
สวัสดีครับ ขอบอกก่อนว่านี่เป็นกระทู้แรกของผมแล้วก็ยืมไอดีเพื่อนมา จริงๆเคยสมัครไว้นานแล้ว แต่ยืนยันไม่ผ่าน (???) 555 พอดีว่าค่อนข้างรีบเลยยืมใช้แก้ขัดก่อนแล้วกัน
ก่อนอื่นขอเล่าประวัติผมนิดนึง ผมใช้ชีวิตอยู่ที่เกาหลีมา 1ปีกว่าๆ หลังจากที่ได้ทุนของกพ. ตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ม.6 พอจบก็มาเลย มาแบบยังไม่มีมหาลัย และต้องเรียนภาษาเกาหลีระหว่างที่หามหาลัยให้ได้ภายใน 2 ปี ถ้ามีเวลาจะมาเราให้ฟังทีหลังนะครับ
มีเพื่อนๆหลายคนอยากให้ผมเขียนแชร์ประสบการณ์ตอนที่มาอยู่เกาหลีตั้งแต่ตอนที่มาแรกๆแล้ว แต่ก็ขี้เกียจเหลือเกิน5555 แต่ตอนนี้ได้งานนึงมาทำครับ เป็นงานที่ผมเอาข้อมูลจากเว็ปท่องเที่ยวในเกาหลีเวปนึง(แต่เป็นภาษาอังกฤษ) มาคัดกรองและเผยแพร่ให้เป็นภาษาไทย เลยคิดว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้ทั้งเล่าประสบการณ์และทำงานไปพร้อมๆกัน (แต่จะบอกว่าค่าแรงน้อยมาก คิดว่าทำสนุกๆแล้วกัน555)
ก่อนอื่นขอพูดถึงเมืองหลวงของเกาหลีกันก่อน กรุงโซลนั้นเอง เอาง่ายๆโซลก็คล้ายๆกรุงเทพเลยครับ เป็นเมืองที่มีทั้งวัด พระราชวัง แต่ก็มีย่านเศรษฐกิจ แสงสี แต่ผมคิดว่าจุดเด่นของที่นี่คือ การเดินทางสะดวกกว่ากรุงเทพฯมากกกกกกกกกกก แต่บางช่วงเวลากะจะรถติดก็ติดไม่แพ้กรุงเทพกันเลย ตอนผมมาวันแรกมีพี่จากสถานทูตไทยมารับจากสนามบินและขับรถพาไปส่งที่ที่พัก ผมจำได้แม่นว่าใช้เวลาเดินทางจากเมืองอินชอนซึ่งติดๆกัน(สนามบินอยู่ในเมืองนี้)เข้าตัวกรุงโซล ใช้เวลาประมาณ3ชั่วโมงกว่าๆ ซึ่งผมมารู้ทีหลังว่าถ้านั่งรถไฟฟ้าใช้เวลาแค่ 45 นาที -.-
ในด้านการคมนาคม รถไฟฟ้าของที่นี่จะมีมีหลายสายมากครับ แต่จะเป็นบนดิน+ใต้ดิน ผสมกัน เปลี่ยนไปตามภูมิประเทศ เพราะเมืองเขาเป็นภูเขาครับ

นี่เป็นผังรถไฟฟ้าของที่นี่ครับ ตอนแรกสุดที่มา ผมก็เลือกที่พักที่ไม่ไกลจากที่เรียนภาษามากนะครับ เดินทางแค่ 6 สถานี แต่ก็ยังหลง!! เพราะผมต้องเปลี่ยนสายถึงตั้ง 2 รอบ ซึ่ง การ เปลี่ยน สาย มัน งง มากกกก เอาเป็นว่า คนเกาหลีก็ยังบอกเลยว่าหลง 5555
นอกจากนี้ โซลยังขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีไวไฟเยอะและแรงที่สุดในโลกด้วย ในโซลจะมีร้านกาแฟเยอะมากและเกือบทุกร้านจะมีไวไฟให้ใช้ฟรี ซึ่งก็ทำให้สะดวกต่อนักท่องเที่ยวอย่างมากเลยครับ
(ขออนุญาตลบเนื้อหาบางส่วนที่ได้มาเกาหลีออกนะครับ ถ้าใครอยากรู้เดี๋ยวจะเขียนให้อีกกระทู้นึง

)
ต่อไปนี้ก็จะเป็น 5 สายการเที่ยวที่ถือว่าควรทำให้ครบ ซึ่งผมก็ได้สัมผัสมาแล้วในเวลา1ปีที่อยู่มา สำหรับใครที่ชอบหรือไม่ชอบบางอันก็ลองอ่านดูก่อนได้ครับ
1.สายถ่ายรูป ชมนกชมไม้
เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้ชอบเที่ยวอะไรสไตล์นี้เท่าไร แต่เคยลองไปตอนที่เพื่อนๆชวนก็โอเคนะครับ ก็ไปเดินเล่น ถ่ายรูป ชมบรรยากาศ ในโซลมีพระราชวังอยู่หลายที่ หลักๆจะมีอยู่ 5 วัง แต่ที่ใหญ่ที่สุด และที่ผมคิดว่าทัวร์ส่วนใหญ่ชอบพาไปก็คือ Gyeongbokgung(คยองบกกุง) หรือพระราชวังคยองบก เขาบอกว่าเป็นวังที่ใหญ่ที่สุด แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะเคยไปแค่วังเดียว ตอนนั้นที่ผมไปเป็นวันปีใหม่ของเกาหลีครับ ได้เข้าฟรีด้วย จะบอกว่าทัวร์จีนเยอะไปไหน 5555
Gyeongbokgung
คนเกาหลีที่มาส่วนมากจะมาเป็นครอบครัว ดูอบอุ่นดี เด็กๆที่นี่ก็น่ารัก ทำเอาแอบคิดถึงตอนวัยเด็กเลย

เข้ามาก็จะเป็นลานโล่งๆก่อนครับ

ปกติแล้วที่นี่จะเปิดแค่ตอนกลางวัน แต่ในวันพิเศษหรือเทศกาลสำคัญก็จะเปิดให้ชมถึงตอนกลางคืนด้วย
นอกจากวังที่เป็นสถานที่เก่าแก่ที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ในโซลก็ยังมีหมู่บ้านโบราณที่รักษาสภาพไว้ตั้งแต่อดีต และในปัจจุบันก็มีคนอาศัยอยู่จริงๆด้วย หมู่บ้านไม่ไกลจากคยองบกกุงด้วยครับถ้าขึ้นไปทางเหนือก็จะเป็น Bukchon Hanok Village และก็จะมีที่ด้านตะวันตกอีก คือ Seochon Village แต่ที่ผมเคยไปคือ Bukchon Hanok Village จะบอกว่าถ้าเทียบกับคนไทยก็ให้ฟิวไปดูบ้านเรือนไทย การใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย แต่ก็มีบางบ้านที่ตกแต่งให้มีสไตล์โมเดิร์นขึ้นมาหน่อย
Bukchon Hanok Village
หมู่บ้านอยู่ติดถนนใหญ่เลย

เส้นทางแอบงงๆแถมมีขึ้นเนินเขาด้วย

ภายในตัวบ้าน มีชุดประจำชาติให้เช่าใส่ด้วย
2.สายวัฒนธรรม
มาเกาหลีทั้งทีก็ต้องเรียนรู้วัฒนธรรมของบ้านเขาครับ สถานที่แรกที่จะแนะนำก็คือ Goguan Studio ที่นี่ก็จะมีชุดประจำชาติให้ใส่หรือที่เรียนว่าฮันบกเหมือนกัน รวมถึงมีฉากให้ถ่ายรูปเยอะมาก แล้วก็มีให้เขียนตัวอักษรคล้ายๆกับของจีน
Goguan Studio
เข้ามาดื่มชาในนี้ก็ได้

คนเกาหลีก็ยังมาเลยคิดดู555

ฉากให้ถ่ายรูป

อันนี้เขียนเอง เละ555555
สถานที่ต่อไปที่จะแนะนำ ขอบอกว่าแตกต่างกับทั้งหมดที่ได้พูดไปตอนแรก สถานที่ด้านบนทั้ง3ที่นั้นผมว่าไปครั้งแรกก็ถือว่าดีครับ แต่ถ้าให้ไปอีกรอบก็คงเฉยๆ แต่สถานที่ที่ผมภูมิใจนำเสนอ(มาก) ก็คือ Jjimjilbang หรือ ซาวน่าสไตล์เกาหลี นั้นเองงง
คนเกาหลีจะเรียกว่า จิมจิบัง ครับ ถ้าหากใครอยากมาผมขอแนะนำ Dragon Hill เป็นจิมจิบังที่ครบวงจรมาก ปกติจิมจิบังจะแยกหลายชั้น ชั้นนึงเป็นห้องอาบน้ำผู้ชาย อีกชั้นเป็นห้องอาบน้ำผู้หญิง ซึ่งจะแยกกันอย่างชัดเจน เพราะว่าทุกคนต้องเปลื้องผ้าหมดทุกชิ้นในชั้นนั้น นอกจากอาบน้ำก็จะมีบ่อน้ำร้อนหลายๆระดับให้เลือกแช่ด้วย แล้วก็จะมีห้องซาวน่าหรืออบไอน้ำในอีกชั้นนึง ซึ่งชั้นนี้จะเป็นชั้นรวมไม่แยกชายหญิง มีห้องหลายอุณหภูมิ ห้องเย็นก็มีซึ่งผมชอบมาก 5555 นอกจากนี้ยังมีส่วนที่ให้ร้องคาราโอเกะ ร้านเกมส์ คาเฟ่ ร้านอาหาร รวมถึงมีบริการนวดแผนไทยด้วย ซึ่งผมบอกเลยว่าส่วนพวกนี้จิมจิบังที่อื่นไม่มีด้วยนะ (ถ้ามีโอกาสจะมาเขียนประสบการณ์ในการเข้าจิมจิบังครั้งแรกนะครับ เพราะมันเป็นอะไรที่ระทึกมาก 5555)
Jjimjilbang- Dragon Hill
ทางเข้า ตกแต่งเป็นสไตล์จีนๆ

อันนี้ผมว่ามันนรกสุดแล้ว ร้อนมาก อารมณ์เหมือนเดินที่อนุเสาวรีย์ตอนเที่ยง ร้อนจนแทบหายใจไม่ออก แต่มันผ่อนคลายดีจริงๆ

ห้องเย็นถึงกับมีน้ำแข็งเกาะ
3.สายแดรกส์
สำหรับผมแล้ว การไปเที่ยว เรื่องกินสำคัญที่สุด 555555 ถ้าพูดถึงอาหารเกาหลีก็ต้องเป็น หมูย่างเกาหลีครับ ถ้าเป็นของหวานก็ พิงซู หรือ น้ำแข็งไสเกาหลี นอกจากนี้ก็ยังมี street food อีกมากมาย เช่น ต็อกบกกี หรือ แป้งเค้กผัดซอสแดง โอเด้ง softcream ซึ่งแหล่งของstreet food ก็จะมีแถว Myeongdong (ซึ่งเป็นย่านชอปปิ้งที่ดังในหมู่นักท่องเที่ยว), Jongno, Hongdae (เป็นชื่อมหาลัยและเป็นย่านที่มีคลับเยอะมาก) และก็ Edae(เป็นชื่อมหาลัยหญิงล้วน เป็นอีกหนึ่งย่านชอปปิ้งด้วยครับ)
หมูย่างเกาหลีครับ ที่เป็นที่นิยมก็คือ หมูสามชั้น ตอนแรกจะมาเป็นชิ้นใหญ่แล้วค่อยหั่นเป็นชิ้นเล็กๆตอนหลัง ก็จะออกมาเป็นอย่างนี้
พิงซู จริงๆแล้วออริจินัลจะมีแต่ถั่วแดง แต่เดี๋ยวนี้ก็จะมีผลไม้ เปลี่ยนไปตามฤดูกาล
เมล่อนนน

สตอเบอรี่ *-*

มะม่วง (บางร้านหรือบางช่วงที่ไม่ใช่หน้ามะม่วงจะใช้มะม่วงแช่แข็ง แต่ร้านนี้ที่กินรสชาติบอกได้เลยว่านำเข้าจากไทยแน่นอน!!!)

เมื่อต้นปีผมได้กลับไทยและได้ไปชิมพิงซูที่ร้านหนึ่งที่สยาม บรรยากาศร้านกับขนมคล้ายที่เกาหลีเลยครับ แต่ผมว่านมที่ใช้คนละชนิดกัน ซึ่งผมว่าที่เกาหลีอร่อยกว่านะ
อันนี้เป็นพวกโอเด้ง กับ แป้งกับซอสแดงๆ คือ ตอกบกกี กินกับ ปลาหมึกชุบแป้งทอดกับผักชุดแป้งทอด ก็อร่อยดีครับ
4.สายชอป
ผมเองก็เป็นคนไม่ค่อยชอบเดินชอปปิ้งอะไร แต่พูดไปพูดมาก็แอบไปบ่อยเหมือนกัน555 ของนิยมที่ควรมาซื้อที่เกาหลีก็มี พวกเครื่องสำอาง หรือพวกเสื้อผ้าครับ ถ้านึกอะไรไม่ออกผมก็จะไป Myeongdong(มยองดง) ก่อนเลย ที่นี่ร้านเครื่องสำอางเยอะมาก รวมถึงมีเสื้อผ้าขายซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแผงลอยตามทางเดิน ข้อดีอีกอย่างของที่นี่ก็คือ บางร้านจะมีพนักงานคนไทย หรือคนเกาหลีที่พูดไทยด้วยครับ เพราะคนไทยก็ไปเที่ยวเยอะเหมือนกัน
บรรยากาศที่มยองดง

แต่ถ้าหากอยากไปชอปปิ้งในที่ที่คนไม่พลุ่งพล่านเท่าไร และจากที่ผมเคยไป เสื้อผ้าจะราคาถูกกว่าที่มยองดงด้วย ซึ่งจะอยู่ใต้ดินของสถานีรถไฟ Express Bus Terminal แล้วก็อีกที่ที่ Gangnam ครับ
นอกจากนี้ก็จะมีอีกย่านซึ่งเป็นแหล่งชอปปิ้งที่นิยมของสาวเกาหลี ก็คือย่าน Edae
5.สายกลางคืน
เอาล่ะ เมื่อพูดถึงสายนี้ 55555+ สำหรับคนเกาหลีแล้ว ที่นี่กินเหล้ากันเป็นปกติมากครับ เกือบทุกร้านอาหารจะมี โซจู หรือวอดก้าเกาหลีขาย นอกจากนี้ยังมีการกินแบบที่เอาเบียร์ผสมมาผสมเรียกว่า โซแมก (มาจากคำว่า โซจู+แมกจู ที่แปลว่า เบียร์) หลังจากที่ลองแล้ว= เมาเละ เลยครับ 5555
ตอนที่ไปคลับล่าสุด ป๋ามากเพื่อนอยากกินก็ซื้อให้ 5555
และอีกหนึ่งกิจกรรมยอดฮิตทุกคืนวันศุกร์ ก็คือ การไปคลับ ซึ่งคลับที่นี่เปิด 24 ชม!!!! ซึ่งคลับที่เขาว่ากันว่าน่าไปที่สุด ชื่อว่า Octagon อยู่แถวๆกังนัม ผมเองก็ไม่เคยไปเหมือนกัน แต่ที่เคยไปอยู่แถวฮงแดครับ ร้านที่ดังๆก็มี cocoon เพลงจะออกแนวอิเล็กโทร ส่วนร้านที่ผมเคยไปก็คือ NB2 ซึ่งหากไปคืนวันศุกร์นี่จะแทบไม่มีอากาศให้หายใจเลย ถ้าอยากเต้นชิวๆ มีโต๊ะนั่งดริ้งค์ ก็เดินไป NB1 ได้ครับ เดินไปได้เลยไม่เสียตัง ร้านจะอยู๋ตรงข้ามกัน และคนน้อยกว่ามาก
คนต่อแถวตรวจบัตรก่อนเข้า ถ้ายังไม่20ก็อดนะ อิอิ
เอาจริงๆเกาหลีก็ยังมีอะไรให้เที่ยวอีกเยอะเลยนะ แต่5อย่างนี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าจะทำให้ครบถ้าหากมาเที่ยวแค่ระยะสั้นหรือมาแค่ไม่กี่วัน แต่สำหรับผมที่อยู่ระยะยาวก็ยังมีหลายเรื่องหลายประสบการณ์เลย ไว้จะมาเล่าให้ฟังกระทู้หน้านะคร้าบ
อันนี้ขอฝากเว็ปที่ผมนำข้อมูลมานะครับ ถ้าใครสนใจอยากไปเที่ยวเกาหลีจริงๆจังๆก็ลองเข้าไปดูในนี้ได้เลย แต่จะเป็นภาษาอังกฤษ
http://goo.gl/Q2A3aa
แต่ถ้าหากมีอะไรอยากสอบถามกะผมโดยตรงก็เข้าไปถามในเพจเฟสบุค นี่หรือเกาหลี ได้เลยน้า
https://www.facebook.com/whatiskorea
นี่หรือเกาหลี

เกาหลี มีอะไรให้เที่ยว?? (ใครจะมาเกาหลีแบบไม่พึ่งทัวร์ควรอ่าน)
สวัสดีครับ ขอบอกก่อนว่านี่เป็นกระทู้แรกของผมแล้วก็ยืมไอดีเพื่อนมา จริงๆเคยสมัครไว้นานแล้ว แต่ยืนยันไม่ผ่าน (???) 555 พอดีว่าค่อนข้างรีบเลยยืมใช้แก้ขัดก่อนแล้วกัน
ก่อนอื่นขอเล่าประวัติผมนิดนึง ผมใช้ชีวิตอยู่ที่เกาหลีมา 1ปีกว่าๆ หลังจากที่ได้ทุนของกพ. ตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ม.6 พอจบก็มาเลย มาแบบยังไม่มีมหาลัย และต้องเรียนภาษาเกาหลีระหว่างที่หามหาลัยให้ได้ภายใน 2 ปี ถ้ามีเวลาจะมาเราให้ฟังทีหลังนะครับ
มีเพื่อนๆหลายคนอยากให้ผมเขียนแชร์ประสบการณ์ตอนที่มาอยู่เกาหลีตั้งแต่ตอนที่มาแรกๆแล้ว แต่ก็ขี้เกียจเหลือเกิน5555 แต่ตอนนี้ได้งานนึงมาทำครับ เป็นงานที่ผมเอาข้อมูลจากเว็ปท่องเที่ยวในเกาหลีเวปนึง(แต่เป็นภาษาอังกฤษ) มาคัดกรองและเผยแพร่ให้เป็นภาษาไทย เลยคิดว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้ทั้งเล่าประสบการณ์และทำงานไปพร้อมๆกัน (แต่จะบอกว่าค่าแรงน้อยมาก คิดว่าทำสนุกๆแล้วกัน555)
ก่อนอื่นขอพูดถึงเมืองหลวงของเกาหลีกันก่อน กรุงโซลนั้นเอง เอาง่ายๆโซลก็คล้ายๆกรุงเทพเลยครับ เป็นเมืองที่มีทั้งวัด พระราชวัง แต่ก็มีย่านเศรษฐกิจ แสงสี แต่ผมคิดว่าจุดเด่นของที่นี่คือ การเดินทางสะดวกกว่ากรุงเทพฯมากกกกกกกกกกก แต่บางช่วงเวลากะจะรถติดก็ติดไม่แพ้กรุงเทพกันเลย ตอนผมมาวันแรกมีพี่จากสถานทูตไทยมารับจากสนามบินและขับรถพาไปส่งที่ที่พัก ผมจำได้แม่นว่าใช้เวลาเดินทางจากเมืองอินชอนซึ่งติดๆกัน(สนามบินอยู่ในเมืองนี้)เข้าตัวกรุงโซล ใช้เวลาประมาณ3ชั่วโมงกว่าๆ ซึ่งผมมารู้ทีหลังว่าถ้านั่งรถไฟฟ้าใช้เวลาแค่ 45 นาที -.-
ในด้านการคมนาคม รถไฟฟ้าของที่นี่จะมีมีหลายสายมากครับ แต่จะเป็นบนดิน+ใต้ดิน ผสมกัน เปลี่ยนไปตามภูมิประเทศ เพราะเมืองเขาเป็นภูเขาครับ
นี่เป็นผังรถไฟฟ้าของที่นี่ครับ ตอนแรกสุดที่มา ผมก็เลือกที่พักที่ไม่ไกลจากที่เรียนภาษามากนะครับ เดินทางแค่ 6 สถานี แต่ก็ยังหลง!! เพราะผมต้องเปลี่ยนสายถึงตั้ง 2 รอบ ซึ่ง การ เปลี่ยน สาย มัน งง มากกกก เอาเป็นว่า คนเกาหลีก็ยังบอกเลยว่าหลง 5555
นอกจากนี้ โซลยังขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีไวไฟเยอะและแรงที่สุดในโลกด้วย ในโซลจะมีร้านกาแฟเยอะมากและเกือบทุกร้านจะมีไวไฟให้ใช้ฟรี ซึ่งก็ทำให้สะดวกต่อนักท่องเที่ยวอย่างมากเลยครับ
(ขออนุญาตลบเนื้อหาบางส่วนที่ได้มาเกาหลีออกนะครับ ถ้าใครอยากรู้เดี๋ยวจะเขียนให้อีกกระทู้นึง
ต่อไปนี้ก็จะเป็น 5 สายการเที่ยวที่ถือว่าควรทำให้ครบ ซึ่งผมก็ได้สัมผัสมาแล้วในเวลา1ปีที่อยู่มา สำหรับใครที่ชอบหรือไม่ชอบบางอันก็ลองอ่านดูก่อนได้ครับ
1.สายถ่ายรูป ชมนกชมไม้
เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้ชอบเที่ยวอะไรสไตล์นี้เท่าไร แต่เคยลองไปตอนที่เพื่อนๆชวนก็โอเคนะครับ ก็ไปเดินเล่น ถ่ายรูป ชมบรรยากาศ ในโซลมีพระราชวังอยู่หลายที่ หลักๆจะมีอยู่ 5 วัง แต่ที่ใหญ่ที่สุด และที่ผมคิดว่าทัวร์ส่วนใหญ่ชอบพาไปก็คือ Gyeongbokgung(คยองบกกุง) หรือพระราชวังคยองบก เขาบอกว่าเป็นวังที่ใหญ่ที่สุด แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะเคยไปแค่วังเดียว ตอนนั้นที่ผมไปเป็นวันปีใหม่ของเกาหลีครับ ได้เข้าฟรีด้วย จะบอกว่าทัวร์จีนเยอะไปไหน 5555
คนเกาหลีที่มาส่วนมากจะมาเป็นครอบครัว ดูอบอุ่นดี เด็กๆที่นี่ก็น่ารัก ทำเอาแอบคิดถึงตอนวัยเด็กเลย
เข้ามาก็จะเป็นลานโล่งๆก่อนครับ
ปกติแล้วที่นี่จะเปิดแค่ตอนกลางวัน แต่ในวันพิเศษหรือเทศกาลสำคัญก็จะเปิดให้ชมถึงตอนกลางคืนด้วย
นอกจากวังที่เป็นสถานที่เก่าแก่ที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ในโซลก็ยังมีหมู่บ้านโบราณที่รักษาสภาพไว้ตั้งแต่อดีต และในปัจจุบันก็มีคนอาศัยอยู่จริงๆด้วย หมู่บ้านไม่ไกลจากคยองบกกุงด้วยครับถ้าขึ้นไปทางเหนือก็จะเป็น Bukchon Hanok Village และก็จะมีที่ด้านตะวันตกอีก คือ Seochon Village แต่ที่ผมเคยไปคือ Bukchon Hanok Village จะบอกว่าถ้าเทียบกับคนไทยก็ให้ฟิวไปดูบ้านเรือนไทย การใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย แต่ก็มีบางบ้านที่ตกแต่งให้มีสไตล์โมเดิร์นขึ้นมาหน่อย
หมู่บ้านอยู่ติดถนนใหญ่เลย
เส้นทางแอบงงๆแถมมีขึ้นเนินเขาด้วย
ภายในตัวบ้าน มีชุดประจำชาติให้เช่าใส่ด้วย
2.สายวัฒนธรรม
มาเกาหลีทั้งทีก็ต้องเรียนรู้วัฒนธรรมของบ้านเขาครับ สถานที่แรกที่จะแนะนำก็คือ Goguan Studio ที่นี่ก็จะมีชุดประจำชาติให้ใส่หรือที่เรียนว่าฮันบกเหมือนกัน รวมถึงมีฉากให้ถ่ายรูปเยอะมาก แล้วก็มีให้เขียนตัวอักษรคล้ายๆกับของจีน
เข้ามาดื่มชาในนี้ก็ได้
คนเกาหลีก็ยังมาเลยคิดดู555
ฉากให้ถ่ายรูป
อันนี้เขียนเอง เละ555555
สถานที่ต่อไปที่จะแนะนำ ขอบอกว่าแตกต่างกับทั้งหมดที่ได้พูดไปตอนแรก สถานที่ด้านบนทั้ง3ที่นั้นผมว่าไปครั้งแรกก็ถือว่าดีครับ แต่ถ้าให้ไปอีกรอบก็คงเฉยๆ แต่สถานที่ที่ผมภูมิใจนำเสนอ(มาก) ก็คือ Jjimjilbang หรือ ซาวน่าสไตล์เกาหลี นั้นเองงง
คนเกาหลีจะเรียกว่า จิมจิบัง ครับ ถ้าหากใครอยากมาผมขอแนะนำ Dragon Hill เป็นจิมจิบังที่ครบวงจรมาก ปกติจิมจิบังจะแยกหลายชั้น ชั้นนึงเป็นห้องอาบน้ำผู้ชาย อีกชั้นเป็นห้องอาบน้ำผู้หญิง ซึ่งจะแยกกันอย่างชัดเจน เพราะว่าทุกคนต้องเปลื้องผ้าหมดทุกชิ้นในชั้นนั้น นอกจากอาบน้ำก็จะมีบ่อน้ำร้อนหลายๆระดับให้เลือกแช่ด้วย แล้วก็จะมีห้องซาวน่าหรืออบไอน้ำในอีกชั้นนึง ซึ่งชั้นนี้จะเป็นชั้นรวมไม่แยกชายหญิง มีห้องหลายอุณหภูมิ ห้องเย็นก็มีซึ่งผมชอบมาก 5555 นอกจากนี้ยังมีส่วนที่ให้ร้องคาราโอเกะ ร้านเกมส์ คาเฟ่ ร้านอาหาร รวมถึงมีบริการนวดแผนไทยด้วย ซึ่งผมบอกเลยว่าส่วนพวกนี้จิมจิบังที่อื่นไม่มีด้วยนะ (ถ้ามีโอกาสจะมาเขียนประสบการณ์ในการเข้าจิมจิบังครั้งแรกนะครับ เพราะมันเป็นอะไรที่ระทึกมาก 5555)
ทางเข้า ตกแต่งเป็นสไตล์จีนๆ
อันนี้ผมว่ามันนรกสุดแล้ว ร้อนมาก อารมณ์เหมือนเดินที่อนุเสาวรีย์ตอนเที่ยง ร้อนจนแทบหายใจไม่ออก แต่มันผ่อนคลายดีจริงๆ
ห้องเย็นถึงกับมีน้ำแข็งเกาะ
3.สายแดรกส์
สำหรับผมแล้ว การไปเที่ยว เรื่องกินสำคัญที่สุด 555555 ถ้าพูดถึงอาหารเกาหลีก็ต้องเป็น หมูย่างเกาหลีครับ ถ้าเป็นของหวานก็ พิงซู หรือ น้ำแข็งไสเกาหลี นอกจากนี้ก็ยังมี street food อีกมากมาย เช่น ต็อกบกกี หรือ แป้งเค้กผัดซอสแดง โอเด้ง softcream ซึ่งแหล่งของstreet food ก็จะมีแถว Myeongdong (ซึ่งเป็นย่านชอปปิ้งที่ดังในหมู่นักท่องเที่ยว), Jongno, Hongdae (เป็นชื่อมหาลัยและเป็นย่านที่มีคลับเยอะมาก) และก็ Edae(เป็นชื่อมหาลัยหญิงล้วน เป็นอีกหนึ่งย่านชอปปิ้งด้วยครับ)
หมูย่างเกาหลีครับ ที่เป็นที่นิยมก็คือ หมูสามชั้น ตอนแรกจะมาเป็นชิ้นใหญ่แล้วค่อยหั่นเป็นชิ้นเล็กๆตอนหลัง ก็จะออกมาเป็นอย่างนี้
พิงซู จริงๆแล้วออริจินัลจะมีแต่ถั่วแดง แต่เดี๋ยวนี้ก็จะมีผลไม้ เปลี่ยนไปตามฤดูกาล
เมล่อนนน
สตอเบอรี่ *-*
มะม่วง (บางร้านหรือบางช่วงที่ไม่ใช่หน้ามะม่วงจะใช้มะม่วงแช่แข็ง แต่ร้านนี้ที่กินรสชาติบอกได้เลยว่านำเข้าจากไทยแน่นอน!!!)
เมื่อต้นปีผมได้กลับไทยและได้ไปชิมพิงซูที่ร้านหนึ่งที่สยาม บรรยากาศร้านกับขนมคล้ายที่เกาหลีเลยครับ แต่ผมว่านมที่ใช้คนละชนิดกัน ซึ่งผมว่าที่เกาหลีอร่อยกว่านะ
อันนี้เป็นพวกโอเด้ง กับ แป้งกับซอสแดงๆ คือ ตอกบกกี กินกับ ปลาหมึกชุบแป้งทอดกับผักชุดแป้งทอด ก็อร่อยดีครับ
4.สายชอป
ผมเองก็เป็นคนไม่ค่อยชอบเดินชอปปิ้งอะไร แต่พูดไปพูดมาก็แอบไปบ่อยเหมือนกัน555 ของนิยมที่ควรมาซื้อที่เกาหลีก็มี พวกเครื่องสำอาง หรือพวกเสื้อผ้าครับ ถ้านึกอะไรไม่ออกผมก็จะไป Myeongdong(มยองดง) ก่อนเลย ที่นี่ร้านเครื่องสำอางเยอะมาก รวมถึงมีเสื้อผ้าขายซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแผงลอยตามทางเดิน ข้อดีอีกอย่างของที่นี่ก็คือ บางร้านจะมีพนักงานคนไทย หรือคนเกาหลีที่พูดไทยด้วยครับ เพราะคนไทยก็ไปเที่ยวเยอะเหมือนกัน
บรรยากาศที่มยองดง
แต่ถ้าหากอยากไปชอปปิ้งในที่ที่คนไม่พลุ่งพล่านเท่าไร และจากที่ผมเคยไป เสื้อผ้าจะราคาถูกกว่าที่มยองดงด้วย ซึ่งจะอยู่ใต้ดินของสถานีรถไฟ Express Bus Terminal แล้วก็อีกที่ที่ Gangnam ครับ
นอกจากนี้ก็จะมีอีกย่านซึ่งเป็นแหล่งชอปปิ้งที่นิยมของสาวเกาหลี ก็คือย่าน Edae
5.สายกลางคืน
เอาล่ะ เมื่อพูดถึงสายนี้ 55555+ สำหรับคนเกาหลีแล้ว ที่นี่กินเหล้ากันเป็นปกติมากครับ เกือบทุกร้านอาหารจะมี โซจู หรือวอดก้าเกาหลีขาย นอกจากนี้ยังมีการกินแบบที่เอาเบียร์ผสมมาผสมเรียกว่า โซแมก (มาจากคำว่า โซจู+แมกจู ที่แปลว่า เบียร์) หลังจากที่ลองแล้ว= เมาเละ เลยครับ 5555
ตอนที่ไปคลับล่าสุด ป๋ามากเพื่อนอยากกินก็ซื้อให้ 5555
และอีกหนึ่งกิจกรรมยอดฮิตทุกคืนวันศุกร์ ก็คือ การไปคลับ ซึ่งคลับที่นี่เปิด 24 ชม!!!! ซึ่งคลับที่เขาว่ากันว่าน่าไปที่สุด ชื่อว่า Octagon อยู่แถวๆกังนัม ผมเองก็ไม่เคยไปเหมือนกัน แต่ที่เคยไปอยู่แถวฮงแดครับ ร้านที่ดังๆก็มี cocoon เพลงจะออกแนวอิเล็กโทร ส่วนร้านที่ผมเคยไปก็คือ NB2 ซึ่งหากไปคืนวันศุกร์นี่จะแทบไม่มีอากาศให้หายใจเลย ถ้าอยากเต้นชิวๆ มีโต๊ะนั่งดริ้งค์ ก็เดินไป NB1 ได้ครับ เดินไปได้เลยไม่เสียตัง ร้านจะอยู๋ตรงข้ามกัน และคนน้อยกว่ามาก
คนต่อแถวตรวจบัตรก่อนเข้า ถ้ายังไม่20ก็อดนะ อิอิ
เอาจริงๆเกาหลีก็ยังมีอะไรให้เที่ยวอีกเยอะเลยนะ แต่5อย่างนี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าจะทำให้ครบถ้าหากมาเที่ยวแค่ระยะสั้นหรือมาแค่ไม่กี่วัน แต่สำหรับผมที่อยู่ระยะยาวก็ยังมีหลายเรื่องหลายประสบการณ์เลย ไว้จะมาเล่าให้ฟังกระทู้หน้านะคร้าบ
อันนี้ขอฝากเว็ปที่ผมนำข้อมูลมานะครับ ถ้าใครสนใจอยากไปเที่ยวเกาหลีจริงๆจังๆก็ลองเข้าไปดูในนี้ได้เลย แต่จะเป็นภาษาอังกฤษ http://goo.gl/Q2A3aa
แต่ถ้าหากมีอะไรอยากสอบถามกะผมโดยตรงก็เข้าไปถามในเพจเฟสบุค นี่หรือเกาหลี ได้เลยน้า