[CR] Backpack พาแม่เที่ยว ปุตราจายา กัวลาลัมเปอร์ เก็นติ้ง 2 วัน 1 คืน

สวัสดีครับ ทริปนี้ได้มีโอกาส พาคุณแม่ของผมและของแฟนมาเที่ยวด้วยกัน ไม่ซิ ต้องบอกว่า พาบรรดาคุณแม่มาทรมานซะมากกว่า เนื่องจากตั้งใจไว้ว่าจะเดินชมเมือง ปุตราจายา โดยการออกจากสถานีรถไฟและเดินไปที่ มัสยิดปุตรา ซึ่งใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมง กลางแสงแดด รวมถึงทั้งทริปที่ต้องโดยสารโดยรถไฟ รถบัส เกือบทั้งทริป แค่คุณแม่ๆก็สู้ไม่ถอยครับ ครั้งนี้ก็ยังคงใช้รูปถ่ายจาก Note 2 เช่นเคยครับ

ทริปนี้มีแผนการเดินทาง และค่าใช้จ่าย ดังนี้ครับ



การเดินทางมายังมาเลเซีย สามารถใช้เพียงแค่ Passport อย่างเดียวครับ โดยเขียน Immigration Form ออกจากประเทศไทย และยื่น Passport อย่างเดียวให้ด่านตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซียได้เลยครับ ไม่ต้องเขียนใบขาเข้าใดๆ ส่วนขาออกก็เช่นกันครับ ออกจากมาเลเซียได้เลย และใช้ Immrigration Form ที่เหลือ ขาเข้าประเทศไทยครับ

เครื่องมาลงที่ KLIA2 ซึ่งเป็นส่วนของสายการบิน Low Cost ซึ่งเป็นแห่งเดียวกับ KLIA นั่นแหละแค่แยกส่วนออกมา สนามบินกัวลาลัมเปอร์ค่อนข้างใหญ่พอควร เดินจาก Gate ไป ด่านตรวจคนเข้าเมือง ไกลสักนิดหนึ่ง หลังจากออก
  




หลังจากลงบันไดเลื่อนแล้วเลี้ยวขวาเล็กน้อยก็จะเจอจุดขายตั๋วครับ



บัตรหน้าตาเป็นแบบนี้ครับ คล้ายๆ BTS บ้านเรา



เนื่องจากเราไม่ได้ตรงเข้า KL Sentral  เราเลยต้องไปที่ Platform B ครับ สำหรับสายที่วิ่งตรงไปยัง KL Sentral เลยจะต้องไปที่ Platform A ครับ
  




หลังจากลงจากรถไฟที่สถานีปุตราจายา ก็เดินออกมาข้างนอกครับ ถามทางคนแถวนี้ว่าต้องการเดินไป มัสยิดปุตราไปทางไหน เขาก็รีบแนะนำทันทีให้นั่ง Taxi หรือ รถเมล์ ไปเนื่องจากมันไกลมาก แต่เราก็คงยังยืนยันจะเดินไปครับ
เดินออกมาอย่างมั่นใจ สุดท้ายไปเจอทางตันครับ



เดินกลับมาตั้งหลักที่จุดนี้ครับ รอบแรกเราเดินตรงเข้าไปที่จริงแล้ว ต้องเดินเลี้ยวซ้ายผ่านหน้าไปครับ




หลังจากนั้นก็เดินไปเรื่อยๆจนเจอ 3 แยกไฟแดงแล้วเลี้ยว ขวาครับ เดินตรงไปเรื่อยๆ



นั่นไงสะพานข้ามแม่น้ำในแผนที่  เห็นจุดหมายแรกแล้ว





เดินตามทางต่อไปเรื่อยๆ



เมืองนี้ทำทางเดินค่อนข้างดีเลยครับ ข้ามถนนก็มีที่ให้กด เพื่อรอไฟข้ามถนน  เดินมาไม่ลำบากเลยครับ แต่อากาศค่อนข้างร้อนนิดหนึ่ง
  




ถึงสะพานแล้วแวะถ่ายรูป ซะหน่อย
  




หลังจากผ่านสะพานมาก็เดินไปตามทางเลยครับ แต่คุณแม่ๆขอแวะพัก สัก 10 นาทีครับ





หลังจากพักเสร็จก็เดินลุยข้ามสะพานสุดท้ายก่อนจะถึงมัสยิดครับ

  





ในที่สุดก็เดินมาถึงมัสยิดจนได้ครับ เดินมาเรื่อยๆชิวๆ หลงทางบ้าง ใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาทีครับ ถ้าไม่หลงทางน่าจะ 40 นาทีถึงครับ หลังจากมาถึงมัสยิดก็รีบหาที่กินข้าวเลยครับ ซึ่งร้านข้าวจะอยู่ชั้นล่างในส่วนของ ร่มสีขาวๆในภาพครับ  





กินมื้อเที่ยงกันที่ร้านนี้ครับ รสชาติอาหารพอโอเคครับ กินได้ ไม่ขัดปากครับ



เข้ามัสยิดผู้หญิงทุกคน ที่ไม่ได้ใส่ชุดตามศาสนาของเขา ต้องใส่ชุดที่เขาเตรียมไว้ให้ด้วยนะครับ ผู้ชายใส่ขาสั้นแบบผมก็โดนครับ เลยกลายมาเป็นนักเรียนโรงเรียนเวทยืมนต์กันทุกคนเลย



หลังจากออกจากมัสยิดมา ไม่มี Taxi ยอมไปส่งที่สถานีปุตราจายา เลยครับ เนื่องจากคุยกันแล้วเขาบอกว่าให้นั่งไปจุดหมายที่จะไปถูกกว่า คุยกันตกลงราคากันเรียบร้อย ก็ยอมขึ้น Taxi ไป KL Sentral ครับ สรุปมิเตอร์เกินราคาไปเยอะเลยครับแต่โชคดีที่ตกลงราคากันเอาไว้แล้วและเขาคุยด้วยค่อนข้างง่าย ตอนแรกตั้งใจว่ามาจะไม่ขึ้น Taxi เลยเนื่องจากอ่านมาเยอะเขาว่าไม่ดีเท่าไหร ครั้งนี้โชคดีไปครับ



หลังจากถึง KL Sentral เราก็หาซื้อตั๋วไป Batu Caves กันต่อเลยครับ โดยไปสาย KTM KOMUTER ครับวิธีโดยสารสายนี้คือเดินเข้าไปเลย ขาออกจะมีคนยืนเก็บตั๋วอยู่ครับ


    








หลังจากมาถึง Batu Caves ทางออกก็จะมีของขายครับ เราแวะซื้อเศษมะม่วงมากินกันในราคาซื้อมะม่วงที่เมืองไทย ปริมาณมีเท่าในภาพเลยครับ รวสชาติก็มะม่วงเปรี้ยวบ้านเรา
      














ขากลับฝนเริ่มตกแล้วครับ



หลังจากกลับมาถึง KL Sentral เราก็เตรียมเข้าไปเก็บของที่พักกันครับ ซึ่งเราพักที่ Orange Pekoe ต้องนั่งรถไฟ Mono Rail ไปที่ Raja Chulan ครับโดยเดินทะลุห้าง ตามเหล็กที่พื้นไปเรื่อยๆครับ



ตั๋วและการใช้งานเหมือนรถไฟฟ้าใต้ดินบ้านเราครับ
    








หลังจากถึง Raja Chulan ลงมาฝนก็ยังตกไม่หยุดครับ รอสักพักก็เบาลง จนเดินมาถึงหน้าโรงแรมนี้ฝนก็ตกหนักอีกครั้ง เราก็ยืนหลบฝนตรงนี้นานเลยครับ



ในที่สุดก็ตัดสินใจผ่าฝนข้ามถนนไปกินอาหารที่ร้านนี้ครับ พอสั่งอาหารเรียบร้อยฝนหยุดตกทันที  ตอนแรกตั้งใจกินขั้นเวลา แต่พอกินเสร็จเท่านั้นแหละ ขอตั้งเป็นร้านแนะนำเลยครับ รสชาติอร่อยถูกปากมากๆ แถมราคายังถูกอีกด้วย





แกงกระหรี่ไก่ กลิ่นเครื่องเทศ กำลังดี กินกับข้าวสวยอร่อยมาก จานนี้ 5 ดาว



ไก่ย่าง รสชาติกำลังดี แต่ยังไม่เด็ดมากเท่าไหรครับ จานนี้ 3 ดาว



โรตีชีส กับ น้ำแกง ตอนแรกไม่เคยกินเคยแต่ได้ยิน ก็บ่นว่ากินกันไปได้ไง แต่พอได้มากินเองแล้วเกลี้ยงเลยครับ จานนี้ 4 ดาว



โรตีไมโล เนื่องจากก่อนมา ได้รู้ว่าที่นี่เขานิยม ไมโลกัน ก็เลยสั่งทั้งน้ำและโรตี มาลองชิมหน่อยครับ เขาได้ใส่นมข้นมาให้ด้วย จิ้มนมข้นอร่อย อย่าบอกใครเชียวละ แต่กับน้ำแกงเหลืองๆที่ให้มาไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหรครับ จานนี้ 5 ดาว



ข้าวผัดธรรมดาที่ไม่ธรรมดา กลิ่นเครื่องเทศเฉพาะตัวที่ผัดออกมาแล้ว ได้รสชาติและกลิ่นที่พอเหมาะ อร่อยแบบที่หากินในไทยไม่ได้ครับ จานนี้ 5 ดาว



และที่สั่งไปมีต้มยำทะเลอีกอย่างครับ แต่สงสัยลืมถ่ายหารูปไม่เจอครับ รสชาติธรรมดาครรับ ให้ 3 ดาว หลังจากนั้นก็เรียกคิดเงินครับ กินกัน 4 คน 6 อย่าง อิ่มและอร่อยมากก   ตอนนี้พิมพ์ไปยังคิดถึงรสชาติอยู่เลยครับ ไปอีกรอบต้องแวะไปแน่นอนครับ



หลังจากกินเสร็จ ก็เดินไปเข้าที่พักครับ ไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงที่พัก ที่พักเป็น 1 เตียงใหญ่ 2 เตียงเล็ก นอน 4 คนครับ



หลังจากมาถึงที่พัก ฝนก็ตกอีกครั้งไม่ยอมหยุดสักที ตั้งใจว่าจะไป KLCC ก็เลยเลื่อนเป็นพรุ่งนี้แทนครับ  รอจนฝนเบาลงก็เดินออกมาหาร้านชิบเบียร์ครับ เดินออกมาจากที่พักเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงย่านร้านท่องเที่ยวแล้วครับ ความรู้สึกเหมือนพักกลาง เอกมัย-ทองหล่อ โดยเราตัดสินใจเลือกร้านนี้เนื่องจากบรรยากาศชิวๆครับ ร้านอื่นค่อนข้างเป็นสไตล์ผับบ้านเรา



เนื่องจากวันนี้เป็นวันฮาโลวีน บรรดาแม่ๆก็สนุกกันเลยครับ ตามล่าผีมาถ่ายรูป









ชื่อสินค้า:   มาเลเซีย
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่