การเปลี่ยนแปลงตัวเองรอบที่ 1......^_^

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับ ผมชื่อแม็กซ์ครับ เป็นผู้ชายข้ามเพศนะครับ แต่คนภายนอกที่ยังไม่รู้จักอาจจะเรียกผมเปนทอมคนนึงได้ไม่เป็นไรครับ เอาเป็นอันเข้าใจกันเนอะ วันนี้ผมอยากจะมาเล่าถึงประสบการณ์ในชีวิตที่พลิกผันมาก สำหรับคนอื่นอาจจะดูไม่น่าภูมิใจหรือพลิกผันไรมากแต่สำหรับผม เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผมภูมิใจมากๆครับ ตอนเด็กๆผมเป็นเด็กที่ค่อนข้าง ไม่อ้วนมากแต่ก็อวบๆเล็กน้อย ที่บ้านกรรมพันธุ์ค่อนข้างตัวใหญ่ทั้งบ้าน แต่เพราะเป็นนักกีฬา เป็นวงโยฯ เลยหุ่นพอถูกๆไถๆดูไม่อวบอ้วนจนเกินไปครับ


จนพอผมเริ่มก้าวเข้าสู่วัยรุ่น เข้าสู่มหาลัยเริ่มละครับ มหกรรมกินไม่เลือกไม่ยั้ง ไม่หยุดหย่อนเกิดขึ้น โดยที่ทางครอบครัวคือแม่ก็ไม่ได้ห้ามเลย เพราะมีความเห็นที่ว่า "ลูกต้องใช้สมองเยอะ กินเข้าไปได้บำรุงได้คิดไรออก" น้ำหนักจากม.6 เพิ่มชึ้นมาเรื่อยๆไม่ลดเลยแม้แต่นิดเดียว จาก 50 เป็น 60 เป็น 80 เรื่อยๆ ซึ่งเป็นเพราะเช้าไปเรียน เย็นห้าโมงจะโทรศัพท์หาแม่ละ ประโยคซ้ำๆคือ "แม่ เย็นนี้กินไรดี" ซึ่งก็จะไม่พ้น หมูกระทะ บุฟเฟ่ห์ตามห้าง โออิชิ ชาบู ไดโดม่อน บลาๆๆๆๆ มากมายครับ ย้ำ!!! ทุกวันครับ จนน้ำหนักพุ่งขึ้นมาเต็มที่สุดเหวี่ยง ณ ตอนนั้นที่จบปี4 ปริญญาตรีคือน้ำหนักที่ 100 กิโลนิดๆเห็นจะได้ครับ
          

ตอนนั้นบอกเลยครับ เริ่มละ อึดอัดครับ แต่ก็เหมือนเดิม ความคิดเดิมๆครับ ตอนนั้นกำลังจะต่อปริญญาโทด้วย เต็มเหนี่ยวเลยครับทีนี้ กินหนักแหลกลานเลย จนเมื่อผมเริ่มเรียนป.โท เริ่มมีแฟน หนักเลยครับ กินมโหฬารอลังการหนักกว่าเดิม พากันกินๆๆๆๆๆๆ น้ำหนักก็ขึ้นมาเริ่มเรื่อยๆ วันๆเจอกันไม่ทำไรครับ กินๆๆๆพากันกินตลอดจิงๆครับตอนนั้น
                              

คบกันมาเรื่อยๆ พอเข้าปีที่สามเห็นจะได้ ผมเริ่มน้ำหนักพุ่งมาขึ้นๆๆๆๆๆ จาก 100 กิโลนิดๆเริ่มละครับก้าวไปสู่ 120 กิโลได้

แต่น้ำหนักยิ่งเพิ่มขึ้นเท่าไร การเจ็บป่วยก็มาพร้อมกันมาขึ้นเท่านั้น ผมประจำเดือนไม่มาเลย 10 ปีตั้งแต่น้ำหนักเริ่มพุ่งมาเรื่อยๆ โดยหมอลงความเห็นแรกๆว่าเพราะผม "อ้วน" ทำให้ฮอร์โมนนั้นผิดปกติ ต้องกินยาคุมในแต่ละเดือนทุกเดือนเพื่อให้ประจำเดือนมาครับ การป่วยไม่ใช่แค่ประจำเดือนไม่มาครับ ไข้หวัด เจ็บปวดทุกอย่าง ปวดขา ปวดทั้งตัว เป็นอะไรได้ง่ายมากๆครับ เป็นจนพยาบาลและหมอที่รพ.ที่รักษาสนิทกันไปโดยปริยายครับ นอนรพ.เป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2 เลยทีเดียว (รูปที่เห็นด้านล่างนี้ แอดมิดรพ.ครับ)


จนเมื่อผมใกล้จะจบป.โท ณ ตอนนั้นผมได้เลิกกะแฟนคนนั้นไป ยิ่งหนักครับไม่มีผอมเลย กินหนักเลยกินทุกอย่างครับ ทำวิทยานิพนธ์โต๊ะทำงานนี้แบบขนมรายล้อมครับ งาน โน๊ตบุค ของกิน ทั้งโต๊ะมีแค่นี้ครับ จะไม่ลุกไปไหนเลยวันๆ ลุกแค่ไปสอนหนังสือกับนักศึกษาปริญญาตรีบางวัน นอกนั้นทำงาน นั่งๆๆๆๆๆๆ กินๆๆๆๆและพอตกดึกก็มุดหัวลงไปนอนใต้โต๊ะทำงานแค่นั้นครับ พอจบป.โท น้ำหนักผมพุ่งขึ้นมา 120 กิโลครับ


เมื่อจบป.โท ก็เริ่มหางานทำครับ หางานยากมากเพราะน้ำหนักด้วยเยอะมากขึ้นไม่หยุดเลยครับ จาก 120 กิโล ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆครับ พอเริ่มๆได้งาน ประเด็นคือผมเป็นคนเขียนแบบในใจผมคือนั่งโต๊ะ แต่เปล่าเลยครับต้องออกหน้าไซค์ซึ่งอุปสรรคคือความอ้วนของผม ร้อน เดินก็ลำบาก อุ่ยอ้ายมาก ตูดใหญ่มาก จะปีนแบบวิศวกรก็ไม่ได้ ลำบากถึงที่สุดครับ แต่ก็ยังไม่หยุดกินครับ ยิ่งกินหนักเพราะเหนื่อยครับ ยิ่งเหนื่อยยิ่งร้อนก็ยิ่งหิวผมก็กินๆๆๆๆๆๆๆไม่หยุดเลยครับ แถมได้แฟนคนใหม่ พระเจ้า!!!! กินไม่หยุดๆไม่อยุ พากันกินๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทีนี้จาก 120 กิโลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนน้ำหนักแตะที่ 130 กิโลกรัมครับ สุดติ่งเลยยยย T^T





จากน้ำหนักที่พุ่งขึ้นสูงขึ้น แต่การทำงานก็หนักเช่นเดิม ผมเริ่มเหนื่อยมากขึ้น หอบ หายใจไม่ออกเวลาเดินมากๆ และวันที่แย่ที่สุดวันแรกคือ การที่ประจำเดือนผมไม่มา 10 ปี แถมกรรมพันธุ์ผมแม่เป็นซีดที่มดลูก หมอได้ตรวจเจอว่ามดลูกผมโตผิดปกติจำเป็นต้องตัดมดลูกและรังไข่ข้างนึงออก เวลานั้นบอกเลยครับ ต้องลาออกมาผ่าตัดอย่างเร่งด่วนครับ ผ่าตัดมดลูกจำได้แม่น บล็อคหลังแต่คำพูดวิสัญญีที่บล็อคหลังผมพูดว่า "โห้ จะบล็อคไหวหรอก ดูตัวสิ น้ำหนักเยอะขนาดนี้ น้องปล่อยตัวขนาดนี้ได้ไง จะงอตัวบล็อคหลังได้หรอ" ผมโคตรเจ็บใจ แต่ก็ได้แต่ยิ้มไป เหมือนดูถูกผมมาก แต่มันก็จิงของเค้า ผมอ้วนมากๆครับ ผ่าออกมาผมรุแต่ว่าผมโดนน้ำเกลือไป 40 ขวด หลังจากผ่ามดลูดผมไม่สามารถทำไรได้เลย แฟนต้องดูแลพยุงไปโน้นนี้ ผมหนักเกือบ 130 กิโลแต่แฟนแค่ 70 กิโลได้แบกขึ้นลงบันไดทั้งวัน เค้าก็อดทนกะผมมาก จนเมื่อผมดีขึ้นก็เริ่มหางานใหม่ แต่อุปสรรคน้ำหนักที่พุ่ง 130 กิโลแป๊ะๆเลยครับ เสื้อต้องตัดใหม่ไปสมัครงาน เสื้อในที่ใส่ต้องไซค์พิเศษ รอบอกผม 60 นิ้ว กางเกงเอว 52 นิ้วครับ เห็นจะได้ ณ ตอนนั้นนะครับ





วันวิปโยคที่หนักหน่วงครั้งที่สอง ครั้งสำคัญและจุดเปลี่ยนครับ วันนั้นผมเดินอยู่ในบ้านแล้วผมลื่นล้มโดยเอาเข่าข้างซ้ายลงพื้นเพื่อพยุงตัว กระแทกไปอย่างแรง น้ำหนักตัวผม 130 กิโล แล้วกระแทกพื้นคิดดูครับเจ็บแค่ไหน แต่ผมก็ไม่ได้สนใจไร ก็ไปสมัครงาน ทำกิจวัตรประจำวันเหมือนเดิม ผ่านไป 1 สัปดาห์ผมเริ่มเกิดอาการปวด เริ่มลงน้ำหนักที่เข่าซ้ายไม่ได้ ตอนนั้นได้งานอีกทีแล้วด้วย ผมลางานวันนั้นกลับไปหาหมอทันทีจำได้ครับ วันที่ 14 ก.พ. 2557 ไปหาหมอ หมอจับ x-ray เข้า MRI แล้วผลที่ได้คือ เอ็นเข่าบิดนิดนึงทำให้มีการบาดเจ๋็บ ไปรพ. แนะให้ผ่าครับในราคา 120,000 บาทและราคาไม่นิ่งนะครับ ผมเลยกลับไปหารพ.ประกันสังคมดูเพราะสู้ราคาไม่ไหวและกลัวด้วย ดีที่ว่ารพ.อีกที่หมอเป็นหมอจากรพ.เลิศสิน สบายใจเลย หมอพูดประโยคแรกว่า

"ก็เราอ้วนอ่ะ หมอไม่อยากผ่า มี 2 ทาง ทางแรกผ่าได้นะหมอทำให้แต่คถุณจะเหมือนคนพิการ มันจะไม่เหมือนเดิม วิธีที่ 2 คือคุณต้องลดน้ำหนัก หมอแนะวิธีที่สองนะ เพราะเอ็นคุณไม่ได้ขาดลองคิดดูแล้วกันนะ อยากพิการตลอดชีวิตไหม หรืออยากหาย"

เชื่อไหมครับ ผมโคตรเครียด เครียดมากกลัวก็กลัวจะเป็นคนพิการมากๆ พอกลับมาบ้านแม่คุยกะแม่ แม่บอกผมว่า

"ผ่าไปเถอะ หน้าอย่างลดน้ำหนักไม่ได้หรอก พูดปากกุจะฉีดถึงข้างล่างละ ถ้าลดได้คงไม่เท่านี้มั้ง กลัวไรคนเดียวพิการกุเลี้ยงได้"

ผมแบกความเครียดกลับบ้านผม แต่จุดที่เป็นแรงผลักดันที่สองของวันนั้นคือ ผมจับได้ว่าแฟนมีชู้แล้วเธอขอออกจากบ้านไป ผมพยายามยื้อมา กอดขา พูดทุกอย่างว่ารักเค้า อย่าไปได้ไหม ร้องไห้มากมาย แต่ผมได้ประโยคเด็ดคือ

"ตั้งแต่คบกะมา กูไม่เคยรักเลย กูสมเพศ เพศแบบ กุอายที่ควงแฟนอ้วนๆแบบ กุทนคบไปวันๆเท่านั้นละ กูไม่ได้รักเลย"

เชื่อไหมครับ หูผมดับ อึ้ง ทำไรไม่ถูกแล้วผมก็ปล่อยเธอไปเลย อยากไสหัวไปไหนก็ไป ไม่คิดว่าคนที่ผมรักรองจากแม่จะพูดและคิดแบบนี้ พอเช้ามาผมตื่นจากที่นอน ผมปาดน้ำตา แต่งตัวไปรพ.หาหมอทันทีครับ แล้วบอกหมอว่า

"หมอ ผมจะลดน้ำหนักดู ผมไม่ผ่า"

คุณเชื่อไหมครับ หมอหัวเราะดังมาก แล้วบอกว่า "อ่ะ ลองดู แม่คุณพึ่งโทมาหาผมว่าจะให้ผ่า แต่คุณมาบอกจะลดน้ำหนัก อ่ะลองดูนะ หมอจะรอ"

ตั้งแต่วันนั้นผมเริ่มทำการลดน้ำหนักครับ.......
เริ่มจากการว่ายน้ำครับ เพราะผมลงน้ำหนักที่เข่าไม่ได้เลย เดินลู่ วิ่งลู่ไม่ได้เลย แต่ก่อนชาเขียวขวดๆผมกินแทนน้ำเปล่า น้ำอัดลม 1.25 ลิตรวันละ 3 ขวด ข้าวมันไก่พิเศษ ไก่ครึ่งตัวบนข้าว ตกจานจึงต่อมื้อ 80 บาท ผมกินสามมื้อเลย ขนมคบเคี้ยว ผมหะกดิบครับ เลิกกิน น้ำกินน้ำเปล่าครับคุมอาหารไม่งดนะครับ ผมใช้ ลด ตอนเริ่มนะครับเสื้อผมใส่ไซค์ 5XL เสื้อในคัพ E 110 รอบอก 60 นิ้วครับ กางเกงเอว 52 นิ้วครับ

ผมว่ายน้ำและเดินในน้ำทุกวันครับ วันละ 1 - 2 ชม. คุมอาหาร เดือนแรกจาก 130 กิโล ผมลดมา 10 โลภายในเดือนเดียวครับ


จากน้ำหนัก 130 โลเหลือ 120 โล ผมยิ่งมีแรงผลักดันครับ ผมเริ่มเดินลู่ในฟิตเนสด้วย และยังคุมอาหารอยู่นะครับ ว่ายน้ำทุกวันแต่ฟิตเนสวันเว้นวันครับตอนนั้น น้ำหนักลดลงมาเรื่อยๆครับ





น้ำหนักเริ่มมาแตะที่ 110 - 115 โลละครับ ยิ่งดีใจใหญ่เลย เริ่มไปทำงานได้ละครับตอนนั้น




น้ำหนักเริ่มลดลงมาเรื่อยๆครับ มีนิ่งบ้างสวิงบ้างครับน้ำหนักเริ่มมาอยู่ที่ 100 - 105 โลละครับ


ผมยังออกกำลังและคุมอาหารมาเรื่อยๆครับ จนปัจจุบันนี้ครับ น้ำหนักลงจาก 100 โล ลงมาเรื่อยๆจนปัจจุบันครับ




และปัจจุบันผมน้ำหนัก 90 - 94 โลครับ กำลังสวิงอยู่ครับ


ระยะเวลา 1 ปีเศษ ผมเปลี่ยนแปลงรอบที่ 1 ประมาณนี้นะครับ ผมเป็นคนขี้เกียจออกกำลัง อ้างไปเรื่อยว่าลดไม่ได้ แต่เพื่อนลองดูครับ ผมลดจาก 130 กิโล เหลือตอนนี้ 90 โลได้ในอนาคตเป้าหมายผมคือ 60 โลครับ เพื่อนคิดว่าไงครับ น้ำหนักนี้จะดีกะผมไหม ไงขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่พยายามลดน้ำหนักนะครับ ลดน้ำหนักไปด้วยกันเนอะ.............^_^

ขอบคุณที่อ่านเรื่องของผมนะครับ แล้วผมทำได้ตามเป้าหมายเมื่อไรจะมาแชร์อีกนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่