ทุกเช้าที่ได้ลืมตาขึ้นมา สิ่งที่เห็นทุกครั้งหลังลืมตาคือ "เพดานห้องสีขาว และหลอดไฟที่ติดอยู่" ทุกเช้าต้องเห็นอะไรแบบนี้ทุกๆวัน แต่แปลกใจกันบ้างไหม ว่าทำไม ชีวิตในแต่ละวันของเราทุกสิ่งที่เราเจอมันถึงไม่เหมือนกับที่เราลืมตาและเพดานในทุกๆวัน บางครั้งชีวิตในวันั้นก็วุ่นวาย และทุกอย่างจะสิ้นสุดลง เมื่อเราหลับตา พอเช้ามาก็เห็นเพดานเหมือนเดิม แต่ชีวิตในเมื่อวาน วันนี้กลับราบรื่นไม่วุ่นวาย มันช่างต่างกัน แต่ในวันนี้ชีวิตของฉันกำลังจะเปลี่ยนไปจากทุกๆวันอย่างสิ้นเชิงเลยล่ะ
07.30 น. เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังออกมาจากโทรศัพท์ น่าแปลกนะที่มันก็ออกจะไพเราะแต่ทำไมเสียงก็มันถึงแสบแก้วหูและทำให้ฉันต้องรีบลืมตาขึ้นมาปิดมันซะ ฉันเดินลงจากที่นอนอย่างต้องขัดใจไม่ให้หันไปมองมันอีก เพราะเหมือนว่าถ้าหากฉันได้หันไป จะมีพลังงานบางอย่างออกมาจากเตียงแล้วเรียกให้ฉันกลับไปหามันอีกครั้ง ฉันเลยต้องรีบเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวและเข้าห้องน้ำไป
น้ำเย็นๆที่ไหลออกมาจากฝักบัวมันทำให้ฉันรู้สึกตาสว่างมากขึ้นและปลอดโปร่งเลยทีเดียว ฉันชอบที่ยืนให้น้ำโดนตัวนานๆเพราะมันทำให้ฉันสบายใจและสบายตัวบวกกับกลิ่นหอมๆของสบู่ก็ยิ่งทำให้ฉันชื่ใจเข้าไปอีก ใช่!!ฉันคิดว่าการอาบน้ำคือสิ่งที่วิเศษที่สุด หลังจากที่อาบน้ำเสร็จฉันก็เกินมาหยุดอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้า นี่คือสิ่งที่สร้างความลำบากใตให้ฉันเป็นอย่างมากเลยทีเดียว คือ เสื้อผ้ามีเยอะ มีทุกแบบ ทุกสี แต่ในสมองของฉันมีแต่คำว่า "ไม่มีอะไรจะใส่" ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่น่าตลกดีว่าไหมล่ะ? ในที่สุดฉันได้เสื้อยืดสีแดงพริ้วและกางเกงยีนสีขาว ฉันลืมบอกไปฉันมีอาชีพเป็นสถาปนิก ซึ่งการแต่งตัวไม่ต้องกังวลอะไรมากมาย แต่งสบายๆ ไม่ต้องเยอะ หลังจากได้เสื้อผ้ามา ฉันก็มาหน้ากระจกการยืนอยู่หน้ากระจกมันทำให้ฉันเสียเวลาอยู่ตรงกันเกือบๆชั่วโมงเลยแหละ ฉันแต่งหน้าแต่งตัวทำผม ใช้เวลาสักพักก็เสร็จ
ณ เวลา 9.00 น. ฉันก็ก้าวออกมาจากบ้านและใส่รองเท้าคู่โปรดของฉันเดินไปที่รถและจัดของเล็กๆน้อยๆก่อนขับรถออกไป ข้าวเช้าน่ะหรอไม่ต้องสงสัยฉันแวะร้านสะดวกซื้อที่มีคำโปรโมทยอดฮิตคือ "หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา..." แน่นอนสิ่งที่ฉันทานเป็นอาหารเช้าคือ ขนมปังและนม (แม้ฉันจะไม่อินกับการกินพวกมันสักเท่าไหร่) ฉันซื้อเสร็จฉันก็กลับขึ้นรถและขับรถไปยังบริษัทอันเป็นที่รัก ระหว่างทางที่ที่ขับไป สองฝั่งข้ามถนนเต็มไปด้วยคนที่ขับรถไปทำงานเต็มไปหมด ส่วนต้นไม้มีเฉพาะเกาะกลางถนนเท่านั้น ในระหว่างขับรถฉันเปิดเพลงไปตลอดทาง ฉันว่าเพลงคือเพื่อนที่ดีที่สุดเลยล่ะ ขับไปเรื่อยๆจนถึจุดหมายปลายทาง เข้าไปที่จอดรถเหมือนเดิมและลงมาพร้อมกับแผ่นเฟรมใหญ่ที่สถาปนิกเขาใช้กัน และเดินเข้าไปยังบริษัท
10.00 น. ฉันถึงบริษัทเรียบร้อยเมื่อเดินเข้าไป คนที่รู้จักก็จะทักทายด้วยคำเดิมๆคือ "มาแล้วหรอ" แบบนี้เกือบทุกครั้ง ฉันก็จะหันไปแล้วบอกว่า"ช่าย" พร้อมยิ้มอ่อนๆให้ ฉันเดินไปเรื่อยๆและสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกแปลกคือ
เด็กม.ปลาย เริ่มเขียนนิยาย
07.30 น. เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังออกมาจากโทรศัพท์ น่าแปลกนะที่มันก็ออกจะไพเราะแต่ทำไมเสียงก็มันถึงแสบแก้วหูและทำให้ฉันต้องรีบลืมตาขึ้นมาปิดมันซะ ฉันเดินลงจากที่นอนอย่างต้องขัดใจไม่ให้หันไปมองมันอีก เพราะเหมือนว่าถ้าหากฉันได้หันไป จะมีพลังงานบางอย่างออกมาจากเตียงแล้วเรียกให้ฉันกลับไปหามันอีกครั้ง ฉันเลยต้องรีบเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวและเข้าห้องน้ำไป
น้ำเย็นๆที่ไหลออกมาจากฝักบัวมันทำให้ฉันรู้สึกตาสว่างมากขึ้นและปลอดโปร่งเลยทีเดียว ฉันชอบที่ยืนให้น้ำโดนตัวนานๆเพราะมันทำให้ฉันสบายใจและสบายตัวบวกกับกลิ่นหอมๆของสบู่ก็ยิ่งทำให้ฉันชื่ใจเข้าไปอีก ใช่!!ฉันคิดว่าการอาบน้ำคือสิ่งที่วิเศษที่สุด หลังจากที่อาบน้ำเสร็จฉันก็เกินมาหยุดอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้า นี่คือสิ่งที่สร้างความลำบากใตให้ฉันเป็นอย่างมากเลยทีเดียว คือ เสื้อผ้ามีเยอะ มีทุกแบบ ทุกสี แต่ในสมองของฉันมีแต่คำว่า "ไม่มีอะไรจะใส่" ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่น่าตลกดีว่าไหมล่ะ? ในที่สุดฉันได้เสื้อยืดสีแดงพริ้วและกางเกงยีนสีขาว ฉันลืมบอกไปฉันมีอาชีพเป็นสถาปนิก ซึ่งการแต่งตัวไม่ต้องกังวลอะไรมากมาย แต่งสบายๆ ไม่ต้องเยอะ หลังจากได้เสื้อผ้ามา ฉันก็มาหน้ากระจกการยืนอยู่หน้ากระจกมันทำให้ฉันเสียเวลาอยู่ตรงกันเกือบๆชั่วโมงเลยแหละ ฉันแต่งหน้าแต่งตัวทำผม ใช้เวลาสักพักก็เสร็จ
ณ เวลา 9.00 น. ฉันก็ก้าวออกมาจากบ้านและใส่รองเท้าคู่โปรดของฉันเดินไปที่รถและจัดของเล็กๆน้อยๆก่อนขับรถออกไป ข้าวเช้าน่ะหรอไม่ต้องสงสัยฉันแวะร้านสะดวกซื้อที่มีคำโปรโมทยอดฮิตคือ "หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา..." แน่นอนสิ่งที่ฉันทานเป็นอาหารเช้าคือ ขนมปังและนม (แม้ฉันจะไม่อินกับการกินพวกมันสักเท่าไหร่) ฉันซื้อเสร็จฉันก็กลับขึ้นรถและขับรถไปยังบริษัทอันเป็นที่รัก ระหว่างทางที่ที่ขับไป สองฝั่งข้ามถนนเต็มไปด้วยคนที่ขับรถไปทำงานเต็มไปหมด ส่วนต้นไม้มีเฉพาะเกาะกลางถนนเท่านั้น ในระหว่างขับรถฉันเปิดเพลงไปตลอดทาง ฉันว่าเพลงคือเพื่อนที่ดีที่สุดเลยล่ะ ขับไปเรื่อยๆจนถึจุดหมายปลายทาง เข้าไปที่จอดรถเหมือนเดิมและลงมาพร้อมกับแผ่นเฟรมใหญ่ที่สถาปนิกเขาใช้กัน และเดินเข้าไปยังบริษัท
10.00 น. ฉันถึงบริษัทเรียบร้อยเมื่อเดินเข้าไป คนที่รู้จักก็จะทักทายด้วยคำเดิมๆคือ "มาแล้วหรอ" แบบนี้เกือบทุกครั้ง ฉันก็จะหันไปแล้วบอกว่า"ช่าย" พร้อมยิ้มอ่อนๆให้ ฉันเดินไปเรื่อยๆและสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกแปลกคือ