ผมเริ่มจัดทำเอกสารเพื่อขอกู้ไปตั้งแต่เดือนสิงหาคม58 เรียกเอกสารเพิ่มปรับโน่น ลดนี่ ทำมาจนได้ยื่นขออนุมัติ พฤษจิกายน58 และส่งเรื่องให้ บสย ค้ำไป และก็ผ่านไปเรียบร้อย จนเหลือขั้นตอนเซ็นสัญญา และ ดำเนินการเบิกจ่าย( กำลังจะเข้าไปเซ็น 30/11/58) นี้ และแล้วเจ้าหน้าที่โทรมาบอกว่า โครงกาดอกเบี้ย4% ที่ทำเรื่องกู้จะเสร็จแล้วครั้งนี้ วงเงินหมด ...... ช๊อคครับ ลงทุนไปเล้วราวๆ สี่แสน ทั้งค่าเช่าอาคารสถานที่ เงินมัดจำเครื่องจักรต่างๆ
เลยถามกลับไปว่าแล้วยังไงต่อ
เจ้าหน้าที่แจ้งว่า มีสองทางเลือกคือ 1. รอทางผู้ใหญ่ประชุมกันว่าจะเพิ่มวงเงิน หรือ ยุติแค่นี้ ซึ่งกว่าจะทรายเรื่องต้องสองอาทิตย์
2. แก้ไขเข้ากลุ่มอื่น ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น จาก4% เป็น 7% กว่าๆ ผมจำไม่ได้ แต่ต้องส่งเรื่องให้ บสย ทราบอัตราดอกเบี้ยใหม่ ตามขั้นตอนใช้เวลา สองอาทิตย์ คาดว่าเบิกจ่ายได้ภายในปีนี้
ผมต้องเลือกและตัดสินใจทันที่เพราะต้องส่งเรื่องในวันจันทร์ที่จะถึงนี้คือ วันที่ 30/11/2558 ผมเลยตอบไปเลือกข้อสองไว้ก่อน เพราะเงินส่วนที่ลงทุนไป ค่าเช่า และ เงินจองที่จ่ายไป ซึ่งผมจายไปมากแล้ว กลับตัวก็ไม่ได้ เดินต่อไม่รู้จะถึงหรือป่าว จากเดิมคือทำธุรกิจเล็กๆแบบสบายๆ ไม่เสี่ยง พอมีกำไร อยู่ได้ กลับมา
กลายเป็นธุรกิจหนีตาย หืดจับ
ก็อยากจะฝากไปถุงผู้ใหญ่หลายๆท่านให้ช่วยปรับปรุงแก้ไขเรืาองพวกนี้ด้วย เท่าที่ผมติดต่องานกับหน่วยงานรัฐกลุ่มนี้มารู้สึกว่า เค้ามองเราเป็นผู้เดือดร้อนเข้าไปขอความช่วยเหลือ ยิ่งนามสกุลไม่ดัง ไม่ใหญ่ในจังหวัดนั้น ยิ่งต้องทำใจ
นี่อาจเป็นความผิดพลาดที่สุดที่ตัดสินใจขยายกิจการพลาดของผม หากภายในปีนี้เบิกจ่ายไม่ได้ ผมคงถอนตัว และเจรจากับคู่ค้าขอเงินมัดจำคืน และ อาจเลิกกิจการ เพราะระหว่างที่กู้ และ ได้รับการยืนยันการอนุมัติ ผมลุยเต็มที่รับปากเค้าไว้หมด plan งานล่วงหน้าไว้ แจ้งทั้งคู่ค้า และ ลูกค้าไว้ ซึ่งผมคืดว่า คำยืนยันจากผม อาจทำให้ลูกค้าบางรายที่ plan งานล่วงหน้าไว้กับผมต้องเจ็บตัวแน่ๆ ผมคงอยู่ในวงการนี้ยากแน่นอนในอนาคต
ซึ่งความคาดหวังของผมต่อ sme bank คงเหลือแค่ 20% ผมคงต้องยุบตัวเองตั้งหลักสักพัก ปีหน้าค่อยว่ากันใหม่
ขออภัยหากเปลืองพื้นที่กระทู้ แค่มาบ่น เพื่อให้ทราบว่าโครงการดีๆ แต่บุคคลไม่ดีอาจทำให้ลูกค้าเจ็บตัวได้ เท่านี้ครับ..
SME Bank แจ้งโคนงการดอกเบี้ย4% หมดวงเงิน
เลยถามกลับไปว่าแล้วยังไงต่อ
เจ้าหน้าที่แจ้งว่า มีสองทางเลือกคือ 1. รอทางผู้ใหญ่ประชุมกันว่าจะเพิ่มวงเงิน หรือ ยุติแค่นี้ ซึ่งกว่าจะทรายเรื่องต้องสองอาทิตย์
2. แก้ไขเข้ากลุ่มอื่น ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น จาก4% เป็น 7% กว่าๆ ผมจำไม่ได้ แต่ต้องส่งเรื่องให้ บสย ทราบอัตราดอกเบี้ยใหม่ ตามขั้นตอนใช้เวลา สองอาทิตย์ คาดว่าเบิกจ่ายได้ภายในปีนี้
ผมต้องเลือกและตัดสินใจทันที่เพราะต้องส่งเรื่องในวันจันทร์ที่จะถึงนี้คือ วันที่ 30/11/2558 ผมเลยตอบไปเลือกข้อสองไว้ก่อน เพราะเงินส่วนที่ลงทุนไป ค่าเช่า และ เงินจองที่จ่ายไป ซึ่งผมจายไปมากแล้ว กลับตัวก็ไม่ได้ เดินต่อไม่รู้จะถึงหรือป่าว จากเดิมคือทำธุรกิจเล็กๆแบบสบายๆ ไม่เสี่ยง พอมีกำไร อยู่ได้ กลับมา
กลายเป็นธุรกิจหนีตาย หืดจับ
ก็อยากจะฝากไปถุงผู้ใหญ่หลายๆท่านให้ช่วยปรับปรุงแก้ไขเรืาองพวกนี้ด้วย เท่าที่ผมติดต่องานกับหน่วยงานรัฐกลุ่มนี้มารู้สึกว่า เค้ามองเราเป็นผู้เดือดร้อนเข้าไปขอความช่วยเหลือ ยิ่งนามสกุลไม่ดัง ไม่ใหญ่ในจังหวัดนั้น ยิ่งต้องทำใจ
นี่อาจเป็นความผิดพลาดที่สุดที่ตัดสินใจขยายกิจการพลาดของผม หากภายในปีนี้เบิกจ่ายไม่ได้ ผมคงถอนตัว และเจรจากับคู่ค้าขอเงินมัดจำคืน และ อาจเลิกกิจการ เพราะระหว่างที่กู้ และ ได้รับการยืนยันการอนุมัติ ผมลุยเต็มที่รับปากเค้าไว้หมด plan งานล่วงหน้าไว้ แจ้งทั้งคู่ค้า และ ลูกค้าไว้ ซึ่งผมคืดว่า คำยืนยันจากผม อาจทำให้ลูกค้าบางรายที่ plan งานล่วงหน้าไว้กับผมต้องเจ็บตัวแน่ๆ ผมคงอยู่ในวงการนี้ยากแน่นอนในอนาคต
ซึ่งความคาดหวังของผมต่อ sme bank คงเหลือแค่ 20% ผมคงต้องยุบตัวเองตั้งหลักสักพัก ปีหน้าค่อยว่ากันใหม่
ขออภัยหากเปลืองพื้นที่กระทู้ แค่มาบ่น เพื่อให้ทราบว่าโครงการดีๆ แต่บุคคลไม่ดีอาจทำให้ลูกค้าเจ็บตัวได้ เท่านี้ครับ..