สวัสดีค่ะทุกคน -/\-
นี่เป็นกระทู้ที่2 ที่เขียนต่อเนื่องมาจากกระทู้นี้ค่ะ กระทู้แรกเป็นเรื่องราวเหตุการณ์ที่เราบังเอิญเจอกันค่ะ จนได้มาเป็นเพื่อนสนิทกันถึงตอนนี้
http://pantip.com/topic/34454760
15.00 น. เราสองคนออกเดินทางจากสารคามเพื่อต่อรถไปลงขอนแก่นค่ะ ค่าโดยสารจากสารคามไปขอนแก่นคนละ 48 บาท ใช้เวลาอยู่บนรถทัวร์เกือบๆ2 ชั่วโมง พอไปถึงขอนแก่นก็เกือบๆเย็นแล้ว บอกก่อนว่ามาภูกระดึงครั้งเราไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาเลยจริงๆ เสื้อผ้าเราเอาไปแค่2ชุด T^T เพราะตอนแรกก่อนที่จะมาเราคิดว่าจะบนภูกระดึงไม่มีอะไรแค่ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นแล้วก็ลงภูเลยคิดว่าไปนอนแค่หนึ่งคืนก็คงพอแล้วเพราะแผนต่อไปคิดไว้ว่าจะไปเชียงคานต่อ มาๆ เข้าเรื่อง 5555 พอไปถึงขอนแก่นก็ไปซื้อตั๋ว พนง.ถามว่าไปไหน เราบอกว่าไป "เลย" ค่ะ 2 คน ก็โดนไปคนละ 127บาท โจโน่บอกทำไมแพงจัง ฮ่าๆ เราก็เลยบอกว่าสงสัยมันคงไกลมั้ง ฮ่าๆ เราก็ซื้อขนมนมเนยไว้กินบนรถนั่นแหละ ที่นั่งบนรถแคบมากจนโจโน่บอกว่าไม่มีที่ให้เหยียดขาเลย ฮ่า น่าสงสารก็สงสาร ต่อจากนั้นเราสองคนก็สลบค่ะ นอนเอาหัวพิงกันนานอยู่พอสมควร เราก็ตื่นแหละเพราะรู้สึกเมื่อยตัวพอหันไปมองดูโจโน่นางหลับเป็นตายเลยค่ะ ฮ่าๆ กลัวนางจะคอหักเราก็เลยดึงผ้าขนหนูออกมาจากกระเป๋าแล้วเอาไปรองคอนาง

แอบถ่ายมา 5555555555 จริงๆมีหลายรูป แต่รูปนี้โอเคสุดละ ฮ่าๆ ๆ
เวลาก็เดินผ่านไป พระอาทิตย์ก็ค่อยลับขอบฟ้าเรื่อยๆ ประมาณหกโมงเย็น นางก็ตื่นเราสองคนก็เลยคุยกันเรื่องแผนที่จะไป โจโน่ก็ดูแผนที่ตามประสาของนางซักพัก โจโน่สะกิดแขนเราแล้วก็ถามว่า "เฮ้ๆ ดูนี่สิ เนี่ยภูกระดึงมันอยู่ถึงก่อนจะเข้าเมืองเลยนะ" เราก็บอก เออ จริงด้วยอ่ะ เรานี่เอ๋อไปเลย ฮ่าๆ เราก็เลยถามว่า สรุปจะเอายังไง จะไปนอนที่ไหนดีละคืนนี้ ถ้าจะเข้าไปนอนในตัวเมืองแล้วย้อนกลับมาที่ภูมันก็โคตรไกลเลยนะ ตอนนั้นเราสองคนหัวหมุนเลยค่ะ วุ่นกันหาที่พักแถวๆ ตีนภู แต่ก็มีแต่แพงๆ T^T แล้วมีเพื่อนสนิทเราคนนึงนางไปขึ้นภูก่อนแล้ว เราก็ทักไลน์ไปหาว่า เห้ยแกรร ตอนที่มาจากขอนแก่นไปภูกระดึงเท่าไหร่ มันบอก 85บาท เรานี่แบบ ร้องไห้หนักมาก ! แต่เราไม่ได้บอกโจโน่นะเรื่องนี้ ฮ่าๆ เพราะนางเป็นคนจ่ายเงิน เก๊าขอโทษ -/\- เราเลยตัดสินใจไปถามพี่ขับรถดูว่าไปภูกระดึงยังไง พี่แกก็เลยบอกว่า เอ้าจะไปขึ้นภูกระดึงแล้วทำไมซื้อตั๋วไปลงเมืองเลยล่ะ เราเลยบอก หนูไม่รู้พี่ไม่ได้วางแผนเตรียมตัวมาแต่แรก ฮ่าๆ พี่แกเลยบอกว่า เดี๋ยวพี่จอดลงให้ตรงตีนภูแล้วมันจะมีโรงแรม เราก็เลยโอเคขอบคุณพี่ขับรถไป โล่งอกโล่งใจค่ะ ฮ่าๆ ไม่ต้องไปนอนริมถนนให้ยุงกัดเล่นแล้ว
20.17 น. รถก็จอดให้เราลงที่ร้านค้าข้างทางค่ะ แต่ไม่ใช่ร้านเจ๊กิมนะ ฮ่าๆ ซักพักก็มี เจ๊ป้าๆ คนนึงก็เปิดประตูเหล็กออกมา เราก็เลยถามว่า มีโรงแรมให้พักไหม แกบอกว่าแกมีห้องพักแต่! แกไม่ให้เราสองคนพักค่ะ ฮ่าๆ แกบอกกลัวเราไม่ชอบเพราะเจ๊แกเห็นมีชาวต่างชาติมาด้วย เราก็เออๆ ==" คือป้าหนูยังไม่เห็นห้องเลยค่ะ T^T แต่ไม่ทันป้าแกไปเรียกลุงขับรถสองแถวแล้ว คือร่ะ?? ลุงบอกจะพาไปหาโรงแรมใกล้ๆตีนภูแหละ แต่แกบอกว่า 100 บาทเหมาไป เราแบบคิดหนักเลย คือมันโคตรแพงอ่าาา แต่โจโน่ ก็ยอมจ่ายระยะทางจากร้านค้าไปบังกะโลประมาณ3-4กิโลน่าจะได้ แล้วที่พีคไปกว่านั้น! บังกะโลหรือโรงแรมร้างค่ะ!!!! เรานี่แทบร้อง เราไม่รุ้ว่าโจโน่คิดเหมือนเราไหมนะ ไม่ได้ถาม ฮ่าๆ ทางเข้าโคตรมืดดดดดดดดดดดด คือไม่มีหลอดไฟข้างทางเลยค่ะ อารมณ์เป็นบ้านสวนถ้าไม่มีไฟฉายนี่ตายคักๆ ๆ ๆ พอเดินมาเรื่อยๆ ก็เจอกับลุงคนนึงค่ะ แกเดินส่องไฟฉายไปมาแหละ คิดว่าน่าจะเป็นเจ้าของ ประเด็นทำไมแกรู้ว่าเราจะมา คิดไปคิดมาก็คงเรียกว่าเป็นคล้ายๆ นายหน้า นั่นแหละ คงจะโทรบอกกันล่วงหน้าจากร้านค้าว่าจะมาส่งที่นี่ เราเดาแต่คิดว่านะจะถูก ฮ่าๆ เพราะเราเห็นคนขับรถกับลุงแกคุยกันเรื่องเงินอยู่ สรุปเราก็นอนที่นี่ค่ะ 350บาท มันก็ไม่โอเคเท่าไหร่แต่ก็อยู่ได้ไม่ซีเรียส ฮ่าๆ ก่อนลุงแกจะไปนอนเราก็ถามว่า แถวนี้มีร้านขายข้าวไหม (ยังมีหน้าไปถามเราก็เห็นๆอยู่แหละว่าตลอดข้างทางมันไม่มีอะไรนอกจากป่า T^T) ลุงแกก็บอกว่ามีแต่ตลาดริมถนนใกล้ๆโรงพยาบาลแหละ เราแบบร้อง โอ้โห!เลย มันโคตรไกลอ่ะ แกบอกว่ามีจักรยานให้ เอาไปยืมได้ เราก็เลยมองหาจักรยาน ลุงแกเลยไปจูงมาจากบังกะโลข้างๆ แกบอกว่ามีคู่ชาวต่างชาติมานอนห้องข้างๆนี่แหละตอนแรกว่าจะเอาจักรยานไปเลยเปลี่ยนใจเดินไป พอเรามองจักรยานนี่ เราก็คิดหนักเหมือนกัน ฮ่าๆ ๆ คิดว่าจะเดินไปเหมือนคู่นั้นดีไหม

ร้องไห้หนักมาก จักรยานคล้ายๆของเด็กประถมที่เอาไว้ปั่นไปโรงเรียนแถมพีคไปกว่านั้น ยางแบนคร้าาาาาาาาาา เครียดเลย ฮ่าๆ ๆ เราก็ขอบคุณแกไป แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายไปซะทีเดียว บรรยากาศรอบๆ ถือว่าโอเคเพราะว่ามันไม่มีไฟฮ่าๆ เราเลยมองเห็นดางบนท้องฟ้าได้สบายเลยมันสวยมากๆ หลังจากที่ทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยก็มาถึงตอนที่เราจะไปตลาดกันค่ะ ตลาดนี้ห่างจากบังกะโลไปประมาณหนึ่งกิโลครึ่งน่าจะได้ จักรยานคันเล็กๆ กับผู้ชายตัวโตๆและผู้หญิงอ้วนๆ คนนึง ลองนึกสภาพดูนะค่ะ ว่ามันจะดูเป็นยังไง ปวดตับกันเลยทีเดียว แค่โจโน่ก็แทบจะปั่นไม่ออกแล้วยิ่งมีเราซ้อนด้วย บอกเลย ตายค่ะ 5555 โจโน่บอกผมต้องใช้กำลังอย่างหนักที่จะปั่นมัน เราเลยบอกว่าเดินไหมน่าจะดีกว่านะ T^T เราเห็นใจจักรยาน โจโน่บอกไม่เป็นไรมาขนดนี้แล้ว แล้วถนนมันเป็นเหมือนทางเนินอ่ะ พอปั่นขึ้นเนินนี่เราก็เอาขายันๆ ถนนออกแรงช่วยนางด้วยนะ คนนึงก็ปั่น คนนึงก็ยัน เอาสิ! ไม่ถึงตลาดก็ให้มันรู้ไป ! ฮึบ
ในที่สุด ในที่สุดดดดดดด น้ำตาแทบจะไหลเป็นสายเลือด ใช้เวลาประมาณ20นาทีน่าจะได้ เราเห็นแสงไฟอยู่ข้างหน้ามันคือตลาดนั่นเอง พอไปถึงแม่ค้าพ่อค้ากำลังจะเก็บของแล้วววว เรานี่แทบวิ่งหาร้านกินข้าวแทบไม่ทัน เลยได้ร้านก๋วยจั๊บ กับโรตี แต่คืนนี้เราก็ไม่อดตายเพราะว่ามันมีเซเว่นค้าาาาาาาาาาา เลยได้นมช็อคโกแลตกับขนมไว้กินตอนอยู่ห้อง T^T เราว่าบรรยากาศตอนกลางคืนคล้ายๆกับเมืองลับแลเลยจริงๆ ผู้คนค่อนข้างบางตา ถนนก็โล่ง ไฟข้างทางก็ไม่มี นานๆ ทีจะมีรถวิ่งผ่านมา หลังจากนั้นซื้อของเสร็จเรียบร้อย โจโน่ก็ปั่นกลับไปบังกะโลค่ะ ตอนขากลับนี่ปั่นเร็วมากเพราะว่ามันเป็นทางเนินลงก็เลยสบายไม่ต้องออกแรงมาก บรรยากาศตอนนั้นเราว่ามันโรแมนติกดีอ่ะ ฮ่าๆ บนถนนมีแค่เราสองคนกับจักรยานหนึ่งคัน ปั่นๆไป ร้องเพลงไป เราว่าเราโคตรมีความสุขเลยแกรรรรรรรรรร >//////<
มาถึงห้องพักก็จัดการอาบน้ำทำธุระส่วนตัวตามปกติแหละ จากนั้นก็มานั่งวางแผนจะเอายังไงต่อ แต่ตอนนั้นเหมือนเราเคืองๆโจโน่อ่ะ คือนางเหมือนเด็กไม่ฟังใครเลย เราบอกให้ทำแบบนั้นแบบนี้ นางก็ไม่ทำ จนเราโมโหไม่พูดด้วย (==") นางก็ไม่ได้พูดอะไรมากแต่แค่เดินมากอดแล้วเอามือลูบหัวเรา อืม อืม โอเคหายโกรธ ฮ่า ๆ เราบอกนางว่าทีหลังอย่างทำแบบนี้อีก ไม่เล่นด้วย นี่มันก็ดึกมากแล้วเราจะจัดการกับเสื้อผ้าที่จะเอาไปใช้บนภูกระดึง อันนี้ไม่ใช่ก็แยกไว้ต่างหาก! โอเคไหม นางก็ อืมๆ โอเคจากนั้นก็มารื้อกระเป๋าใบใหญ่ของนางค่ะ เสื้อผ้า บลา บลา บลา ของจิปาถะ เยอะแยะ ก็แยกๆไว้ สรุป เสื้อนอนคนละ2ตัว เสื้อกันหนาว 1 ตัว หมวกไหมพรม ของใช้ส่วนตัว คือตอนนี้เราก็ยังไม่เปลี่ยนแผนค่ะ เรายังคงคิดว่าจะไปนอนที่นั่นหนึ่งคืนอยู่ค่ะ ก็เลยไม่ได้คิดว่าจะเอาเสื้อผ้าไปเยอะ ส่วนของที่ไม่จำเป็นก็เอาไปฝากไว้ที่ลุงเจ้าของบังกะโลเนี่ยแหละ แต่ยัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าใบใหญ่ของนางเรียบร้อย อืม มันก็เบาขึ้นมานิดนึงฮ่าๆ ๆ กว่าจะทำธุระเสร็จก็ปาไปตี1 ค่ะ จากนั้นก็นอน เราตั้งนาฬิกาปลุกไว้ หกโมงเช้า เจ็ดโมงเช้า แปดโมงเช้า แล้วเราก็นอนค่ะ มีซัมติงเล็กน้อย แฮร่ๆ ฮ่าๆ เช้ามาสรุปเราตื่นเก้าโมงเช้าค่ะ ที่ตั้งนาฬิกาไม่มีผลอะไรกับเราสองคนเลย T^T พอมันปลุกเราก็ปิดแล้วนอนต่อ สะดุ้งตื่นอีกทีก็เก้าโมงนิดๆ เรานี่รีบอาบน้ำแต่งตัวเลย แล้วเราก็ปลุกโจโน่ให้ลุกไปอาบน้ำด้วย พอเสร็จธุระเรียบร้อยเราก็เอากระเป๋ามาวางไว้หน้าห้องแหละ แล้วลุงแกก็เดินมาหา แกถามใบไหนจะฝากไว้ที่นี่ ใบใหญ่นี่ใช่ไหมจะเอาไปไว้ที่บ้านเลย ลุงแกพูดๆ แล้วก็กำลังจะหยิบเป้ เราก็บอก ลุงๆ เดี๋ยวๆ ค่ะ ใบนั้นหนูจะเอาขึ้นภูค่ะ ฮ่าๆ ใบเล็กๆสองใบนี้ค่ะที่หนูจะฝาก >.<ลุงแกคงสตั้นนิดๆ ฮ่า ๆ แล้วแกก็วางลงแล้วหยิบกระเป๋าใบเล็กไปแทน ลุงแกบอกเสร็จแล้วให้เดินตามแกไป แกจะพาไปโบกรถ ซักพักเรากับโจโน่ก็เดินไปรอข้างถนนแหละ แต่ไม่มีวี่แววว่าจะมีรถเมล์ผ่าน ==" คือรอนานมาก แล้วซักพักก็มีมาคันนึง ไอ้เราก็รอๆ คนขับก็ไม่เปิดประตูมาซักทีว่าจะไปไหนอะไรยังไง จนเราต้องเปิดประตูฝั่งคนนั่งอ่ะ คือเฟลนิดๆ ==. พอเห็นคนขับ อืมม นะ อายุก็น่าจะรุ่นๆเดียวกับลุงเจ้าของห้องแหละ แล้วทีนี้คุยตกลงราคากันซักไปแกบอกจะเอา100นึงอีกแล้วววว แต่ทีนี่ลุงแกไม่ยอมบอกจะให้แค่60บาท แล้วลุงสองคนก็เถียงกันค่ะ เรานี่จะมีหมัดมีมวยกัน เราก็เลยบอก ลุงๆ ไม่เป็นไร ไม่ไปแล้วค่ะ แต่! คือลุงแกไม่ฟังเสียงเราเลย ก็ยังคงเถียงกันอยู่จนเราต้องดึงมือลุงแกออกมาแล้วรีบปิดประตูรถเลย ลุงแกก็คงเฟลแหละ แกบอกนี่แหละ ลุงเกลียดคนแบบนี้ เป็นคนขับรถแท้ๆ แต่ไม่บริการ มีอย่างที่ไหนจะรับผู้โดยสารแต่ไม่เปิดประตูรถลงมาถามต้องให้เราเปิดเอง แล้วลุงแกก็บ่น บลา บลา บลา แล้วแกก็บอกว่าเมื่อคืนก็เหมือนกัน เอาเงินลุงไป50บาท ค่าที่หาโรงแรมให้พวกเรานี่แหละ เราก็อ๋ออออ ว่าแล้วววว

ลุงเลยบอกว่า รออยุ่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวไปเอารถออกมาแล้วจะไปส่งที่ภูเอง เราก็โอเคขอบคุณแกไป ระหว่างรอ เราก็อธิบายให้โจดน่ฟังว่าเหตุการณ์มันเป็นอะไรยังไง นางบอกนางเครียดที่ฟังไม่รู้เรื่องว่าลุงแกเถียงอะไรกัน เราบอกดีแล้วที่ฟังไม่รู้เรื่อง ฮ่าๆ ตอนนี้บนรถลุงแกก็ยังคงบ่นให้เราฟังอยู่เหมือนเดิม เราก็ เออ ออไปแหละ จนแกขับรถมาถึงภู และแล้วววววววววเราก็มาถึงอุทยานแห่งชาติภูกระดึงแล้วค่ะ อิอิ เราขอบคุณลุงแกอีกรอบ้ บรรยากาศตอนนั้นสิบโมงเช้านิดๆแหละ แต่ก็ถือว่าร้อนอ่ะ แต่ก็มีคนมาขึ้นภูเรื่อยๆ เป็นกลุ่มใหญ่ๆก็มี ทั้งคู่รักวัยรุ่น พ่อแม่ลูก จนวัยลุงป้าก็มาาาาาาาาา
ตอนที่เราไปซื้อตั๋วราคาคนไทยก็โอเคนะ 40บาทหรือ 60บาท นี่แหละไม่แน่ใจเราจำไม่ได้แล้ว >////< แต่พอเจอราคาชาวต่างชาติเข้าไปสะอึกเลยค่ะ T^T 400บาท คือเราก็ไม่ได้เช็คราคามาก่อนดด้วยว่าราคามันจะแพง เรานี่ถอดใจเลยค่ะ คิดไว้ว่าโจโน่คงไม่เอาแน่ๆ (T^T) แต่จะไม่ขึ้นภูแล้วกลับไปมันก็คงเฟล เราก็เดินไปบอกโจโน่แหละว่ามันราคานี้เอาไหม นางก็บอกมันแพงมากเลยแพงกว่าอยุธยาอีก แล้วนางก็หัวเราะนิดๆ แต่นางก็โอเคนะ แต่ใจลึกๆเราก็แอบหวังว่ามังคงจะมีราคาพิเศษกว่านี้ เราก็ไปคุยกับเจ้าหน้าที่แหละ คุยไปคุยมา พี่แกบอกคิดราคาชาวต่างชาติแค่200ก็พอ เรานี่แบบ !โอ้ สวรรค์ เซฟเงินได้ 200บาท ฮ่าๆ จากนั้นก็เดินไปเช่าเต้นท์อีกเอาแค่หนึ่งคืน ราคาค่าเต้นท์อยู่ที่ 250 บาท

พอจ่ายเงินได้ใบเสร็จเรียบร้อยก็บอกให้โจโน่เดินไปที่ป้ายบอกทางที่หน้าทางเข้าอุทยาน ได้เวลาถ่ายรูปแล้วคร้าาาาาา เย้\\(*0*)//

ขอโทษด้วยที่ภาพมันไม่ชัด ใช้ไอโฟนกากๆ ถ่าย ฮ่าๆ ๆ แต่เราไม่แคร์ว่ามันจะชัดหรือไม่ชัด ก็ยังคงถ่ายๆกัต่อไป อิอิ
รูปเราก็มี แต่ไม่เอา ไม่อยากลง ทำไมถ่ายทีไร มันไม่น่าดูน่าชมทุ๊กกกที ฮ่าาาาาาาา
ก่อนจะขึ้นภูก็ไปลงทะเบียนก่อนค่ะ หลังจากนั้นก็ไปกินข้าวแหละ หิวแต่เช้ามายังไม่ได้กินอะไรเลย โจโน่ก็ดื่มคาปูชิโน่ร้อนก่อนเลยหนึ่งแก้ว =.=

ตามมาด้วย ไข่กระทะ

เราชอบ ถามว่า อร่อยไหม แต่เป็นภาษาไทยนะ ถ้าอร่อยนางจะตอบว่า อร่อยคับ แต่ถ้าไม่อร่อยนางจะตอบว่า อืมมมม แล้วก็ทำปาก เบ้ๆ หน่อย ๆ
[ Part 2 : Our Trip] แบกเป้ขึ้นภูกระดึง(กับ)ชาวต่างชาติที่แปลกหน้าแต่รู้ใจ!!!! >..< {รูปเยอะ}
นี่เป็นกระทู้ที่2 ที่เขียนต่อเนื่องมาจากกระทู้นี้ค่ะ กระทู้แรกเป็นเรื่องราวเหตุการณ์ที่เราบังเอิญเจอกันค่ะ จนได้มาเป็นเพื่อนสนิทกันถึงตอนนี้
http://pantip.com/topic/34454760
15.00 น. เราสองคนออกเดินทางจากสารคามเพื่อต่อรถไปลงขอนแก่นค่ะ ค่าโดยสารจากสารคามไปขอนแก่นคนละ 48 บาท ใช้เวลาอยู่บนรถทัวร์เกือบๆ2 ชั่วโมง พอไปถึงขอนแก่นก็เกือบๆเย็นแล้ว บอกก่อนว่ามาภูกระดึงครั้งเราไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาเลยจริงๆ เสื้อผ้าเราเอาไปแค่2ชุด T^T เพราะตอนแรกก่อนที่จะมาเราคิดว่าจะบนภูกระดึงไม่มีอะไรแค่ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นแล้วก็ลงภูเลยคิดว่าไปนอนแค่หนึ่งคืนก็คงพอแล้วเพราะแผนต่อไปคิดไว้ว่าจะไปเชียงคานต่อ มาๆ เข้าเรื่อง 5555 พอไปถึงขอนแก่นก็ไปซื้อตั๋ว พนง.ถามว่าไปไหน เราบอกว่าไป "เลย" ค่ะ 2 คน ก็โดนไปคนละ 127บาท โจโน่บอกทำไมแพงจัง ฮ่าๆ เราก็เลยบอกว่าสงสัยมันคงไกลมั้ง ฮ่าๆ เราก็ซื้อขนมนมเนยไว้กินบนรถนั่นแหละ ที่นั่งบนรถแคบมากจนโจโน่บอกว่าไม่มีที่ให้เหยียดขาเลย ฮ่า น่าสงสารก็สงสาร ต่อจากนั้นเราสองคนก็สลบค่ะ นอนเอาหัวพิงกันนานอยู่พอสมควร เราก็ตื่นแหละเพราะรู้สึกเมื่อยตัวพอหันไปมองดูโจโน่นางหลับเป็นตายเลยค่ะ ฮ่าๆ กลัวนางจะคอหักเราก็เลยดึงผ้าขนหนูออกมาจากกระเป๋าแล้วเอาไปรองคอนาง
แอบถ่ายมา 5555555555 จริงๆมีหลายรูป แต่รูปนี้โอเคสุดละ ฮ่าๆ ๆ
เวลาก็เดินผ่านไป พระอาทิตย์ก็ค่อยลับขอบฟ้าเรื่อยๆ ประมาณหกโมงเย็น นางก็ตื่นเราสองคนก็เลยคุยกันเรื่องแผนที่จะไป โจโน่ก็ดูแผนที่ตามประสาของนางซักพัก โจโน่สะกิดแขนเราแล้วก็ถามว่า "เฮ้ๆ ดูนี่สิ เนี่ยภูกระดึงมันอยู่ถึงก่อนจะเข้าเมืองเลยนะ" เราก็บอก เออ จริงด้วยอ่ะ เรานี่เอ๋อไปเลย ฮ่าๆ เราก็เลยถามว่า สรุปจะเอายังไง จะไปนอนที่ไหนดีละคืนนี้ ถ้าจะเข้าไปนอนในตัวเมืองแล้วย้อนกลับมาที่ภูมันก็โคตรไกลเลยนะ ตอนนั้นเราสองคนหัวหมุนเลยค่ะ วุ่นกันหาที่พักแถวๆ ตีนภู แต่ก็มีแต่แพงๆ T^T แล้วมีเพื่อนสนิทเราคนนึงนางไปขึ้นภูก่อนแล้ว เราก็ทักไลน์ไปหาว่า เห้ยแกรร ตอนที่มาจากขอนแก่นไปภูกระดึงเท่าไหร่ มันบอก 85บาท เรานี่แบบ ร้องไห้หนักมาก ! แต่เราไม่ได้บอกโจโน่นะเรื่องนี้ ฮ่าๆ เพราะนางเป็นคนจ่ายเงิน เก๊าขอโทษ -/\- เราเลยตัดสินใจไปถามพี่ขับรถดูว่าไปภูกระดึงยังไง พี่แกก็เลยบอกว่า เอ้าจะไปขึ้นภูกระดึงแล้วทำไมซื้อตั๋วไปลงเมืองเลยล่ะ เราเลยบอก หนูไม่รู้พี่ไม่ได้วางแผนเตรียมตัวมาแต่แรก ฮ่าๆ พี่แกเลยบอกว่า เดี๋ยวพี่จอดลงให้ตรงตีนภูแล้วมันจะมีโรงแรม เราก็เลยโอเคขอบคุณพี่ขับรถไป โล่งอกโล่งใจค่ะ ฮ่าๆ ไม่ต้องไปนอนริมถนนให้ยุงกัดเล่นแล้ว
20.17 น. รถก็จอดให้เราลงที่ร้านค้าข้างทางค่ะ แต่ไม่ใช่ร้านเจ๊กิมนะ ฮ่าๆ ซักพักก็มี เจ๊ป้าๆ คนนึงก็เปิดประตูเหล็กออกมา เราก็เลยถามว่า มีโรงแรมให้พักไหม แกบอกว่าแกมีห้องพักแต่! แกไม่ให้เราสองคนพักค่ะ ฮ่าๆ แกบอกกลัวเราไม่ชอบเพราะเจ๊แกเห็นมีชาวต่างชาติมาด้วย เราก็เออๆ ==" คือป้าหนูยังไม่เห็นห้องเลยค่ะ T^T แต่ไม่ทันป้าแกไปเรียกลุงขับรถสองแถวแล้ว คือร่ะ?? ลุงบอกจะพาไปหาโรงแรมใกล้ๆตีนภูแหละ แต่แกบอกว่า 100 บาทเหมาไป เราแบบคิดหนักเลย คือมันโคตรแพงอ่าาา แต่โจโน่ ก็ยอมจ่ายระยะทางจากร้านค้าไปบังกะโลประมาณ3-4กิโลน่าจะได้ แล้วที่พีคไปกว่านั้น! บังกะโลหรือโรงแรมร้างค่ะ!!!! เรานี่แทบร้อง เราไม่รุ้ว่าโจโน่คิดเหมือนเราไหมนะ ไม่ได้ถาม ฮ่าๆ ทางเข้าโคตรมืดดดดดดดดดดดด คือไม่มีหลอดไฟข้างทางเลยค่ะ อารมณ์เป็นบ้านสวนถ้าไม่มีไฟฉายนี่ตายคักๆ ๆ ๆ พอเดินมาเรื่อยๆ ก็เจอกับลุงคนนึงค่ะ แกเดินส่องไฟฉายไปมาแหละ คิดว่าน่าจะเป็นเจ้าของ ประเด็นทำไมแกรู้ว่าเราจะมา คิดไปคิดมาก็คงเรียกว่าเป็นคล้ายๆ นายหน้า นั่นแหละ คงจะโทรบอกกันล่วงหน้าจากร้านค้าว่าจะมาส่งที่นี่ เราเดาแต่คิดว่านะจะถูก ฮ่าๆ เพราะเราเห็นคนขับรถกับลุงแกคุยกันเรื่องเงินอยู่ สรุปเราก็นอนที่นี่ค่ะ 350บาท มันก็ไม่โอเคเท่าไหร่แต่ก็อยู่ได้ไม่ซีเรียส ฮ่าๆ ก่อนลุงแกจะไปนอนเราก็ถามว่า แถวนี้มีร้านขายข้าวไหม (ยังมีหน้าไปถามเราก็เห็นๆอยู่แหละว่าตลอดข้างทางมันไม่มีอะไรนอกจากป่า T^T) ลุงแกก็บอกว่ามีแต่ตลาดริมถนนใกล้ๆโรงพยาบาลแหละ เราแบบร้อง โอ้โห!เลย มันโคตรไกลอ่ะ แกบอกว่ามีจักรยานให้ เอาไปยืมได้ เราก็เลยมองหาจักรยาน ลุงแกเลยไปจูงมาจากบังกะโลข้างๆ แกบอกว่ามีคู่ชาวต่างชาติมานอนห้องข้างๆนี่แหละตอนแรกว่าจะเอาจักรยานไปเลยเปลี่ยนใจเดินไป พอเรามองจักรยานนี่ เราก็คิดหนักเหมือนกัน ฮ่าๆ ๆ คิดว่าจะเดินไปเหมือนคู่นั้นดีไหม
ในที่สุด ในที่สุดดดดดดด น้ำตาแทบจะไหลเป็นสายเลือด ใช้เวลาประมาณ20นาทีน่าจะได้ เราเห็นแสงไฟอยู่ข้างหน้ามันคือตลาดนั่นเอง พอไปถึงแม่ค้าพ่อค้ากำลังจะเก็บของแล้วววว เรานี่แทบวิ่งหาร้านกินข้าวแทบไม่ทัน เลยได้ร้านก๋วยจั๊บ กับโรตี แต่คืนนี้เราก็ไม่อดตายเพราะว่ามันมีเซเว่นค้าาาาาาาาาาา เลยได้นมช็อคโกแลตกับขนมไว้กินตอนอยู่ห้อง T^T เราว่าบรรยากาศตอนกลางคืนคล้ายๆกับเมืองลับแลเลยจริงๆ ผู้คนค่อนข้างบางตา ถนนก็โล่ง ไฟข้างทางก็ไม่มี นานๆ ทีจะมีรถวิ่งผ่านมา หลังจากนั้นซื้อของเสร็จเรียบร้อย โจโน่ก็ปั่นกลับไปบังกะโลค่ะ ตอนขากลับนี่ปั่นเร็วมากเพราะว่ามันเป็นทางเนินลงก็เลยสบายไม่ต้องออกแรงมาก บรรยากาศตอนนั้นเราว่ามันโรแมนติกดีอ่ะ ฮ่าๆ บนถนนมีแค่เราสองคนกับจักรยานหนึ่งคัน ปั่นๆไป ร้องเพลงไป เราว่าเราโคตรมีความสุขเลยแกรรรรรรรรรร >//////<
มาถึงห้องพักก็จัดการอาบน้ำทำธุระส่วนตัวตามปกติแหละ จากนั้นก็มานั่งวางแผนจะเอายังไงต่อ แต่ตอนนั้นเหมือนเราเคืองๆโจโน่อ่ะ คือนางเหมือนเด็กไม่ฟังใครเลย เราบอกให้ทำแบบนั้นแบบนี้ นางก็ไม่ทำ จนเราโมโหไม่พูดด้วย (==") นางก็ไม่ได้พูดอะไรมากแต่แค่เดินมากอดแล้วเอามือลูบหัวเรา อืม อืม โอเคหายโกรธ ฮ่า ๆ เราบอกนางว่าทีหลังอย่างทำแบบนี้อีก ไม่เล่นด้วย นี่มันก็ดึกมากแล้วเราจะจัดการกับเสื้อผ้าที่จะเอาไปใช้บนภูกระดึง อันนี้ไม่ใช่ก็แยกไว้ต่างหาก! โอเคไหม นางก็ อืมๆ โอเคจากนั้นก็มารื้อกระเป๋าใบใหญ่ของนางค่ะ เสื้อผ้า บลา บลา บลา ของจิปาถะ เยอะแยะ ก็แยกๆไว้ สรุป เสื้อนอนคนละ2ตัว เสื้อกันหนาว 1 ตัว หมวกไหมพรม ของใช้ส่วนตัว คือตอนนี้เราก็ยังไม่เปลี่ยนแผนค่ะ เรายังคงคิดว่าจะไปนอนที่นั่นหนึ่งคืนอยู่ค่ะ ก็เลยไม่ได้คิดว่าจะเอาเสื้อผ้าไปเยอะ ส่วนของที่ไม่จำเป็นก็เอาไปฝากไว้ที่ลุงเจ้าของบังกะโลเนี่ยแหละ แต่ยัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าใบใหญ่ของนางเรียบร้อย อืม มันก็เบาขึ้นมานิดนึงฮ่าๆ ๆ กว่าจะทำธุระเสร็จก็ปาไปตี1 ค่ะ จากนั้นก็นอน เราตั้งนาฬิกาปลุกไว้ หกโมงเช้า เจ็ดโมงเช้า แปดโมงเช้า แล้วเราก็นอนค่ะ มีซัมติงเล็กน้อย แฮร่ๆ ฮ่าๆ เช้ามาสรุปเราตื่นเก้าโมงเช้าค่ะ ที่ตั้งนาฬิกาไม่มีผลอะไรกับเราสองคนเลย T^T พอมันปลุกเราก็ปิดแล้วนอนต่อ สะดุ้งตื่นอีกทีก็เก้าโมงนิดๆ เรานี่รีบอาบน้ำแต่งตัวเลย แล้วเราก็ปลุกโจโน่ให้ลุกไปอาบน้ำด้วย พอเสร็จธุระเรียบร้อยเราก็เอากระเป๋ามาวางไว้หน้าห้องแหละ แล้วลุงแกก็เดินมาหา แกถามใบไหนจะฝากไว้ที่นี่ ใบใหญ่นี่ใช่ไหมจะเอาไปไว้ที่บ้านเลย ลุงแกพูดๆ แล้วก็กำลังจะหยิบเป้ เราก็บอก ลุงๆ เดี๋ยวๆ ค่ะ ใบนั้นหนูจะเอาขึ้นภูค่ะ ฮ่าๆ ใบเล็กๆสองใบนี้ค่ะที่หนูจะฝาก >.<ลุงแกคงสตั้นนิดๆ ฮ่า ๆ แล้วแกก็วางลงแล้วหยิบกระเป๋าใบเล็กไปแทน ลุงแกบอกเสร็จแล้วให้เดินตามแกไป แกจะพาไปโบกรถ ซักพักเรากับโจโน่ก็เดินไปรอข้างถนนแหละ แต่ไม่มีวี่แววว่าจะมีรถเมล์ผ่าน ==" คือรอนานมาก แล้วซักพักก็มีมาคันนึง ไอ้เราก็รอๆ คนขับก็ไม่เปิดประตูมาซักทีว่าจะไปไหนอะไรยังไง จนเราต้องเปิดประตูฝั่งคนนั่งอ่ะ คือเฟลนิดๆ ==. พอเห็นคนขับ อืมม นะ อายุก็น่าจะรุ่นๆเดียวกับลุงเจ้าของห้องแหละ แล้วทีนี้คุยตกลงราคากันซักไปแกบอกจะเอา100นึงอีกแล้วววว แต่ทีนี่ลุงแกไม่ยอมบอกจะให้แค่60บาท แล้วลุงสองคนก็เถียงกันค่ะ เรานี่จะมีหมัดมีมวยกัน เราก็เลยบอก ลุงๆ ไม่เป็นไร ไม่ไปแล้วค่ะ แต่! คือลุงแกไม่ฟังเสียงเราเลย ก็ยังคงเถียงกันอยู่จนเราต้องดึงมือลุงแกออกมาแล้วรีบปิดประตูรถเลย ลุงแกก็คงเฟลแหละ แกบอกนี่แหละ ลุงเกลียดคนแบบนี้ เป็นคนขับรถแท้ๆ แต่ไม่บริการ มีอย่างที่ไหนจะรับผู้โดยสารแต่ไม่เปิดประตูรถลงมาถามต้องให้เราเปิดเอง แล้วลุงแกก็บ่น บลา บลา บลา แล้วแกก็บอกว่าเมื่อคืนก็เหมือนกัน เอาเงินลุงไป50บาท ค่าที่หาโรงแรมให้พวกเรานี่แหละ เราก็อ๋ออออ ว่าแล้วววว
ตอนที่เราไปซื้อตั๋วราคาคนไทยก็โอเคนะ 40บาทหรือ 60บาท นี่แหละไม่แน่ใจเราจำไม่ได้แล้ว >////< แต่พอเจอราคาชาวต่างชาติเข้าไปสะอึกเลยค่ะ T^T 400บาท คือเราก็ไม่ได้เช็คราคามาก่อนดด้วยว่าราคามันจะแพง เรานี่ถอดใจเลยค่ะ คิดไว้ว่าโจโน่คงไม่เอาแน่ๆ (T^T) แต่จะไม่ขึ้นภูแล้วกลับไปมันก็คงเฟล เราก็เดินไปบอกโจโน่แหละว่ามันราคานี้เอาไหม นางก็บอกมันแพงมากเลยแพงกว่าอยุธยาอีก แล้วนางก็หัวเราะนิดๆ แต่นางก็โอเคนะ แต่ใจลึกๆเราก็แอบหวังว่ามังคงจะมีราคาพิเศษกว่านี้ เราก็ไปคุยกับเจ้าหน้าที่แหละ คุยไปคุยมา พี่แกบอกคิดราคาชาวต่างชาติแค่200ก็พอ เรานี่แบบ !โอ้ สวรรค์ เซฟเงินได้ 200บาท ฮ่าๆ จากนั้นก็เดินไปเช่าเต้นท์อีกเอาแค่หนึ่งคืน ราคาค่าเต้นท์อยู่ที่ 250 บาท
ขอโทษด้วยที่ภาพมันไม่ชัด ใช้ไอโฟนกากๆ ถ่าย ฮ่าๆ ๆ แต่เราไม่แคร์ว่ามันจะชัดหรือไม่ชัด ก็ยังคงถ่ายๆกัต่อไป อิอิ
รูปเราก็มี แต่ไม่เอา ไม่อยากลง ทำไมถ่ายทีไร มันไม่น่าดูน่าชมทุ๊กกกที ฮ่าาาาาาาา
ก่อนจะขึ้นภูก็ไปลงทะเบียนก่อนค่ะ หลังจากนั้นก็ไปกินข้าวแหละ หิวแต่เช้ามายังไม่ได้กินอะไรเลย โจโน่ก็ดื่มคาปูชิโน่ร้อนก่อนเลยหนึ่งแก้ว =.=
ตามมาด้วย ไข่กระทะ
เราชอบ ถามว่า อร่อยไหม แต่เป็นภาษาไทยนะ ถ้าอร่อยนางจะตอบว่า อร่อยคับ แต่ถ้าไม่อร่อยนางจะตอบว่า อืมมมม แล้วก็ทำปาก เบ้ๆ หน่อย ๆ