นั่งดูตอนจบ “รัตนาวดี” รอบ 2 ด้วยความอาลัยรักอย่างยิ่ง
ต่อแต่นี้ จะไม่ได้ยินเสียงทุ้ม นุ่ม อ่อนโยนของนายเล็ก
ที่เรียกขาน “ท่านหญิง ท่านหญิงกระหม่อม” อีกต่อไปแล้ว
ทอดถอนใจอย่างหน่วงหนัก น้ำตาจะหยด
หญิงรัก “รัตนาวดี” รักท่านดนัย รักท่านหญิง รักศรีคำรุ้ง รักเหลือเกิน
เป็นละครเรื่องแรก ที่ทำให้ดิชั้นดูฉากคุกเข่าขอแต่งงานได้ อย่างซาบซึ้งตรึงใจ
ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าตัวเองจะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้
“รัตนาวดี” ละครที่ทำน้อยได้มาก ละครรักโรแมนติกชวนฝัน แต่กลับมีความเป็นธรรมชาติ และสมจริงมากที่สุด
นอกเหนือจากความดีเด่นในเรื่องคุณภาพการผลิตอะไรต่างๆ ที่เราได้พูดชื่นชมกันมาเยอะแล้ว
แล้วก็รู้สึกว่าทำไมยังพูดไม่หมดซะที
แต่ก็ยังมีจุดเด่นใหญ่ๆ อีกอย่างน้อย 2 จุด ที่เราท่านต่างก็เห็นกันมานานแล้ว และชื่นชมกันมาตลอดที่ดูเรื่องนี้
คือการ “ทำน้อยได้มาก” และ “ความเป็นธรรมชาติ สมจริง”
ทำน้อยได้มาก พูดง่าย ฟังดูเกร๋ แต่ไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ
ปกติเคยเห็นแต่ละครที่ทำมากได้น้อย เว่อร์วังเกินเหตุ ไร้ความสมจริง เฟค ประดิษฐ์ ดัดจริต
นอกเหนือจากบทที่เขียนได้ดีมาก บทพูดเข้าปากตัวละครอย่างเป็นธรรมชาติ
จนเหมือนพูดออกมาจากตัวเอง ไม่ได้พูดตามบทแล้ว
“รัตนาวดี” เป็นละครที่ใช้อวัจนภาษา มากที่สุดเรื่องหนึ่งที่เคยเห็นมา
ทำให้ละครทำน้อยแต่ได้มาก มีความเป็นธรรมชาติและสมจริง
เพราะในความเป็นจริง คนเราสื่อสารกัน ไม่ใช่แค่ด้วยคำพูดอย่างเดียว
“รัตนาวดี” ใช้ภาษาสายตา ภาษากาย ภาษาท่าทาง ได้อย่างน่าทึ่ง
และยังใช้ภาษาหนัง ภาษาภาพ ตามอย่างที่ละครควรจะเป็น
โดยเฉพาะละครที่สร้างจากหนังสือ ตัวหนังสือในนิยาย ควรถูกแปรให้เป็นภาษาภาพให้มากที่สุด
เพราะละครไม่ใช่หนังสือ จะให้ตัวละครมานั่งพูดๆๆๆ ความในใจอย่างเดียว มันใช่หรือ
การเขียนบทของ “รัตนาวดี” เป็นการเขียนบทที่สมเหตุสมผลและสมจริง
ทำให้ละครรักโรแมนติกชวนฝันที่จบแบบแฮปปี้ เอนดิ้ง ราวกับเทพนิยายสวยงาม ที่เกินกว่าจะเป็นจริง
กลับดูจับต้องได้ ดูสมจริง ดูเหมือนเป็นไปได้ในความเป็นจริง
ฝีมือการเขียนบท ทำให้การกระทำของตัวละครมีเหตุมีผล มีที่มาที่ไป ทำไมถึงทำอย่างนั้นอย่างนี้
ทำให้เราเชื่อ คล้อยตาม และเข้าใจ
และนี่คือเหตุผลที่ทำให้
กรรณ กับ ญีน่า สอบผ่านการแคสต์ มารับบทท่านดนัย กับท่านหญิงรัตน หรือเปล่า
2 คนนี้คือ เล่นน้อยแต่ได้มาก มีความเป็นธรรมชาติสูงมาก
เป็นคนมีเสน่ห์ส่วนตัวสูงโดยธรรมชาติ มีรอยยิ้มที่เห็นแล้วน่าตื่นตะลึงน่าหลงใหล
เป็นจุดเด่นที่มาพ้องกันได้อย่างประหลาด
และการแสดงของทั้งสองก็เป็นธรรมชาติมากๆ
ซึ่งต้องเป็นเพราะคุณผู้กำกับคนเก่ง และแอ๊คติ้งโคช อย่างแน่นอน
ดูจากเบื้องหลังจะเห็นว่า คุณผู้กำกับอธิบายอินเนอร์ให้นักแสดงเข้าใจว่า
บทตอนนั้นๆ อินเนอร์คืออะไร เพื่อที่จะได้แสดงออกมาจากอินเนอร์นั้น
อย่างที่ กรรณ บอกว่า แสดงออกมาจากอารมณ์ข้างใน
การใช้สายตา การใช้ภาษาท่าทางของ กรรณ กับ ญีน่า คือเยี่ยมมาก
มันจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ทุกคนพูดตรงกันว่า นี่คือท่านดนัยกับท่านหญิงรัตน ที่เหมือนเดินออกมาจากหนังสือ
ก่อนดูตอนจบวันนี้ ยังนึกว่าตัวเองจะรอดมั้ย จะทนดูได้มั้ย ฉากท่านดนัยคุกเข่าขอแต่งงาน
เพราะอิจฉาท่านหญิง ก๊าก ไม่ใช่ เพราะกลัวจะเฟค เหมือนละครเรื่องอื่นๆ ที่เคยดู
ถึงจะเป็น กรรณ กับ ญีน่า แสดงก็เถอะ
ไม่ชอบดูละครโรแมนติกเพราะฉากพวกนี้แหละ (แกรอิจฉาเขาล่ะเซ้ ชีวิตจริงน่ะมีบ้างมั้ย กร๊าก )
ทนดูไม่ได้ เพราะดูแล้วรู้สึกว่ามัน “เฟค” มันดูประดิษฐ์ๆ เลี่ยนๆ เอียนๆ (อย่าอย่า องุ่นเปรี้ยวล่ะสิแกร 55)
แต่ตอนจบของ “รัตนาวดี” กลับเขียนได้เป็นธรรมชาติมาก สมจริง ไม่เฟค
ทั้งๆ ที่เราก็รู้ตอนจบของเรื่องกันอยู่แล้วทุกคน แถมเป็นตอนจบที่ดูเหมือนจะเป็นแพทเทิร์นของละครแนวนี้ด้วยซ้ำ
(ดิชั้นคิดเอาเองนะ ไม่รู้ว่าถูกหรือผิด ว่า “รัตนาวดี” ซึ่งมีอายุ 50+
น่าจะถือว่าเป็นงานระดับ original ชิ้นหนึ่งของละครแนวนี้หรือเปล่า
เป็นแรงบันดาลใจให้งานรุ่นหลังๆ หลายเรื่อง ที่เป็นแนวนี้หรือเปล่า)
การเปิดเผยการหลอกลวง ความโกรธที่ถูกหลอก ให้เหมือนตัวตลก เหมือนคนโง่
การตามง้องอน มีการใส่ flash back และฉากที่ดิชั้นกลัวที่สุด ฉากคุกเข่าขอแต่งงาน
ตอนจบของรัตนาวดี ก็มีทุกอย่างที่พูดมานี่แหละ ก็เหมือนละครแนวนี้ทั่วไป
แต่สิ่งที่ไม่เหมือนคือ ทุกอย่างถูกใส่เข้ามาอย่างมีเหตุผลสมควรที่จะใส่
ชอบการใช้
flash back ของ “รัตนาวดี” มาก ตั้งแต่ตอนก่อนๆ แล้ว โดยเฉพาะในตอนจบวันนี้
flash back ไม่ได้ใส่เข้ามาเพื่อ “ยืด” เรื่องให้มันหมดเวลาพอดี เหมือนที่เคยเห็นทำๆ กันมา
ไม่ได้ใส่เข้ามาให้เป็นแค่ MV
ไม่ได้ใส่เข้ามาอย่างไร้สาเหตุ
แต่ใส่เข้ามาเพื่อ “อธิบาย” สิ่งที่ผ่านมาทั้งหมดตั้งแต่เริ่มเรื่อง จนนำมาถึงตอนจบ
ท่านหญิง flash back ถึงตอนที่นายเล็กพูดว่า “กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูล” ซึ่งดิชั้นนับได้ถึง 8 ครั้ง
ทำให้ท่านหญิงเห็นจริงตามคำขอโทษของท่านพี่ ว่าทรงมีความตั้งใจที่จะสารภาพจริงๆ
ฉากท่านหญิงเล่นเปียโนจนจบทั้งเพลง ไม่ได้รู้สึกว่าใส่เข้ามาเพื่อยืดเลย
เพราะว่ามีท่านดนัยที่แต่งโก้สุดจะหล่อ ยืนอมยิ้มหวานฟังแบบลืมหายใจ
ดีทัยที่รู้ว่าท่านน้องหายกริ้ว ยกโทษให้ท่านแล้ว
ฉากนี้ท่านดนัยยิ้มทั้งปากทั้งตาประกายตาระยิบระยับจับหัวใจ
เหมือนจะทรงทอดเนตรเห็นหางแถวติ่งวินเทจที่อยู่แถวดาวพลูโต กร๊าก
ท่านหญิงยกโทษให้ท่านดนัย หลังจากอ่านจดหมายขอโทษของท่านพี่
ซึ่งอธิบายสาเหตุที่มาที่ไปทุกอย่าง อย่างมีเหตุผล ที่ทำให้ท่านต้องรับสมอ้างเป็นมหาดเล็กของตัวเองอย่างไม่ตั้งใจ
ท่านหญิงไม่โกรธจนเกินไป ไม่งอนจนเกินงาม โกรธวิมล แต่ก็ไม่พาลไปถึงนพ
ท่านหญิงเป็นคนมีเหตุผล จดหมายขอโทษของท่านพี่ ซึ่งเต็มไปด้วยเหตุผล จึงได้รับการรับฟังจากท่านหญิง
ในรอบหลายๆ ปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีละครเรื่องไหน
ที่กำใจ กินใจ ลึกเข้าไปถึงส่วนลึกของหัวใจดิชั้นได้เท่า “รัตนาวดี” มาก่อน
สำหรับส่วนตัวดิชั้น ขอยกให้ “รัตนาวดี” เป็นละครอันดับ 1 ในดวงใจตลอดกาล
และตอนจบ “รัตนาวดี” เป็นตอนจบละครที่ดีที่สุด ที่ดิชั้นเคยดูมาในชีวิตนี้
ฉากรักแรกพบ กับฉากคุกเข่าขอแต่งงาน เป็นฉากที่ดีงามที่สุด ในละครทุกเรื่องที่ได้ดูมาในชีวิตนี้
รัก “รัตนาวดี” รักท่านดนัย รักท่านหญิง รักศรีคำรุ้ง รักเหลือเกิน
จากใจคนที่เกลียดละครโรแมนติกมากที่สุด
และเกลียดท่านดนัยมากที่สุด เกลียดเหลือเกิน
(ความระหว่างบรรทัด : โบราณว่า ผู้หญิงเกลียด แปลว่าผู้หญิงรัก
และเกลียดอะไร ก็มักจะได้อย่างนั้น กร๊าก)
ท่านหญิง ท่านหญิงกระหม่อม เดี๋ยวเถอะ นายเล็ก
ต่อแต่นี้ จะไม่ได้ยินเสียงทุ้ม นุ่ม อ่อนโยนของนายเล็ก
ที่เรียกขาน “ท่านหญิง ท่านหญิงกระหม่อม” อีกต่อไปแล้ว
ทอดถอนใจอย่างหน่วงหนัก น้ำตาจะหยด
หญิงรัก “รัตนาวดี” รักท่านดนัย รักท่านหญิง รักศรีคำรุ้ง รักเหลือเกิน
เป็นละครเรื่องแรก ที่ทำให้ดิชั้นดูฉากคุกเข่าขอแต่งงานได้ อย่างซาบซึ้งตรึงใจ
ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าตัวเองจะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้
“รัตนาวดี” ละครที่ทำน้อยได้มาก ละครรักโรแมนติกชวนฝัน แต่กลับมีความเป็นธรรมชาติ และสมจริงมากที่สุด
นอกเหนือจากความดีเด่นในเรื่องคุณภาพการผลิตอะไรต่างๆ ที่เราได้พูดชื่นชมกันมาเยอะแล้ว
แล้วก็รู้สึกว่าทำไมยังพูดไม่หมดซะที
แต่ก็ยังมีจุดเด่นใหญ่ๆ อีกอย่างน้อย 2 จุด ที่เราท่านต่างก็เห็นกันมานานแล้ว และชื่นชมกันมาตลอดที่ดูเรื่องนี้
คือการ “ทำน้อยได้มาก” และ “ความเป็นธรรมชาติ สมจริง”
ทำน้อยได้มาก พูดง่าย ฟังดูเกร๋ แต่ไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ
ปกติเคยเห็นแต่ละครที่ทำมากได้น้อย เว่อร์วังเกินเหตุ ไร้ความสมจริง เฟค ประดิษฐ์ ดัดจริต
นอกเหนือจากบทที่เขียนได้ดีมาก บทพูดเข้าปากตัวละครอย่างเป็นธรรมชาติ
จนเหมือนพูดออกมาจากตัวเอง ไม่ได้พูดตามบทแล้ว
“รัตนาวดี” เป็นละครที่ใช้อวัจนภาษา มากที่สุดเรื่องหนึ่งที่เคยเห็นมา
ทำให้ละครทำน้อยแต่ได้มาก มีความเป็นธรรมชาติและสมจริง
เพราะในความเป็นจริง คนเราสื่อสารกัน ไม่ใช่แค่ด้วยคำพูดอย่างเดียว
“รัตนาวดี” ใช้ภาษาสายตา ภาษากาย ภาษาท่าทาง ได้อย่างน่าทึ่ง
และยังใช้ภาษาหนัง ภาษาภาพ ตามอย่างที่ละครควรจะเป็น
โดยเฉพาะละครที่สร้างจากหนังสือ ตัวหนังสือในนิยาย ควรถูกแปรให้เป็นภาษาภาพให้มากที่สุด
เพราะละครไม่ใช่หนังสือ จะให้ตัวละครมานั่งพูดๆๆๆ ความในใจอย่างเดียว มันใช่หรือ
การเขียนบทของ “รัตนาวดี” เป็นการเขียนบทที่สมเหตุสมผลและสมจริง
ทำให้ละครรักโรแมนติกชวนฝันที่จบแบบแฮปปี้ เอนดิ้ง ราวกับเทพนิยายสวยงาม ที่เกินกว่าจะเป็นจริง
กลับดูจับต้องได้ ดูสมจริง ดูเหมือนเป็นไปได้ในความเป็นจริง
ฝีมือการเขียนบท ทำให้การกระทำของตัวละครมีเหตุมีผล มีที่มาที่ไป ทำไมถึงทำอย่างนั้นอย่างนี้
ทำให้เราเชื่อ คล้อยตาม และเข้าใจ
และนี่คือเหตุผลที่ทำให้ กรรณ กับ ญีน่า สอบผ่านการแคสต์ มารับบทท่านดนัย กับท่านหญิงรัตน หรือเปล่า
2 คนนี้คือ เล่นน้อยแต่ได้มาก มีความเป็นธรรมชาติสูงมาก
เป็นคนมีเสน่ห์ส่วนตัวสูงโดยธรรมชาติ มีรอยยิ้มที่เห็นแล้วน่าตื่นตะลึงน่าหลงใหล
เป็นจุดเด่นที่มาพ้องกันได้อย่างประหลาด
และการแสดงของทั้งสองก็เป็นธรรมชาติมากๆ
ซึ่งต้องเป็นเพราะคุณผู้กำกับคนเก่ง และแอ๊คติ้งโคช อย่างแน่นอน
ดูจากเบื้องหลังจะเห็นว่า คุณผู้กำกับอธิบายอินเนอร์ให้นักแสดงเข้าใจว่า
บทตอนนั้นๆ อินเนอร์คืออะไร เพื่อที่จะได้แสดงออกมาจากอินเนอร์นั้น
อย่างที่ กรรณ บอกว่า แสดงออกมาจากอารมณ์ข้างใน
การใช้สายตา การใช้ภาษาท่าทางของ กรรณ กับ ญีน่า คือเยี่ยมมาก
มันจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ทุกคนพูดตรงกันว่า นี่คือท่านดนัยกับท่านหญิงรัตน ที่เหมือนเดินออกมาจากหนังสือ
ก่อนดูตอนจบวันนี้ ยังนึกว่าตัวเองจะรอดมั้ย จะทนดูได้มั้ย ฉากท่านดนัยคุกเข่าขอแต่งงาน
เพราะอิจฉาท่านหญิง ก๊าก ไม่ใช่ เพราะกลัวจะเฟค เหมือนละครเรื่องอื่นๆ ที่เคยดู
ถึงจะเป็น กรรณ กับ ญีน่า แสดงก็เถอะ
ไม่ชอบดูละครโรแมนติกเพราะฉากพวกนี้แหละ (แกรอิจฉาเขาล่ะเซ้ ชีวิตจริงน่ะมีบ้างมั้ย กร๊าก )
ทนดูไม่ได้ เพราะดูแล้วรู้สึกว่ามัน “เฟค” มันดูประดิษฐ์ๆ เลี่ยนๆ เอียนๆ (อย่าอย่า องุ่นเปรี้ยวล่ะสิแกร 55)
แต่ตอนจบของ “รัตนาวดี” กลับเขียนได้เป็นธรรมชาติมาก สมจริง ไม่เฟค
ทั้งๆ ที่เราก็รู้ตอนจบของเรื่องกันอยู่แล้วทุกคน แถมเป็นตอนจบที่ดูเหมือนจะเป็นแพทเทิร์นของละครแนวนี้ด้วยซ้ำ
(ดิชั้นคิดเอาเองนะ ไม่รู้ว่าถูกหรือผิด ว่า “รัตนาวดี” ซึ่งมีอายุ 50+
น่าจะถือว่าเป็นงานระดับ original ชิ้นหนึ่งของละครแนวนี้หรือเปล่า
เป็นแรงบันดาลใจให้งานรุ่นหลังๆ หลายเรื่อง ที่เป็นแนวนี้หรือเปล่า)
การเปิดเผยการหลอกลวง ความโกรธที่ถูกหลอก ให้เหมือนตัวตลก เหมือนคนโง่
การตามง้องอน มีการใส่ flash back และฉากที่ดิชั้นกลัวที่สุด ฉากคุกเข่าขอแต่งงาน
ตอนจบของรัตนาวดี ก็มีทุกอย่างที่พูดมานี่แหละ ก็เหมือนละครแนวนี้ทั่วไป
แต่สิ่งที่ไม่เหมือนคือ ทุกอย่างถูกใส่เข้ามาอย่างมีเหตุผลสมควรที่จะใส่
ชอบการใช้ flash back ของ “รัตนาวดี” มาก ตั้งแต่ตอนก่อนๆ แล้ว โดยเฉพาะในตอนจบวันนี้
flash back ไม่ได้ใส่เข้ามาเพื่อ “ยืด” เรื่องให้มันหมดเวลาพอดี เหมือนที่เคยเห็นทำๆ กันมา
ไม่ได้ใส่เข้ามาให้เป็นแค่ MV
ไม่ได้ใส่เข้ามาอย่างไร้สาเหตุ
แต่ใส่เข้ามาเพื่อ “อธิบาย” สิ่งที่ผ่านมาทั้งหมดตั้งแต่เริ่มเรื่อง จนนำมาถึงตอนจบ
ท่านหญิง flash back ถึงตอนที่นายเล็กพูดว่า “กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูล” ซึ่งดิชั้นนับได้ถึง 8 ครั้ง
ทำให้ท่านหญิงเห็นจริงตามคำขอโทษของท่านพี่ ว่าทรงมีความตั้งใจที่จะสารภาพจริงๆ
ฉากท่านหญิงเล่นเปียโนจนจบทั้งเพลง ไม่ได้รู้สึกว่าใส่เข้ามาเพื่อยืดเลย
เพราะว่ามีท่านดนัยที่แต่งโก้สุดจะหล่อ ยืนอมยิ้มหวานฟังแบบลืมหายใจ
ดีทัยที่รู้ว่าท่านน้องหายกริ้ว ยกโทษให้ท่านแล้ว
ฉากนี้ท่านดนัยยิ้มทั้งปากทั้งตาประกายตาระยิบระยับจับหัวใจ
เหมือนจะทรงทอดเนตรเห็นหางแถวติ่งวินเทจที่อยู่แถวดาวพลูโต กร๊าก
ท่านหญิงยกโทษให้ท่านดนัย หลังจากอ่านจดหมายขอโทษของท่านพี่
ซึ่งอธิบายสาเหตุที่มาที่ไปทุกอย่าง อย่างมีเหตุผล ที่ทำให้ท่านต้องรับสมอ้างเป็นมหาดเล็กของตัวเองอย่างไม่ตั้งใจ
ท่านหญิงไม่โกรธจนเกินไป ไม่งอนจนเกินงาม โกรธวิมล แต่ก็ไม่พาลไปถึงนพ
ท่านหญิงเป็นคนมีเหตุผล จดหมายขอโทษของท่านพี่ ซึ่งเต็มไปด้วยเหตุผล จึงได้รับการรับฟังจากท่านหญิง
ในรอบหลายๆ ปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีละครเรื่องไหน
ที่กำใจ กินใจ ลึกเข้าไปถึงส่วนลึกของหัวใจดิชั้นได้เท่า “รัตนาวดี” มาก่อน
สำหรับส่วนตัวดิชั้น ขอยกให้ “รัตนาวดี” เป็นละครอันดับ 1 ในดวงใจตลอดกาล
และตอนจบ “รัตนาวดี” เป็นตอนจบละครที่ดีที่สุด ที่ดิชั้นเคยดูมาในชีวิตนี้
ฉากรักแรกพบ กับฉากคุกเข่าขอแต่งงาน เป็นฉากที่ดีงามที่สุด ในละครทุกเรื่องที่ได้ดูมาในชีวิตนี้
รัก “รัตนาวดี” รักท่านดนัย รักท่านหญิง รักศรีคำรุ้ง รักเหลือเกิน
จากใจคนที่เกลียดละครโรแมนติกมากที่สุด
และเกลียดท่านดนัยมากที่สุด เกลียดเหลือเกิน
(ความระหว่างบรรทัด : โบราณว่า ผู้หญิงเกลียด แปลว่าผู้หญิงรัก
และเกลียดอะไร ก็มักจะได้อย่างนั้น กร๊าก)