลงกันในสักวัน ว่าควรพอ เพราะถ้าคุยกันต่อไปจะต้องชอบกันมากกว่านี้แน่ๆ
แล้วมันก็จะจบเมื่อวันหนึ่ง ผู้ชายรู้แล้วว่าต่อให้คุยต่อไปก็ไม่ได้เป้นเจ้าของ แล้วค่อยๆห่างออกมาช้าๆ
ผู้หญิงก็จะต้องเลิกคุย เพราะวันหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นเดี๋ยวก็มีแฟน
ความสัมพันธ์คลุมเครือแบบนี้มันคุยกันได้ไม่นานหรอก
เราคนนอกก็ตัดสินอะไรเขาไม่ได้
มันเหมือนกับเจอคนที่ใช่ในวันที่ตัวเองมีเจ้าของมั้ง ชอบแต่เป็นมากกว่านั้นไม่ได้
เราว่าสองคนนั้นเขาน่าจะเข้าใจกันนะ ผู้หญิงก็กล้าบอกว่าตัวเองมีแฟน ผู้ชายก็รักนะทั้งๆที่รู้ว่าเค้ามีแฟน
ผู้หญิงก็ไม่คิดจะเลิกกับแฟน ส่วนผู้ชายก้ไม่คิดจะแย่งมา
เราว่าความสัมพันธ์แบบนี้เขาสองคนจะต้องเข้าใจกันมากๆ
อาจเป็นเพราะเจอกันในวันที่สายไป
มันเหมือนมิตรภาพที่คนนอกไม่น่าจะเข้าใจ
เราว่าตราบใดที่เขาไม่ได้ทำอะไรเกินเลย ก็ไม่น่าจะผิดอะไร
ความสัมพันธ์แบบนี้สุดท้ายมันจะจบตรงที่ เค้าจะตกลงกันในสักวัน ว่าควรพอ เพราะถ้าคุยกันต่อไปจะต้องชอบกันมากกว่านี้แน่ๆ
แล้วมันก็จะจบเมื่อวันหนึ่ง ผู้ชายรู้แล้วว่าต่อให้คุยต่อไปก็ไม่ได้เป้นเจ้าของ แล้วค่อยๆห่างออกมาช้าๆ
ผู้หญิงก็จะต้องเลิกคุย เพราะวันหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นเดี๋ยวก็มีแฟน
ความสัมพันธ์คลุมเครือแบบนี้มันคุยกันได้ไม่นานหรอก
เราคนนอกก็ตัดสินอะไรเขาไม่ได้
แสดงความคิดเห็น
รู้สึกผิดกับแฟนบ้างไหมคะ เวลาที่คุยแล้วให้ความหวังกับคนอื่นอีก
A มีแฟนแล้วนะคะ มีเป็นตัวเป็นตน แต่ก็ยังคุยโทรศัพท์กับ B(นามสมมุติผู้ชายที่ A คุยด้วย) แบบคุยเล่นกันมากกว่าชั่วโมง แต่กับแฟนAไม่คุยเล่นกันนานขนาดนี้ แล้ว B ก็รู้นะว่า A มีแฟนอยู่แล้ว แต่ก็คุยด้วยกัน จีบกันงี้ ที่สำคัญ B ก็มีแฟนอยู่แล้วด้วย
เลยสงสัยว่าทั้ง A และ B ไม่รู้สึกผิดกับแฟนตัวเองมั้งหรอคะ..
ปล.จะว่า