หลังจากอยู่บ้านมานานหลายสัปดาห์ โรคเสพติดการเดินทาง ก็กำเริบขึ้นมาอีกแล้ว ต้องรักษาด้วยการออกเดินทาง ยิ่งพักหลังนี้หลงเสน่ห์การนอนเต้นท์ ตากแอร์ธรรมชาติ นั่งทานข้าวใต้แสงเทียนแสงจันทร์ ยิ่งตื่นเช้ามาเห็นน้ำเห็นตะวันนี่เป็นอะไรที่ใฝ่ฝันมาก
ดังนั้นภาระกิจการตามหาสถานที่กางเต้นท์ใกล้กรุงก็เริ่มขึ้น จนสะดุดตากับสถานที่นึง ข้อมูลที่ได้มาก็คือ "อ่างเก็บน้ำวังบอน" อ.ปากพลี นครนายก เขตรับผิดชอบของ อช.เขาใหญ่ เสน่ห์ของที่นี่เท่าที่หาข้อมูลก็คือ การพายเรือคายัคไปชมน้ำตกเล็กๆที่ไหลลงอ่างเก็บน้ำ แต่ข้อมูลรีวิวที่หาได้มีน้อยมาก และเป็นข้อมูลเก่าหลายปีแล้ว แต่พอคิดๆดูแล้วมันก็อยู่ไม่ไกลมาก ลองไปดูก็คงไม่เป็นไร
อ่างเก็บน้ำวังบอน อยู่ห่างจากอำเภอเมืองนครนายก ไปตามถนนสุวรรณศร เลี้ยวซ้ายก่อนถึงที่ว่าการอำเภอปากพลี เข้าเส้นทางน้ำตกวังม่วง ประมาณ 24 กิโลเมตร บริเวณโดยรอบอ่างเป็นพื้นที่ป่าไม้ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งยังคงความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจและทำกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวอันหลากหลาย เช่น เดินป่า ดูนก โรยตัวจากหน้าผาชมความงามของน้ำตกธารรัตนา ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พายเรือแคนูไปชมความงามของน้ำตกวังบอน ในส่วนของอ่างเก็บน้ำใช้ประโยชน์แก่เกษตรกรในฤดูแล้ง
รูปนี้คือรูปที่มีข้อมูลในเว็บไซต์ที่หาได้
เราออกเดินทางกันบ่ายวันเสาร์ เตรียมสัมภาระแพ็คของขึ้นรถ ไปแวะซื้อของที่ห้างอีกเล็กน้อย กว่าจะได้ออกเดินทางกันจริงๆก็เกือบบ่ายสอง ส่วนเรื่องเส้นทางขออนุญาติไม่อธิบายเส้นทางนะคะ เพราะคนขับที่บ้านบ่นเสมอว่า "เธออย่าไปบอกเส้นทางใครนะ มีหวังหลงแน่ๆ แฮร่ๆๆ" ถ้าจะให้แนะนำตัวช่วยที่ดีที่สุดก็ google map เลยจร้า คำนวนระยะทาง เวลา การเลือกเส้นทางพร้อม สะดวกกว่าเยอะค่ะ (แต่คร่าวๆ ระยะทางจาก กทม-อ่างเก็บน้ำวังบอน ระยะทางประมาณ 135 กิโลเมตร ระยะเวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง)
เราเดินทางตามแผนที่ใน google map ระหว่างทางก็ตกลงกันก่อนว่า ถ้าไปถึง ถ้ามันเงียบเกินไปไม่มีคนไปกางเต้นท์ เราจะย้ายไปกางเต้นท์กันที่เจ็ดคต-โป่งก้อนเส้าแทน เพราะที่นั่นรับรองได้ว่ามีเพื่อนเยอะ (เนื่องจากว่าเราไปกันสองคนกลัวเรื่องความปลอดภัยและกลัวเหงาเกินไป 5555)
ในที่สุดอากู๋เกิ้นก็พาเรามาถึงจุดหมายของเรา ภาพแรกที่เห็นก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ภาพอ่างเก็บน้ำมีวิวข้างหลังเป็นเขาเล็กๆ มีน้ำตกอยู่ไกลลิบๆ
มีคนมากางเต้นท์ประมาณสิบกว่าหลัง กำลังพอดี ไม่เยอะมากไปเหมือนเจ็ดคต แต่ก็ไม่น้อยไปจนเหงาและน่ากลัว เมื่อเราพอใจในสถานที่แล้ว ก็ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อลงทะเบียนตามระเบียบ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายเหมือนที่เจ็ดคตเลยค่ะ คือแล้วแต่จะบริจาค เราก็ไม่รีรอลงทะเบียนหยิบเงินหยอดตู้ไป 100 บาทถ้วน ตามกำลัง
ต่อไปจะรออะไรล่ะคะ ให้สายตาอันแหลมคมมองหาทำเลเพื่อสร้างโรงแรมพันดาวของเราคืนนี้กัน ซึ่งส่วนใหญ่จะกางเต้นท์กันฝั่งด้านข้าง ตามแนวต้นไม้ ที่ก็เริ่มจะดูแน่นๆไป สุดท้ายเราก็เลือกกางเต้นท์ริมน้ำหน้าเสาธง ถึงแม้ว่าทำเลที่เลือกนี้จะเป็นส่วนรับลม ซึ่งกลางคืนลมจะแรงมาก แต่เราก็มันใจว่าทักษะการกางเต้นท์เราน่าจะพอรับมือไหว และที่สุดทำเลนี้ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง เพราะเป็นทำเลที่นั่งมองจันทร์ได้สวยสุดๆไปเลยล่ะขอบอก
พอเราสร้างโรงแรมเราเสร็จแล้ว ก็นั่งเล่นเก็บภาพดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเย็นที่แสนจะเงียบสงบ ลมพัดเย็น ทำให้สุขใจจริงๆ ก่อนพระอาทิตย์จะตกดินก็ไปเก็บภาพก่อนตะวันลับฟ้าที่แนวสันอ่างเก็บน้ำได้
[CR] แอบหนีกรุงไปนัดเจอดวงจันทร์และตะวันดวงงาม ณ อ่างเก็บน้ำวังบอน
หลังจากอยู่บ้านมานานหลายสัปดาห์ โรคเสพติดการเดินทาง ก็กำเริบขึ้นมาอีกแล้ว ต้องรักษาด้วยการออกเดินทาง ยิ่งพักหลังนี้หลงเสน่ห์การนอนเต้นท์ ตากแอร์ธรรมชาติ นั่งทานข้าวใต้แสงเทียนแสงจันทร์ ยิ่งตื่นเช้ามาเห็นน้ำเห็นตะวันนี่เป็นอะไรที่ใฝ่ฝันมาก
ดังนั้นภาระกิจการตามหาสถานที่กางเต้นท์ใกล้กรุงก็เริ่มขึ้น จนสะดุดตากับสถานที่นึง ข้อมูลที่ได้มาก็คือ "อ่างเก็บน้ำวังบอน" อ.ปากพลี นครนายก เขตรับผิดชอบของ อช.เขาใหญ่ เสน่ห์ของที่นี่เท่าที่หาข้อมูลก็คือ การพายเรือคายัคไปชมน้ำตกเล็กๆที่ไหลลงอ่างเก็บน้ำ แต่ข้อมูลรีวิวที่หาได้มีน้อยมาก และเป็นข้อมูลเก่าหลายปีแล้ว แต่พอคิดๆดูแล้วมันก็อยู่ไม่ไกลมาก ลองไปดูก็คงไม่เป็นไร
อ่างเก็บน้ำวังบอน อยู่ห่างจากอำเภอเมืองนครนายก ไปตามถนนสุวรรณศร เลี้ยวซ้ายก่อนถึงที่ว่าการอำเภอปากพลี เข้าเส้นทางน้ำตกวังม่วง ประมาณ 24 กิโลเมตร บริเวณโดยรอบอ่างเป็นพื้นที่ป่าไม้ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งยังคงความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจและทำกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวอันหลากหลาย เช่น เดินป่า ดูนก โรยตัวจากหน้าผาชมความงามของน้ำตกธารรัตนา ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พายเรือแคนูไปชมความงามของน้ำตกวังบอน ในส่วนของอ่างเก็บน้ำใช้ประโยชน์แก่เกษตรกรในฤดูแล้ง
รูปนี้คือรูปที่มีข้อมูลในเว็บไซต์ที่หาได้
เราออกเดินทางกันบ่ายวันเสาร์ เตรียมสัมภาระแพ็คของขึ้นรถ ไปแวะซื้อของที่ห้างอีกเล็กน้อย กว่าจะได้ออกเดินทางกันจริงๆก็เกือบบ่ายสอง ส่วนเรื่องเส้นทางขออนุญาติไม่อธิบายเส้นทางนะคะ เพราะคนขับที่บ้านบ่นเสมอว่า "เธออย่าไปบอกเส้นทางใครนะ มีหวังหลงแน่ๆ แฮร่ๆๆ" ถ้าจะให้แนะนำตัวช่วยที่ดีที่สุดก็ google map เลยจร้า คำนวนระยะทาง เวลา การเลือกเส้นทางพร้อม สะดวกกว่าเยอะค่ะ (แต่คร่าวๆ ระยะทางจาก กทม-อ่างเก็บน้ำวังบอน ระยะทางประมาณ 135 กิโลเมตร ระยะเวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง)
เราเดินทางตามแผนที่ใน google map ระหว่างทางก็ตกลงกันก่อนว่า ถ้าไปถึง ถ้ามันเงียบเกินไปไม่มีคนไปกางเต้นท์ เราจะย้ายไปกางเต้นท์กันที่เจ็ดคต-โป่งก้อนเส้าแทน เพราะที่นั่นรับรองได้ว่ามีเพื่อนเยอะ (เนื่องจากว่าเราไปกันสองคนกลัวเรื่องความปลอดภัยและกลัวเหงาเกินไป 5555)
ในที่สุดอากู๋เกิ้นก็พาเรามาถึงจุดหมายของเรา ภาพแรกที่เห็นก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ภาพอ่างเก็บน้ำมีวิวข้างหลังเป็นเขาเล็กๆ มีน้ำตกอยู่ไกลลิบๆ
มีคนมากางเต้นท์ประมาณสิบกว่าหลัง กำลังพอดี ไม่เยอะมากไปเหมือนเจ็ดคต แต่ก็ไม่น้อยไปจนเหงาและน่ากลัว เมื่อเราพอใจในสถานที่แล้ว ก็ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อลงทะเบียนตามระเบียบ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายเหมือนที่เจ็ดคตเลยค่ะ คือแล้วแต่จะบริจาค เราก็ไม่รีรอลงทะเบียนหยิบเงินหยอดตู้ไป 100 บาทถ้วน ตามกำลัง
ต่อไปจะรออะไรล่ะคะ ให้สายตาอันแหลมคมมองหาทำเลเพื่อสร้างโรงแรมพันดาวของเราคืนนี้กัน ซึ่งส่วนใหญ่จะกางเต้นท์กันฝั่งด้านข้าง ตามแนวต้นไม้ ที่ก็เริ่มจะดูแน่นๆไป สุดท้ายเราก็เลือกกางเต้นท์ริมน้ำหน้าเสาธง ถึงแม้ว่าทำเลที่เลือกนี้จะเป็นส่วนรับลม ซึ่งกลางคืนลมจะแรงมาก แต่เราก็มันใจว่าทักษะการกางเต้นท์เราน่าจะพอรับมือไหว และที่สุดทำเลนี้ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง เพราะเป็นทำเลที่นั่งมองจันทร์ได้สวยสุดๆไปเลยล่ะขอบอก
พอเราสร้างโรงแรมเราเสร็จแล้ว ก็นั่งเล่นเก็บภาพดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเย็นที่แสนจะเงียบสงบ ลมพัดเย็น ทำให้สุขใจจริงๆ ก่อนพระอาทิตย์จะตกดินก็ไปเก็บภาพก่อนตะวันลับฟ้าที่แนวสันอ่างเก็บน้ำได้