พอดีผมกำลังมีประเด็นที่กำลังถกเถียงกับเจ้านายที่เป็นฝรั่ง คือเค้าไปสัมมนามาทุกแห่ง หรืออ่านบทความภาษาอังกฤษในเมืองไทยจากทุกแหล่ง จะบอกตรงกันว่า ชาวต่างชาติที่มี residence อยู่ในเมืองไทย จะต้องเสียภาษีมรดกให้แก่ประเทศไทยด้วยถึงแม้จะได้รับมรดกจากญาติที่ต่างประเทศ และทรัพย์สินก็อยู่ในต่างประเทศ
พอมาดูกฎหมาย คือ พรบ. ภาษีการรับมรดก จะมีระบุอยู่ในมาตรา 11 ว่า “ให้บุคคลผู้ได้รับมรดกดังต่อไปนี้เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้
(๒) บุคคลธรรมดาผู้มิได้มีสัญชาติไทย แต่มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง”
เข้าใจว่าคำว่า “มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร” พอแปลเป็นภาษาอังกฤษ ก็ใช้คำว่า “have residence in Thailand” พวกชาวต่างชาติอ่านคำนี้ ก็เลยพลอยเข้าใจว่า แม้ฝรั่งที่อยู่ในเมืองไทยจนมี residence ในเมืองไทย (แต่ยังไม่ได้ permanent residence นะ) ก็จะต้องเสียภาษีมรดก หากได้รับมรดกในต่างประเทศจากญาติที่เสียชีวิตในต่างประเทศด้วย
ซึ่งผมเห็นว่าไม่น่าจะถูกต้อง เพราะคำว่า “มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร” มันมีคำขยายพ่วงท้ายตามมาอีกว่า “..ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง” ดังนั้น การตีความคำนี้ จึงทิ้งคำขยายนี้ไปไม่ได้ แต่ต้องเอามาตีความรวมด้วย ดังนั้น จึงจำเป็นต้องไปเปิด พรบ. คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 เพื่อให้เข้าใจในทางกฎหมายว่า คำว่า “มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร” ตามกฎหมายนี้ หมายถึงอะไร
ซึ่งจะเห็นว่า การที่ชาวต่างชาติจะมี “ถิ่นที่อยู่” ในเมืองไทย ตามกฎหมายนี้ ยากมากๆ เพราะมีโควต้าให้แต่ละประเทศ ซึ่งจะประกาศเป็นรายปี และแต่ละประเทศจะได้โควต้าไม่เกิน 100 คนต่อปีเท่านั้น และมีเงื่อนไขมากมาย เช่นต้องรู้ภาษาไทย ต้องอยู่ในเมืองไทยมาแล้วไม่น้อยกว่ากี่ปี และพอได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่แล้ว เค้าก็จะออกใบสำคัญถิ่นที่อยู่ให้พกพาติดตัว (ภาษาที่เค้าเรียกกัน ก็คือ permanent residence หรือถิ่นที่อยู่ถาวร แต่ความจริงในกฎหมาย ไม่ได้ใช้คำนี้)
แต่คนต่างชาติที่ได้รับ retirement visa ไม่มีใบสำคัญถิ่นที่อยู่ แต่เพียงแต่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเท่านั้น แต่อาจะได้สิทธินานกว่าหน่อย แต่ไม่ใช่หมายถึงว่าเค้ามีถิ่นที่อยู่ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ดังนั้น ผมเห็นว่า พวกนี้ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมรดก จากมรดกที่ได้รับในต่างประเทศ
ชาวต่างชาติที่ได้รับ Retirement Visa ให้อยู่ในไทย จะต้องเสียภาษีมรดกในไทย จากมรดกที่ได้รับในต่างประเทศหรือไม่
พอมาดูกฎหมาย คือ พรบ. ภาษีการรับมรดก จะมีระบุอยู่ในมาตรา 11 ว่า “ให้บุคคลผู้ได้รับมรดกดังต่อไปนี้เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้
(๒) บุคคลธรรมดาผู้มิได้มีสัญชาติไทย แต่มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง”
เข้าใจว่าคำว่า “มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร” พอแปลเป็นภาษาอังกฤษ ก็ใช้คำว่า “have residence in Thailand” พวกชาวต่างชาติอ่านคำนี้ ก็เลยพลอยเข้าใจว่า แม้ฝรั่งที่อยู่ในเมืองไทยจนมี residence ในเมืองไทย (แต่ยังไม่ได้ permanent residence นะ) ก็จะต้องเสียภาษีมรดก หากได้รับมรดกในต่างประเทศจากญาติที่เสียชีวิตในต่างประเทศด้วย
ซึ่งผมเห็นว่าไม่น่าจะถูกต้อง เพราะคำว่า “มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร” มันมีคำขยายพ่วงท้ายตามมาอีกว่า “..ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง” ดังนั้น การตีความคำนี้ จึงทิ้งคำขยายนี้ไปไม่ได้ แต่ต้องเอามาตีความรวมด้วย ดังนั้น จึงจำเป็นต้องไปเปิด พรบ. คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 เพื่อให้เข้าใจในทางกฎหมายว่า คำว่า “มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร” ตามกฎหมายนี้ หมายถึงอะไร
ซึ่งจะเห็นว่า การที่ชาวต่างชาติจะมี “ถิ่นที่อยู่” ในเมืองไทย ตามกฎหมายนี้ ยากมากๆ เพราะมีโควต้าให้แต่ละประเทศ ซึ่งจะประกาศเป็นรายปี และแต่ละประเทศจะได้โควต้าไม่เกิน 100 คนต่อปีเท่านั้น และมีเงื่อนไขมากมาย เช่นต้องรู้ภาษาไทย ต้องอยู่ในเมืองไทยมาแล้วไม่น้อยกว่ากี่ปี และพอได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่แล้ว เค้าก็จะออกใบสำคัญถิ่นที่อยู่ให้พกพาติดตัว (ภาษาที่เค้าเรียกกัน ก็คือ permanent residence หรือถิ่นที่อยู่ถาวร แต่ความจริงในกฎหมาย ไม่ได้ใช้คำนี้)
แต่คนต่างชาติที่ได้รับ retirement visa ไม่มีใบสำคัญถิ่นที่อยู่ แต่เพียงแต่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเท่านั้น แต่อาจะได้สิทธินานกว่าหน่อย แต่ไม่ใช่หมายถึงว่าเค้ามีถิ่นที่อยู่ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ดังนั้น ผมเห็นว่า พวกนี้ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมรดก จากมรดกที่ได้รับในต่างประเทศ