ตุ๊ดไทยตัวเล็กๆ ไปเที่ยว Bromo และบริเวณใกล้เคียง


ตุ๊ดไทย ไปเที่ยว Bromo

พลังภูเขาไฟอันยิ่งใหญ่ ลมหายใจแห่งเกาะชวา


ไปเที่ยว bromo กันค่ะ
Bromo คือภูเขาไฟที่สง่างามที่สุดบนเกาะชวา เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ขึ้นชื่อของอินโดนิเซีย ระดับขึ้นหน้าขึ้นตาที่หนึ่ง คู่คี่มากับ บาหลี หรือบุโรพุทโธ
การไปโบรโม่นั้นไม่ยากเลยค่ะ
ทริปอิชั้นใช้เวลา 6-7วัน เที่ยวโบรโม่และสถานที่ใกล้เคียง

ขอรีวิวส่วนของการเตรียมตัว ก่อนเลยแล้วกันนะคะ

การเดินทาง
มันมีเครื่องบินหลายสายการบินนะคะ โดยเฉพาะตั๋วโปรของแอร์เอเชีย จองกันข้ามปีกันแล้วจะได้ราคาถูกมาก
ให้บินไปลง สนามบิน สุราบายานะคะ ราคาไปกลับ ประมาณ 4500-7000 ค่ะ (กระทู้พันธิปเคยเห็นไปกลับ 3500)
แต่พวกเรามีวิธีที่เด็ดกว่านั้น
ก็คือบินไปลงที่ จาการ์ตา แล้วต่อรถไฟไปสุราบายา
ข้อดีคือ ถูกกว่า และได้เที่ยวจาการ์ตาเมืองหลวงของอินโด และFeel การนั่งรถไฟ เนิบช้า สโลว์ไลฟ์เฟ่อะ!
ข้อเสียคือจะต้องได้นอนพักที่จาการ์ตาหนึ่งคืน แล้วก็เสียเวลานั่งรถไฟ 1 วันค่ะ
เหมาะกับคนที่มีเวลามาก หรือมีญาติพี่น้อง หรือเพื่อนอยู่จาร์กาตา
แต่เบ็ดเสร็จแล้ว จะสามารถประหยัดไปราว  1000-2500 เลยค่ะ เพราะตั๋วบินตรงไปจาการ์ตา ราคาถูกมั่ก

อิชั้นได้รีวิว วิธีการจองตั๋วรถไฟอินโด แบบละเอียดไว้ที่กระทู้นี้ค่ะ เอาไว้เป็นทางเลือกในการเดินทาง
http://pantip.com/topic/34417895

การเดินทางภายในอินโดนิเซีย
เราติดต่อ เอเจนซี่ให้ดูแลให้ค่ะ
โดยติดต่อเช่ารถ และขอให้เขาจองที่พักให้
ค่ารถเหมาหกวัน รถตู้อย่างดีสำหรับ 6 คน สนนราคา 6 200 000 รูเปี๊ยะ
โดยเราติดต่อไปที่ Pink House Rent A Car กระทู้รีวิววันพันธิปก็ไปกับเจ้านี้หลายกระทู้ค่ะ
อันนี้เวปนาง http://www.pinkhouse-rentcar.8m.com/index.html
อันนี้เฟสบุค นาง https://www.facebook.com/PINK-HOUSE-Rent-A-Car-201550182844/
เอเจนซี่นี้ มีเจ้าของชื่อคุณแพรททริเซีย ค่ะ เป็นหญิงเหล็ก องอาจ บึกบึน
ขับรถโฟร์วีล ตลุยมาทุกภูเขา ภูเขาไฟอินโดนิเซีย
แถมที่สำคัญเค้าดูแลดีมากเลยจ่ะ บางวัน คนขับ เลี้ยงข้าวเราด้วย อันนี้ตกใจมากๆ
อิชั้นไม่ได้ค่าอวยนะคะ คือเค้าบริการดีจริงๆ ดีจนรู้สึกว่าเป็นเป็นคนบาป

นี่ค่ะสภาพรถเรา คนขับเป็นมิตร ชวนคุยตลอด แถมขับไม่ซิ่ง แถมเลี้ยงดูปูเสื่อเราหลายมื้อ มีที่ไหนในโลกที่คนขับเลี้ยงข้าวผู้โดยสารทุกวัน เหมือนมาขับรถเพื่อเป็นงานอดิเรก


ที่พัก
ที่พักที่ดีที่สุด ที่จะได้เห็นโบรโม่ แบบอลังหลังโรงแรม ไม่ต้องไปแย่งใคร ให้เมื่อยตุ้ม
เราขอแนะนำ
Camara Indah Hotel

โรงแรมที่ปัง อลังสุด ด้านวิวทิวทัศน์
หลังโรงแรมมีบ่อขยะ ที่มีวิวโบรโม่ชัดเจนที่สุด สวยที่สุด แทบจะไม่มีอะไรบัง
เจ้าของต้องมีปัญหาทางตรรกะอะไรซักอย่าง ถึงเอาจุดที่เห็นวิวโบรโม่กระแทกหน้าอย่างนั้นไปทำเป็นบ่อขยะ
แต่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศก็ยอมที่จะยืนที่นั่น เพราะวิวทำให้ลืมกลิ่นไปได้ และลมก็แรง ไม่เหม็น
แถมห้องอาหารโรงแรมก็กระจกใส กินข้าวไป ดูโบรโม่ไป
เหมาะกับการออกมาดึกๆ มาล่าช้าง ล่าดาวหมุน ล่าแอนโดรเมดา ล่าดาวเนปจูน
เพราะแค่ออกมาหน้าห้อง จะได้ไม่เดินไกลๆดึกๆ เสี่ยงต่อเหตุ ปล้น ฆ่า ข่มขืน

สถาพห้องพัก ราคาถูกสุดค่ะ ราว คืนละ 1400 บาท สามารถจองผ่าน Agoda.comได้ ห้องพักเล็กๆไม้ไผ่สาน แต่ดีอยู่


สภาพห้องค่ะ ทุกอย่างสมราคาค่ะ แต่ที่น่าหงุดหงิดคือ มีปลั๊กไฟน้อย เอาปลั๊กพ่วงสามตา หัวกลมไปด้วยนะคะ จะได้ไม่ตบกับเพื่อนแย่งที่ชาร์จกัน ไวไฟ มีเฉพาะที่ห้องอาหารค่ะ


ห้องน้ำโอเค มีสายยางชำระ แต่ก็มีปัญหากับฝักบัวปรับร้อนเย็นเหมือนทุกโรงแรมทั่วโลก ต้องกะดีดี ถ้าอยู่ดีดีมันร้อนเกินก็กระโดดออกมา


นี่คือบริเวณบ่อขยะที่พูดถึง มีระเบียง พูดก็พูดเลยว่า นี่เป็นสวรรค์ของช่างภาพชัดๆ ใครกำลังจีบช่างภาพเท่ห์ๆอยู่ จองโรงแรมนี้ให้เขา อิชั้นเชื่อค่ะว่าเค้าต้องรักคุณแน่นอน ...ตื่น!!!


ภาพเงาสะท้อนจากร้านอาหารโรงแรมอินดาห์ค่ะ เริ่ดนะคะ อยู่ตรงข้ามเลย ภาพโดย Tonga


การเตรียมตัวอย่างอื่น
1.อากาศบนนั้น หนาวมาจนไข่แข็ง ยุโรปก็ยุโรปเถอะ ไซบีเรียก็ไซบีเรียเถอะ เพราะตรงโบรโม่แม้จะอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร แต่ก็สูงพอๆกับดอยบ้านเรา และตอนกลางคืนลมแรงมาก เอาเสื้อกันหนาวเกร๋ๆ ที่พวกเราไม่มีโอกาสได้ใส่ในสยามประเทศ ไปด้วยก็ดีค่ะ
2.ค่าครองชีพเมืองอิเหนา นั้นเค้าแพงกว้าไทยมาก ข้าวจานนึง ประมาณ 50-90 บาท น้ำเปล่า 20-30 บาท เวลาจะซื้อหาอะไร รู้สึกมันแพงจัง เคยกะไว้ว่า ถ้าในเมือง วันละ 1000 บาทน่าจะเอาอยุ่ แต่มันไม่พอค่ะ อาจจะเพราะดิฉันกินแบบยัด5ยัด10 ด้วยมั้ง เตรียมค่าดำรงชีวิตไว้เผื่อ500 บาทก็ดีค่ะ
3.คนอินโด นิสัยใจคอเหมือนคนไทยมากกกกก ยิ่งกว่าคนประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆอีกค่ะ เหมือนจนตกใจ ไอ้นิสัย มุขตลก หรือ ระเบียบวินัย แทบจะเหมือนที่สุด ที่เคยไปบ้านเมืองอื่นมาบอกเลยว่า อินโดนี่เหมือนคนไทยที่สุด ฉะนั้น วางตัวน่ารักแบบ หนุ่มไทย สาวไทย ตุ๊ดไทย กระเทยไทย ทอมไทย ตามครรลองคลองธรรม ก็น่าจะพออยู่ได้แบบไม่อึดอัด
4.ถนนขึ้นเขา เขายังเป็นหลุมเป็นบ่อ ให้อารมณ์เหมือนไปออกค่ายอาสาบนดอยบ้านเรา คนเมารถบอกเลยว่า ตาย ตายแน่ๆ อ้วกพุ่ง ไส้เขย่า เอายาไปด้วยนะจ๊ะ วิวข้างทางไม่ค่อยสวยเท่าไหร่หรอก นอนได้ ไปเก็บเอาวิวปลายทางดีกว่า
5.ปลั๊กไฟเป็นปลั๊กขากลม แบบนี้

6. การซื้อซิม 3g แนะนำ ยี่ห้อ SIMpati มีให้เลือก 2GB 3GB 4GB จำราคาไม่ได้แต่ราวๆ 4 0000รูเปี๊ยะ ไปวีคนึงนี่ ไลก์ เฟส แชร์ ไลน์ ยูทูป ลื่นปรื๊ดด กว่าเนตบ้านเรา แถมอยู่บนดอย บนโบรโม่ ก็แรงชัด ฉับไฉ ไม่ผิดหวังเลย ที่หาซื้อก็ร้านโทรศัพท์ทั่วไป มีขายเยอะแยะ (อย่าซื้อที่ร้านสถานีรถไฟ นางขายแพงกว่า)
7. ที่อินโด มี 7-11 ไม่ต้องห่วง

ภายใน 7-11 ค่ะมีคาเฟ่ข้างในด้วยนะ แถมมีสเลอปี รสแปลกๆเช่น รสลูกอม รสราสเบอร์รี่ รสตลกๆ มากมาย มีสินค้าไทยขายเยอะแยะ ทั้งเถ้าแก่น้อย เซปเป้บิวติดริงค์ แต่แพงเว่อร์ค่ะ

8.เรื่องเงิน ประเทศนี้เค้าไม่นิยมใช้เงินสกุลอื่น จะถือไปก็ได้ แต่หาร้านแลกบากมากๆเลย ควรแลกรูเปี๊ยะอินโดไป ที่สนามบินสุวรรณภูมิก็มีให้แลกหลายๆร้าน การใช้เงินในอินโด คิดง่ายๆแบบใช้งานจริง ก็คือ 10000 รูเปี๊ยะ เท่ากับ 25 บาท เวลาเจอราคาของ ก็จินตนาการหมื่น แล้วท่องสูตรคูณแม่ 25 เลย  25 4 ก็ 100บาท  ก็ 40000 รูปี  ท่องไว้เลยค่ะ แม่ 25 ไม่ยาก  เมย์ไหนยังท่องแม่ 18 ได้เลย


ค่าใช้จ่าย
เราเที่ยวกัน 6 วัน ที่หลักคือ โบรโม่ และคาวาอีเจี้ยน และบริเวณรอบๆ สุราบายา แต่ไม่ได้ไปคาวาอีเจี้ยน ด้วยอุบัติเหตุที่เดี๋ยวเล่าให้ฟัง
ค่าใช้จ่าย ต่อคน เป็นประมาณเลขกลมๆนะคะ เป็นประมาณนี้ค่ะ
-ค่าตั๋วเครื่องบิน กรุงเทพ-จาการ์ตา-สุราบายา- กรุงเทพ 5500 บาท
-ค่ารถไฟ จาการ์ตา-สุราบายา   800 บาท
-ค่าโรงแรม 5 คืน รวมๆแล้ว ราว 3600 บาท ต่อคน
-ค่าเข้าอุทยาน โบรโม่  780 บาท หาร 6 เหลือ แล้ว
-ค่าเข้าอุทยาน คาวาอีเจี้ยน 1560 บาท หาร 6 เหลือ 260 บาทต่อคน
-ค่าเข้าน้ำตก 650บาท หาร 6 เหลือ 109 บาทต่อคน
-ค่าไกด์(เค้าบังคับให้มี) 1170 บาท หาร 6 เหลือ 195 บาทต่อคน
-ค่ารถ Jeep ตะลุยทะเลทรายไปหาโบรโม่ 2080 บาท หาร 6 เหลือ 347 บาทต่อคน
-ค่ารถพร้อมคนขับ 6 วัน พร้อมรับส่งสนามบิน 16120 บาท หาร 6 เหลือ 2687บาทต่อคน
รวมๆแล้ว 14278 บาท
ค่ากิน ใช้สอย แล้วแต่คนนะคะ กะไว้วันละ 1000  6วัน ก็ 6000 ถ้าเขียมกว่านี้อาจจะประหยัดได้มากกว่านี้ค่ะ
แผนการเดินทางของเรา
วันที่ 1 ลงที่จาร์กาตาร์ ตอนบ่ายๆ แล้วผจญภัย ในเมืองที่การจราจรวุ่นวานที่สุดในอาเซียน
วันที่ 2 นั่งรถไฟจากจาการ์ตา ไปสุราบายา นอนในรถ
วันที่ 3 ตื่นขึ้นมา เข้าที่พัก เตรียมเดินขึ้น คาวาอีเจี้ยนตอนตีสาม
วันที่ 4  ดูพระอาทิตย์ขึ้น สูดไอซัลเฟร่อ ที่คาวาอีเจี้ยน แล้วลงมาเดินทางไปโบรโม่
วันที่ 5 ตื่นตีสามไปดูประอาทิตย์ขึ้นที่โบรโม่ เที่ยวโบรโม่ ปีนโบรโม่ เดินเล่นที่ทะเลทรายรอบๆโบรโม่ จ้องตากับโบรโม่ และเป็นแฟนกับโบรโม่
วันที่ 6 ฝ่าการจราจรมหาโหดไป สุราบายา เดินเล่นใชช้ชีวิตกลางคืนในเมืองท่ายักษ์ใหญ่ของอินโด
วันที่ 7 กลับแล่ว
แต่!!!!!!!!!!!!!!

ชีวิตมันยากกว่าที่เราคิดค่ะ ชาติก่อน คงเคยไปขัดขาผู้ปฏิบัติธรรมในสมัยพุทธกาล ผลกรรมเลยส่งผลให้ ทริปของเราล่มไม่เป็นท่า ไม่รู้อะไรดลใจให้โลกตดเป็นซัลเฟอร์ออกมา ที่คาวาอีเจี้ยน แผ่นดินไหว เกิดช่องแยก ซัลเฟอร์ทะลักเข้มข้นจนเป็นอันตรายถึงชีวิต ทางการเลยส่งปิดคาวาอีเจี้ยน ทั้งที่ไม่เคยปิดมาก่อน ในรอบ 50 ปี จ่ะ กรอกตา ด่ากราดโชคชะตา ดีออกกกกกกก!!! (ที่เจ็บปวดกว่า พอเราออกจากคาวาอีเจี้ยนเท่านั้นแหละ กลับมาเปิดอีกตามปกติ ดีเนอะ รู้สึกว่าตัวเองเป็นกาละกีณี พอๆกับอีเจี๊ยบเลียบด่วน)คือเสียเงินเข้าอุทยานมาแล้วด้วย บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อไปนอนเล่นในโรงแรม เลยเปลี่ยนแผน
เป็น
วันที่ 1 ลงที่จาร์กาตาร์ ตอนบ่ายๆ แล้วผจญภัย ในเมืองที่การจราจรวุ่นวานที่สุดในอาเซียน
วันที่ 2 นั่งรถไฟจากจาการ์ตา ไปสุราบายา นอนในรถ
วันที่ 3 ตื่นขึ้นมา เข้าที่พัก ไปเที่ยวดูน้ำตกเล็กๆ พอหรอมแหรม และ เนินเขา Kawah Wurung
วันที่ 4  เดินทางไปโบรโม่เลย ใช้เวลาสโลไลฟ์ทั้งวัน บนถนน รถติด สูดกลิ่นท่อไอเสียแทนกลิ่นกาแฟดริฟ ตูดบานเป็นกระด้ง
วันที่ 5 ตื่นตีสามไปดูประอาทิตย์ขึ้นที่โบรโม่ เที่ยวโบรโม่ ปีนโบรโม่ เดินเล่นที่ทะเลทรายรอบๆโบรโม่ จ้องตากับโบรโม่ และเป็นแฟนกับโบรโม่ ผสมเกษรกับโบรโม่
วันที่ 6 ฝ่าการจราจรมหาโหดไป สุราบายา เดินเล่นใชช้ชีวิตกลางคืนในเมืองท่ายักษ์ใหญ่ของอินโด
วันที่ 7 กลับแล่ว
ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนทริปพังไปครึ่งนึง
เตรียมตัวพร้อมแล้วก็ไปเที่ยวพร้อมๆกันที่ คอมเม้นด้านล่างเลยค่ะ



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่