คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ถ้า จขกท. ไม่ได้ต้องการไปเซนต์แบบไฟฟ้าหรือว่าเป็นวิศวกรเอง มีวิธีที่ง่ายกว่ามากๆเลยครับ3วันทำได้เอง
สมัยผมเรียนวิศวะไฟฟ้าอยู่มีเรียนวิชาออกแบบแสงสว่างอยู่วิชาเดียว(3หน่วยกิต) เป็นวิชาที่ไม่ไปอ้างอิงวิชาอื่นเลย ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานทางฟิสิกส์และวงจรไฟฟ้าใดๆเลยด้วย แค่ใช้เลขบวกลบคูณหารยกกำลังย้ายข้างแค่นั้นเอง เราเรียกวิชานี้ว่า illumination engineering(เป็นหนึ่งในวิชาที่ง่ายสุดๆเลย)
สมัยผมเรียนส่วนมากวิชานี้ก็แทบจะไม่เคยเข้าเรียนเลย อ่านหนังสือเองได้3วันก่อนสอบก็อ่านจบ(สอบไฟนอล100%) ลองไปหาซื้อหนังสือดูครับเป็นภาษาไทยด้วย อ่านง่าย ถ้าคุณทำเหมือนผมเท่านี้ช่วงวันหยุดยาวตั้งใจอ่านเล่มเดียวคุณก็สามารถออกแบบระบบแสงสว่างเหมือนกับวิศวกรได้เลย พอผมมาทำงานก็ไม่เคยต้องใช้ความรู้เกินหนังสือเล่มเดียวเลยครับครอบคลุมทุกอย่างจริงๆ ไปเถียงกับวิศวกรได้เลย เพราะตอนเรียนเขาก็อ่านแค่เล่มเดียวก็มาทำงานออกแบบแสงสว่างนี่แหละครับ
รายละเอียดเนื้อหาครอบคลุมเรื่อง
-สีของแสง
-สีที่สะท้อนวัตถุจากแสงไฟชนิดต่างๆ color rendering (ความผิดเพี้ยนของสีจากแสงที่ทำกับวัตถุตกกระทบ)
-ประเภทหลอดไฟและปริมาณความสว่าง
-ประเภทโคมและค่าป้องกัน IP
-คำนวณความสว่าง lux(lumen/sq.m.) ของพื้นที่ชนิดต่างๆตามมาตรฐานวิศวกรรม(แค่เปิดตารางแล้วเอาความสว่างหารด้วยตร.ม. ปกติใช้แค่นี้แหละครับ)
-การคำนวณไฟถนน(อันนี้ก็ง่ายๆเหมือนกัน)
-ส่วนเรื่องแสงจ้า(glare)ก็มีคำนวณตามสูตรไม่ยากเลย มีสูตรเดียว ไว้คำนวณการออกแบบแสงไฟสเตเดียม สนามกีฬา หรือที่ใหญ่ๆ ซึ่งปกติแล้วแม้แต่ภาคีไฟฟ้ากำลังก็ไม่เคยได้คำนวณหรอกครับ ต้องระดับสามัญขึ้นไป เพราะโปรเจคมันใหญ่กว่าจะให้เด็กๆทำกัน แต่ก็คำนวณง่ายๆอยู่ดี
สรุปเนื้อหาและวิธีการทำงานหลักๆของวิศวกร
-ก็แค่เปิดอยู่ตารางเดียวตามมาตรฐานวิศวกรรมแล้วก็เอามาคูณกับพื้นที่ก็จะได้แสงทั้งหมดที่ต้องติดตั้ง(lumen) แล้วก็ดูว่าสถานที่ที่ต้องการติดตั้งอยากได้แสง(สีของแสง)ประเภทไหน(ซึ่งคุณจบออกแบบมาก็ย่อมรู้)ก็ไปเลือกประเภทหลอดแล้วก็ดูว่าแต่ละหลอดกี่lumenก็ได้จำนวนหลอด แล้วก็เอาไปวางให้มันกระจายความสว่างทั่วทั้งห้อง(ซีเรียส เป็น first priority ก่อนการวางระบบชนิดอื่นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลำโพง ระบบแอร์ หรือป้องกันไฟไหม้ก็เป็นรองทั้งสิ้น) เพียงเท่านี้คุณก็ออกแบบแสงสว่างได้แล้วครับ ง่ายมากๆ ไม่ต้องง้อวิศวกร
ในมุมมองของวิศวกร ไอ้ที่ยากคือการออกแบบให้แสงไฟไม่เท่ากันเพราะดีไซน์เนอร์อยากจะเน้นไฟสาดเข้าไปส่องชิ้นงานหรืออะไรก็แล้วแต่เป็นจุดๆ เพราะมันคำนวณไม่ได้ มันเป็นศิลปะ ให้ดีไซน์เนอร์อย่างคุณบอกมาก็แล้วกันเดี๋ยววางตำแหน่งให้
ความรู้คณิตม.ต้นก็เหลือแหล่แล้วครับ ไม่ใช้ฟิสิกส์เลย
แต่ถ้าต้องการออกแบบระบบไฟฟ้ากำลังเพิ่มก็ไปซื้อหนังสือเพิ่มอีกเล่ม แต่ความยากจะผิดกันเนื้อหาเพิ่มขึ้นอีกมากมาย อันนี้ต้องมีความเข้าใจวงจรไฟฟ้าด้วยแนะนำว่าต้องเรียนไฟฟ้ามาจะดีกว่า แต่ถ้าแค่อยากพอรู้ไว้ดูแบบเป็นก็โอเค อ่านแล้วงงๆหน่อย(มักจะงง3เฟส)ก็คอยถามวิศวกรเอา
หวังว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์ต่อ จขกท.นะครับ
สมัยผมเรียนวิศวะไฟฟ้าอยู่มีเรียนวิชาออกแบบแสงสว่างอยู่วิชาเดียว(3หน่วยกิต) เป็นวิชาที่ไม่ไปอ้างอิงวิชาอื่นเลย ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานทางฟิสิกส์และวงจรไฟฟ้าใดๆเลยด้วย แค่ใช้เลขบวกลบคูณหารยกกำลังย้ายข้างแค่นั้นเอง เราเรียกวิชานี้ว่า illumination engineering(เป็นหนึ่งในวิชาที่ง่ายสุดๆเลย)
สมัยผมเรียนส่วนมากวิชานี้ก็แทบจะไม่เคยเข้าเรียนเลย อ่านหนังสือเองได้3วันก่อนสอบก็อ่านจบ(สอบไฟนอล100%) ลองไปหาซื้อหนังสือดูครับเป็นภาษาไทยด้วย อ่านง่าย ถ้าคุณทำเหมือนผมเท่านี้ช่วงวันหยุดยาวตั้งใจอ่านเล่มเดียวคุณก็สามารถออกแบบระบบแสงสว่างเหมือนกับวิศวกรได้เลย พอผมมาทำงานก็ไม่เคยต้องใช้ความรู้เกินหนังสือเล่มเดียวเลยครับครอบคลุมทุกอย่างจริงๆ ไปเถียงกับวิศวกรได้เลย เพราะตอนเรียนเขาก็อ่านแค่เล่มเดียวก็มาทำงานออกแบบแสงสว่างนี่แหละครับ
รายละเอียดเนื้อหาครอบคลุมเรื่อง
-สีของแสง
-สีที่สะท้อนวัตถุจากแสงไฟชนิดต่างๆ color rendering (ความผิดเพี้ยนของสีจากแสงที่ทำกับวัตถุตกกระทบ)
-ประเภทหลอดไฟและปริมาณความสว่าง
-ประเภทโคมและค่าป้องกัน IP
-คำนวณความสว่าง lux(lumen/sq.m.) ของพื้นที่ชนิดต่างๆตามมาตรฐานวิศวกรรม(แค่เปิดตารางแล้วเอาความสว่างหารด้วยตร.ม. ปกติใช้แค่นี้แหละครับ)
-การคำนวณไฟถนน(อันนี้ก็ง่ายๆเหมือนกัน)
-ส่วนเรื่องแสงจ้า(glare)ก็มีคำนวณตามสูตรไม่ยากเลย มีสูตรเดียว ไว้คำนวณการออกแบบแสงไฟสเตเดียม สนามกีฬา หรือที่ใหญ่ๆ ซึ่งปกติแล้วแม้แต่ภาคีไฟฟ้ากำลังก็ไม่เคยได้คำนวณหรอกครับ ต้องระดับสามัญขึ้นไป เพราะโปรเจคมันใหญ่กว่าจะให้เด็กๆทำกัน แต่ก็คำนวณง่ายๆอยู่ดี
สรุปเนื้อหาและวิธีการทำงานหลักๆของวิศวกร
-ก็แค่เปิดอยู่ตารางเดียวตามมาตรฐานวิศวกรรมแล้วก็เอามาคูณกับพื้นที่ก็จะได้แสงทั้งหมดที่ต้องติดตั้ง(lumen) แล้วก็ดูว่าสถานที่ที่ต้องการติดตั้งอยากได้แสง(สีของแสง)ประเภทไหน(ซึ่งคุณจบออกแบบมาก็ย่อมรู้)ก็ไปเลือกประเภทหลอดแล้วก็ดูว่าแต่ละหลอดกี่lumenก็ได้จำนวนหลอด แล้วก็เอาไปวางให้มันกระจายความสว่างทั่วทั้งห้อง(ซีเรียส เป็น first priority ก่อนการวางระบบชนิดอื่นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลำโพง ระบบแอร์ หรือป้องกันไฟไหม้ก็เป็นรองทั้งสิ้น) เพียงเท่านี้คุณก็ออกแบบแสงสว่างได้แล้วครับ ง่ายมากๆ ไม่ต้องง้อวิศวกร
ในมุมมองของวิศวกร ไอ้ที่ยากคือการออกแบบให้แสงไฟไม่เท่ากันเพราะดีไซน์เนอร์อยากจะเน้นไฟสาดเข้าไปส่องชิ้นงานหรืออะไรก็แล้วแต่เป็นจุดๆ เพราะมันคำนวณไม่ได้ มันเป็นศิลปะ ให้ดีไซน์เนอร์อย่างคุณบอกมาก็แล้วกันเดี๋ยววางตำแหน่งให้
ความรู้คณิตม.ต้นก็เหลือแหล่แล้วครับ ไม่ใช้ฟิสิกส์เลย
แต่ถ้าต้องการออกแบบระบบไฟฟ้ากำลังเพิ่มก็ไปซื้อหนังสือเพิ่มอีกเล่ม แต่ความยากจะผิดกันเนื้อหาเพิ่มขึ้นอีกมากมาย อันนี้ต้องมีความเข้าใจวงจรไฟฟ้าด้วยแนะนำว่าต้องเรียนไฟฟ้ามาจะดีกว่า แต่ถ้าแค่อยากพอรู้ไว้ดูแบบเป็นก็โอเค อ่านแล้วงงๆหน่อย(มักจะงง3เฟส)ก็คอยถามวิศวกรเอา
หวังว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์ต่อ จขกท.นะครับ
แสดงความคิดเห็น
อยากเรียนวิศวกรรมไฟฟ้าเพิ่มเติมจากที่จบสายอื่นมาต้องทำไงครับ??
โดยสาขาที่สนใจคือสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า โดยสาขาที่จบมาคือ(ออกแบบตกแต่งภายใน)
ที่สนใจสาขานี้เพราะผมสนใจเรื่อง Lighting Design เป็นทุนเดิมอยู่แล้วน้ะครับ
ปัญหาที่ผมอยากทราบก็คือ
1.ช่วงมัธยมผมเรียนสาย ศิลป์-คำนวณ มาสามารถต่อสายนี้ได้ไหมครับ (ผมกลัวเรื่องความรู้พื้นฐานจะเป็นปัญหาน้ะครับ)
2.มีมหาลัยไหนเปิดสอนเสา-อาทิตย์บ้างครับ
3.มีช่องทางไหนบ้างหากผมจะศึกษาในด้านนี้ครับ
ขอบคุณครับ