กัมพูชา บูชากรรม ตอนที่ 2

อารัมภบท
ข้อมูลนี้เป็นการนำเอาเรื่องราวของความขัดเเย้งในการเมืองประเทศกัมพูชาและนำเสนอข้อมูลทางทหาร โดยมิได้มีเจตนาเพื่อการปลุกปั่นหรือยุยงให้เกิดความแตกแยกใดใด

ตอนที่ 2 ยุคมืด

        อาณาจักรขอมหรือจักรวรรดิ์ขแมร์ ณ ช่วงเวลานั้น นับเป็นอาณาจักรที่มีแสนยานุภาพมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และต่อมาหลัง จากสิ้นรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 8 อาณาจักรขอมนั้นเริ่มเสื่อมอำนาจลงอย่างมาก หัวเมืองต่างๆก็เริ่มตั้งตนเป็นกบฏ แข็งข้อ และแยกตัวออกไปเป็นทิวแถว รวมไปถึงการขึ้นเป็นใหญ่ของ"อาณาจักรสุโขทัย" ไม่ช้าไม่นาน อาณาจักรขอมก็เสียดินแดนบางส่วนให้แก่อาณาจักรสุโขทัย

        ลุถึงปีพุทธศักราช 1896 อาณาจักรขอมซึ่งอ่อนกำลังลงอย่างมาก ก็ถูกกองทัพจากกรุงศรีอยุธยาซึ่งนำโดยขุนหลวงพระงั่วยกทัพโจมตียึดเป็นเมืองขึ้น โดยทางกองทัพจากพระนครศรีอยุธยาได้ไปรวมกำลังไพร่พลที่นครโคราปุระหรือโคราช แล้วแยกกองทัพลงไปโจมตีอาณาจักรขอมเป็น 3 ทาง ทั้งนี้มีทหารไทย มอญ ลาว รวมกันประมาณ 50,000 นาย ด้วยสรรพอาวุธและขวัญกำลังใจที่เข้มแข็งกว่า มิช้านาน อณาจักรขอมจึงแตกพ่ายและตกเป็นเมืองขึ้นไปในที่สุด มิหนำซ้ำ ทหารจากพระนครศรีอยุธยาได้ลงมือเผาเมืองหลวงพระนครของอาณาจักรขอมจนราบเป็นหน้ากลอง ยังผลให้อาณาจักรขอมล่มสลาย จนไม่สามารถฟื้นฟูอาณาจักรให้กลับมายิ่งใหญ่ได้ตามเดิมอีก.....



        กัมพูชา อาณาจักรอันรุ่งไสวด้วยอารยธรรม บัดนี้ประวัติศาสตร์ได้เดินทางมาถึงยุคมืดเสียแล้ว นับตั้งแต่ถูกอาณาจักรอยุธยาโจมตีและเสียพระนครตกเป็นเมืองขึ้น ในช่วงปี พ.ศ.1896 เป็นต้นมา อาณาจักรขอมเองก็พยายามรวบรวมกำลังไพร่พล ด้วยหวังกาลข้างหน้าอาจกู้บ้านเมืองตนคืนได้.....

        ต่อมาในปี พ.ศ. 1936 อาณาจักรขอมเริ่มแข็งเมืองจนสมเด็จพระราเมศวร กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาส่งกองทัพไปยึดเมืองพระนครหลวงของเขมรได้อีกครั้ง ประมาณว่ากองทัพกรุงศรีอยุธยายกทัพไป 2 ทาง มีทหารรวมกันระหว่าง 40,000 – 50,000 นาย ในขณะที่กองทัพขอมมีทหารซึ่งระดมมาจากทั่วแคว้นประมาณ 100,000 นาย แต่กลับต้านกลยุทธและยุทธวิธีการรบของกองทัพกรุงศรีอยุธยาไม่ได้ ต้องยอมแพ้ไปในที่สุด และต่อมาในปี พ.ศ. 1974 อาณาจักรขอมเกิดแข็งเมืองอีกครั้ง โดยไม่ยอมส่งเครื่องราชบรรณาการมายังกรุงศรีอยุธยา เป็นผลให้สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 พระเจ้าสามพระยาจึงยกทัพหลวงจากกรุงศรีอยุธยาไปปราบ โดยคาดกันว่ามีกำลังพลประมาณ 60,000 นาย ไปตีเมืองพระนครหลวงของขอม โดยยุทธวิธีรบของทหารไทยจากพระนครศรีอยุธยานั้น จัดกำลังออกเป็น 2 กองทัพแรก คือกองทัพบกมีกำลัง 50,000 นาย เข้าตีขอมตรงด้านหน้า มีทั้งทหารช้าง ทหารม้า ทหารราบหรือพลเดินเท้า เครื่องทำลายกำแพงและทหารธนู กองทัพเรือมีกำลัง 10,000 นาย โดยล่องเรือไปทางแม่น้ำโขงเป็นเรือพายขนาดใหญ่จู่โจมทางด้านหลัง ฝ่ายอาณาจักรขอมนั้นได้เกณฑ์ทหารตั้งรับจากทั่วอาณาจักรมีกำลังมากกว่าทหารไทย ประมาณกันว่าระหว่าง 70,000 – 75,000 นาย กองทัพไทยพลเดินเท้าใช้ดาบยาว 2 มือและดาบยาวกับโล่หรือดั้งป้องกันตัว ทหารธนูมีกำลังพล 1 ใน 5 ของทหารทั้งหมด กองทหารม้ามีหอกยาว ทวนและโตมรพร้อมกับดาบยาวที่เอว ในที่สุด เมืองพระนครหลวงของเขมรก็ถูกทำลายจนต้องย้ายเมืองหลวงจากเมืองพระนครไปตั้งที่เมืองจตุรพักตร์ ที่ตั้งของกรุงพนมเปญในปัจจุบัน และต่อมาจึงย้ายไปเมืองละแวกที่ริมทะเลสาบเขมร





        การที่กองทัพไทยจากพระนครศรีอยุธยาตีเมืองพระนครของกัมพูชาแตกยับ ทำให้ชาวเขมรต้องสูญสิ้นอาณาจักรไปในที่สุด อณาจักรเขมร ณ เวลานั้น จึงเป็นเพียงประเทศราชซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของสยามเรื่อยมา ตั้งแต่ อยุธยา กรุงธนบุรี และช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ รวมระยะเวลากว่า 400 ปี ซึ่งต่อมารัฐสยามได้เข้าผจญสงครามระหว่างญวน ในสงครามอานามสยามยุทธ ด้วยเพราะเมืองกัมพูชานั้นเป็นเหตุ.....
เครดิต ไทยวิกิพีเดีย
ติดตามต่อตอนไปครับ.....
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่