มี"รอยแยก"ให้เขย่า ?

กระทู้ข่าว


   นาทีนี้ขึ้นชื่อว่า “กลุ่มไอเอส” ที่เพิ่งก่อเหตุช็อกโลกกลางกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพียงแค่ได้ยินก็ผวากันแล้ว

แต่นี่เล่นมีการโพสต์แชร์เอกสารลับอ้างลงนามโดย พล.ต.ต.สราวุฒิ การพานิชรอง ผบช.ส. ปฏิบัติราชการ ผบช.ส. เรื่อง “ติดตามพฤติการณ์ของชาวต่างชาติ” เนื้อหาระบุ

ด้วยหน่วยต่อต้านข่าวกรองของรัสเซีย หรือเอฟเอสบี ประสานผ่านสภาความมั่นคงแห่งชาติแจ้งเตือนความเป็นไปได้ในการก่อเหตุร้ายของกลุ่มไอเอส ต่อผลประโยชน์ของรัสเซียในประเทศไทย

มีชาวซีเรีย 10 รายที่เกี่ยวข้องกับกองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอส ได้เดินทางเข้าไทยแล้วระหว่างวันที่ 15-31 ต.ค.2558 และแยกเดินทางไปพัทยา 4 ราย ภูเก็ต 2 ราย กทม. 2 ราย อีก 2 รายไม่ทราบว่าอยู่ที่ใดและยังไม่ทราบชื่อ

เพื่อก่อเหตุร้ายต่อผลประโยชน์ของรัสเซียและกลุ่มพันธมิตรในไทย

จริง–ไม่จริงยังไม่รู้ แต่แค่มีข่าว “กลุ่มไอเอสกบดานในไทย” ก็ขวัญผวากันแล้ว

ข่าวใหญ่มาก ใหญ่ชนิดที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คนรัฐบาลต้องรีบแจงข้อเท็จจริง

“ไม่ใช่ข่าวกรอง ถือว่าเป็นเพียงข่าวสาร”

คือใจความที่สรุปจากคิว “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ และรองหัวหน้า คสช.ออกมาชี้แจงถึงการข่าวร้อน ยังเป็นข่าวที่ยัง “ไม่ได้กรอง”

และคิวนี้ “บิ๊กเจี๊ยบ” ให้ความมั่นใจคนไทย สถานการณ์ยังไม่มีอะไรน่าห่วง ประเทศไทยไม่ได้เป็นเป้าหมาย ไม่มีความเคลื่อนไหวของแนวร่วมไอเอส อีกทั้งพบกับทูตรัสเซียก็ไม่ได้ยกปมนี้ขึ้นมาพูดคุย

น่าจะเบาใจได้ระดับหนึ่ง

โดยเฉพาะกับรองนายกฯอดีต ผบ.ทหารสูงสุด และเคยเป็นผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล คุมหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจ (ฉก.90) ต่อต้านและปราบปรามการก่อการร้ายทุกรูปแบบ

รวมทั้งอารักขาประมุขและผู้นำประเทศที่มาเยือนไทยในงานสำคัญๆมาแล้ว

ขณะที่หน่วยงานต้นทางหนังสือ พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ระบุหนังสือดังกล่าวออกจากตำรวจสันติบาลจริง แต่เป็นกระบวนแจ้งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ฝ่ายความมั่นคงประสานเสียง เป็นเรื่องการข่าว “เตือนภัย” ให้ตื่นตัวรับมือ

ยังไม่ต้องตื่นตูม

และจากสถานการณ์โลก การข่าวสาร ข่าวกรอง ปมปัญหาที่ซับซ้อนเชื่อมโยง ก็บังเอิญล้อไปกับสถานการณ์ในประเทศไทย โดยเฉพาะในห้วงหลายกรณีปัญหาระอุเดือดรุมเร้ารัฐบาล

จากปมราชภักดิ์ลุกลาม กระแสพุ่งใส่ “บิ๊กโด่ง” พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม อดีต ผบ.ทบ. ในฐานะประธานมูลนิธิราชภักดิ์ กระแทก “อำนาจพิเศษ” ซวนเซ ก็เริ่มมีคนมอง “ข้ามช็อต” ถึงคิวยกเครื่องใหม่

แต่ก็ยังเป็นแค่จัด “โผคาดการณ์” มองล่วงหน้ากันไป

โดยเฉพาะจากปัจจัยเร้าคิวนี้ น่าจะมาจากกรณีกระแสข่าว “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. กับ “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ ชักไม่สบอารมณ์ “ทีมคมนาคม” อืด

แก้ปมมาตรฐานการบินไม่ทันการณ์ จนถูกสหรัฐอเมริกาหั่นเกรด กลุ่มยุโรปจ่อลงดาบซ้ำ

แต่ที่น่าสนใจจากกระแสข่าวปรับ ครม.ก็คือ โผที่ปล่อยกันออกมามีทั้งการดึงสายสีเขียว “บิ๊กท็อปบูต–อดีตบิ๊กทหาร”

ในเครือข่ายอำนาจพิเศษเข้ามาเสียบเก้าอี้ รมช.กลาโหมแทน

โยงไปถึงการปรับแผง “5 เสือ ทบ.” รวมทั้งปมระหองระแหงระหว่าง “พยัคฆ์ร่วมรุ่น–ร่วมถ้ำ”

ยังไม่รวมการพูดถึงการขยับของบ้านใหญ่ ต้นขั้ว “อำนาจ เก่าแก่” และการเข้านอกออกในของบรรดามืองานเก่า ตาม “สัญญาณ” เรียกตัว

ในสถานการณ์ภาพรวมกับแรงกระเพื่อมในขั้วอำนาจพิเศษ และจังหวะจดๆจ้องๆ

อาจมีรายการฉุกเฉิน “ทำซ้ำ–จัดการซ้อน”

แต่ทั้งหมดทั้งปวงก็ยังเป็นแค่ “กระแสข่าว” ที่ยังไม่ได้“กรอง”

ปม “ล้างกระดาน” ที่สำคัญยังไม่พิสูจน์ ทราบในรายละเอียดว่าจะเป็นการยิง “ลูกเสี้ยม” ใส่รอยแยก–รอยร้าวให้ถี่ห่างขึ้นหรือไม่

แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้ ขั้วอำนาจพิเศษมีอาการ “แกว่ง” จริงๆ.

ทีมข่าวการเมือง http://www.thairath.co.th/content/544734
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่