สงสัยจะซื้อกันเป็นประจำ แต่ชอบไปกล่าวหาว่าพรรคอื่นภาคอื่นซื้อเสียงเข้ามา ...เฮ้ออช่วงนี้มีแต่ข่าวน่าขำ คนมีหน้าที่ตรวจป้องกันการทุจริต ที่ชอบกล่าวหาว่าพรรคบางพรรคโกง กลับโดนศาลตัดสินว่าทุจริตเสียเอง ต้องจำคุกสองปี ขอเอาข่าวมาลงดีกว่าข่าวมติชน
กรุงเทพโพลล์ เผยคนใต้พบการซื้อเสียงมากสุด ทั้งเลือกตั้งระดับชาติ-ท้องถิ่น อีสานมาที่ 2 ขณะที่กทม. รั้งท้าย
ในภาพรวมประชาชนร้อยละ 57.0 ไม่เคยพบเห็นการซื้อสิทธิขายเสียงในการเลือกตั้งใหญ่ปี 2554 ที่ผ่านมา ขณะที่ร้อยละ 43.0 เคยพบเห็น เมื่อแยกพิจารณาแต่ละภูมิภาคพบว่าในการเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2554
ภาคใต้เป็นภาคที่ประชาชนเคยพบเห็นการซื้อสิทธิขายเสียงมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 51.0 รองลงมาเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 49.1
ขณะที่ภาคกลาง เคยพบเห็นร้อยละ 45.9 ปริมณฑล เคยพบเห็นร้อยละ 45.3 ภาคตะวันออก เคยพบเห็นร้อยละ 40.2 ภาคเหนือ เคยพบเห็นร้อยละ 36.9 ส่วนกรุงเทพมหานคร เคยพบเห็นร้อยละ 27.4
ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 72.6 ในกทม.ไม่เคยพบเห็นการซื้อสิทธิขายเสียง
กรุณาอ่านต่อที่
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1448955574
************************************
ข้อสังเกตุ
- โพลล์นี้ดูเหมือนจะทำเพื่อให้เห็นภาพว่ามีการซื้อเสียงมากมาย และในข่าวโพลล์พยายามจะมีการสรุปเป็นอย่างนั้น แต่จะเห็นว่าผลโพลล์เองไม่สามารถสรุปได้แบบนั้น เพราะต้องสรุปว่า "ส่วนใหญ่ไม่พบการซื้อเสียง คือในภาพรวมร้อยละ 57 ไม่พบเห็นการซื้อเสียง" ดังนั้น การซื้อเสียงการเป็นส่วนน้อย ไม่ใช่ส่วนที่มากกว่า
- โพลล์ไม่ได้วิจัยต่อไปว่า ประชาชนที่รับเงินนั้น ได้ลงคะแนนให้ผู้สมัครที่จ่ายเงินให้หรือไม่ ดังนั้น จึงยังไม่มีหลักฐานมาหักล้างการวิจัยก่อนหน้านี้ของปริญญา เทวานฤมิตรกุล และรศ.สิริพรรณ นกสวน ที่พบว่า ประชาชนผู้ที่รับเงิน ส่วนใหญ่ไม่ได้ลงคะแนนให้ตามผู้จ่ายเงินแต่ลงคะแนนให้คนที่ตนอใจจะเลือก มีผลให้การซื้อเสียงไม่มีผลต่อการเลือกตั้งในที่สุด
- อนึ่ง การวิจัยก่อนหน้านี้ของอจ.รศ.สิริพรรณ นกสวน ไม่ได้พบว่าคนภาคใต้ซื้อเสียงมากที่สุด แต่พบว่าเมื่อถามว่า "ถ้ารับเงินหรือสิ่งตอบแทนแล้วจะเป็นสิ่งผูกมัดที่จะต้องเลือกนั้น" ภาคใต้ตอบคำถามนี้ว่า "ใช่" มากกว่าภาคอื่น
สรุป
ที่ปลุกปั่นว่ามีการซื้อเสียงในการเลือกตั้ง ดังนั้นต้องล้มการเลือกตั้ง ไม่ยอมให้มีการเลือกตั้ง ต้องปฏิรูปกันก่อน(ปฏิรูปแบบกรรมการร่างรธน ที่ยังวนในอ่างไม่เสร็จ) ก็ยังเป็นคำกล่างอ้างที่เลื่อนลอย เพราะคนส่วนใหญ่ไม่พบการซื้อเสียง และไม่มีหลักฐานว่ารับเงินแล้วมีผลต่อการเลือกของประชาชน หากคิดจะปฎิรูปจริงๆๆ ก็ควรพิจารณาไปปฏิรูปภาคใต้ของนกหวีดสุเทพให้ดีเสียก่อน ใช่ไหมเทพเทือก
۞۞ ::: 555 ผลวิจัยออกมาอีกแล้วครับ ภาคที่ซื้อเสียงมากที่สุดคือภาคใต้ นกหวีดสุเทพว่าไง ::: ۞۞ ไทโรครับ
กรุงเทพโพลล์ เผยคนใต้พบการซื้อเสียงมากสุด ทั้งเลือกตั้งระดับชาติ-ท้องถิ่น อีสานมาที่ 2 ขณะที่กทม. รั้งท้าย
ในภาพรวมประชาชนร้อยละ 57.0 ไม่เคยพบเห็นการซื้อสิทธิขายเสียงในการเลือกตั้งใหญ่ปี 2554 ที่ผ่านมา ขณะที่ร้อยละ 43.0 เคยพบเห็น เมื่อแยกพิจารณาแต่ละภูมิภาคพบว่าในการเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2554 ภาคใต้เป็นภาคที่ประชาชนเคยพบเห็นการซื้อสิทธิขายเสียงมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 51.0 รองลงมาเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 49.1
ขณะที่ภาคกลาง เคยพบเห็นร้อยละ 45.9 ปริมณฑล เคยพบเห็นร้อยละ 45.3 ภาคตะวันออก เคยพบเห็นร้อยละ 40.2 ภาคเหนือ เคยพบเห็นร้อยละ 36.9 ส่วนกรุงเทพมหานคร เคยพบเห็นร้อยละ 27.4 ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 72.6 ในกทม.ไม่เคยพบเห็นการซื้อสิทธิขายเสียง
กรุณาอ่านต่อที่ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1448955574
************************************
ข้อสังเกตุ
- โพลล์นี้ดูเหมือนจะทำเพื่อให้เห็นภาพว่ามีการซื้อเสียงมากมาย และในข่าวโพลล์พยายามจะมีการสรุปเป็นอย่างนั้น แต่จะเห็นว่าผลโพลล์เองไม่สามารถสรุปได้แบบนั้น เพราะต้องสรุปว่า "ส่วนใหญ่ไม่พบการซื้อเสียง คือในภาพรวมร้อยละ 57 ไม่พบเห็นการซื้อเสียง" ดังนั้น การซื้อเสียงการเป็นส่วนน้อย ไม่ใช่ส่วนที่มากกว่า
- โพลล์ไม่ได้วิจัยต่อไปว่า ประชาชนที่รับเงินนั้น ได้ลงคะแนนให้ผู้สมัครที่จ่ายเงินให้หรือไม่ ดังนั้น จึงยังไม่มีหลักฐานมาหักล้างการวิจัยก่อนหน้านี้ของปริญญา เทวานฤมิตรกุล และรศ.สิริพรรณ นกสวน ที่พบว่า ประชาชนผู้ที่รับเงิน ส่วนใหญ่ไม่ได้ลงคะแนนให้ตามผู้จ่ายเงินแต่ลงคะแนนให้คนที่ตนอใจจะเลือก มีผลให้การซื้อเสียงไม่มีผลต่อการเลือกตั้งในที่สุด
- อนึ่ง การวิจัยก่อนหน้านี้ของอจ.รศ.สิริพรรณ นกสวน ไม่ได้พบว่าคนภาคใต้ซื้อเสียงมากที่สุด แต่พบว่าเมื่อถามว่า "ถ้ารับเงินหรือสิ่งตอบแทนแล้วจะเป็นสิ่งผูกมัดที่จะต้องเลือกนั้น" ภาคใต้ตอบคำถามนี้ว่า "ใช่" มากกว่าภาคอื่น
สรุป
ที่ปลุกปั่นว่ามีการซื้อเสียงในการเลือกตั้ง ดังนั้นต้องล้มการเลือกตั้ง ไม่ยอมให้มีการเลือกตั้ง ต้องปฏิรูปกันก่อน(ปฏิรูปแบบกรรมการร่างรธน ที่ยังวนในอ่างไม่เสร็จ) ก็ยังเป็นคำกล่างอ้างที่เลื่อนลอย เพราะคนส่วนใหญ่ไม่พบการซื้อเสียง และไม่มีหลักฐานว่ารับเงินแล้วมีผลต่อการเลือกของประชาชน หากคิดจะปฎิรูปจริงๆๆ ก็ควรพิจารณาไปปฏิรูปภาคใต้ของนกหวีดสุเทพให้ดีเสียก่อน ใช่ไหมเทพเทือก