เรื่องสั้นที่สุด (ไม่เกิน ๒๐ บรรทัด)
แม้ไม่มีคำลา
เรื่องสั้น
แม้ไม่มีคำลา
เพทาย
เขาเอื้อมมือไปแตะหูโทรศัพท์แบบเครื่องตั้งโต๊ะ แต่แล้วก็ต้องชะงัก
เขาควรจะโทรหาเธอหรือไม่ ในเมื่อไม่ได้พบกันมานานมากแล้ว
เมื่อก่อนที่จะไม่ได้พบกันอีกนานมาก นานมากกว่านั้น
เขาพบเธอที่บ้านของเพื่อนสนิทรุ่นพี่คนหนึ่ง ในวันเกิดของเธอเอง ซึ่งเพื่อนรุ่นพี่คนนั้นจัดให้ที่บ้านของพี่เขาเอง
โดยชักชวนเพื่อนของเธอทั้งหมด และเพื่อนของพี่เขาทั้งหมด รวมทั้งเขาด้วย
ทั้งคู่จึงได้พบกันครั้งแรกในชีวิต
ความจริงควรจะเรียกว่าเขาได้พูดคุยกันเป็นครั้งแรกจะถูกต้องกว่า เพราะเขาได้เห็นเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง ในงานทำบุญของญาติพี่เขา
ที่วัดแห่งหนึ่งทางตลาดพลู ทั้ง ๆ ที่บ้านพี่เขาอยู่ที่บางซื่อ
วันนั้นเขาและเธอนั่งใกล้ชิดติดกัน จึงมีเรื่องคุยกันอย่างสนุกสนานมากมาย
แล้วทั้งคู่ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาอีกนานมาก นานจนไม่อาจจะจดจำเรื่องราวอันซาบซึ้งตรึงใจได้อย่างถี่ถ้วนทุกฉากทุกครั้งทุกครา
เขาไม่ทราบว่าเธอคิดอย่างไรกับเขา เพราะเขาไม่เคยถาม ไม่เคยมีคำสั่นสัญญาอะไรต่อกัน ต่างก็ไม่รู้ถึงอนาคตเหมือนกัน
ไม่มีความคาดหวังใดใด
จนกระทั่งวันนั้นได้มาถึง วันที่เขาโทรศัพท์ไปหาเธอ เพื่อจะชวนไปฉลองวันเกิดของเธอ ในเดือนกันยายน
เธอบอกอย่างราบเรียบไร้ลางสังหรณ์ว่า ว่างเมื่อไรจะโทรไปบอก
เท่านั้นเอง ที่ทำให้เขารอโทรศัพท์นัดหมายวันว่างของเธอในเดือนกันยายน จนถึงปีต่อมา และทุกปีต่อมา จนครบสิบปี เขาจึงแน่ใจว่าเธอไม่ว่างจริงจริง
เขาเพิ่งแน่แก่ใจอย่างแท้จริงในตอนนั้นเอง
เขาชะงักมือที่เอื้อมไปแตะเครื่องโทรศัพท์แบบตั้งโต๊ะเครื่องเก่านั้น เขาจะโทรไปทำไมในเมื่อเขาแน่ใจแล้วว่า
เวลาได้ผ่านไปจากวันที่เขาเชื่อว่าเธอไม่ว่าง และเงียบไปโดยไม่มีคำอำลานั้น ได้ล่วงมาอีกสิบปีแล้ว
เขาไม่รู้ว่าเธอคิดอย่างไร แต่ตัวเขาเองคิดว่าเธอต้องมีเหตุผลที่สมควรของเธอ สำหรับเขา ต้องการคำว่ารัก มากกว่าคำลา
เมื่อเธอไม่มีคำลา เขาก็ไม่ต้องการ เอ่ยคำอำลา....................เหมือนกัน.
แม้ไม่มีคำลา ๒๙ พ.ย.๕๘
แม้ไม่มีคำลา
เรื่องสั้น
แม้ไม่มีคำลา
เพทาย
เขาเอื้อมมือไปแตะหูโทรศัพท์แบบเครื่องตั้งโต๊ะ แต่แล้วก็ต้องชะงัก
เขาควรจะโทรหาเธอหรือไม่ ในเมื่อไม่ได้พบกันมานานมากแล้ว
เมื่อก่อนที่จะไม่ได้พบกันอีกนานมาก นานมากกว่านั้น
เขาพบเธอที่บ้านของเพื่อนสนิทรุ่นพี่คนหนึ่ง ในวันเกิดของเธอเอง ซึ่งเพื่อนรุ่นพี่คนนั้นจัดให้ที่บ้านของพี่เขาเอง
โดยชักชวนเพื่อนของเธอทั้งหมด และเพื่อนของพี่เขาทั้งหมด รวมทั้งเขาด้วย
ทั้งคู่จึงได้พบกันครั้งแรกในชีวิต
ความจริงควรจะเรียกว่าเขาได้พูดคุยกันเป็นครั้งแรกจะถูกต้องกว่า เพราะเขาได้เห็นเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง ในงานทำบุญของญาติพี่เขา
ที่วัดแห่งหนึ่งทางตลาดพลู ทั้ง ๆ ที่บ้านพี่เขาอยู่ที่บางซื่อ
วันนั้นเขาและเธอนั่งใกล้ชิดติดกัน จึงมีเรื่องคุยกันอย่างสนุกสนานมากมาย
แล้วทั้งคู่ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาอีกนานมาก นานจนไม่อาจจะจดจำเรื่องราวอันซาบซึ้งตรึงใจได้อย่างถี่ถ้วนทุกฉากทุกครั้งทุกครา
เขาไม่ทราบว่าเธอคิดอย่างไรกับเขา เพราะเขาไม่เคยถาม ไม่เคยมีคำสั่นสัญญาอะไรต่อกัน ต่างก็ไม่รู้ถึงอนาคตเหมือนกัน
ไม่มีความคาดหวังใดใด
จนกระทั่งวันนั้นได้มาถึง วันที่เขาโทรศัพท์ไปหาเธอ เพื่อจะชวนไปฉลองวันเกิดของเธอ ในเดือนกันยายน
เธอบอกอย่างราบเรียบไร้ลางสังหรณ์ว่า ว่างเมื่อไรจะโทรไปบอก
เท่านั้นเอง ที่ทำให้เขารอโทรศัพท์นัดหมายวันว่างของเธอในเดือนกันยายน จนถึงปีต่อมา และทุกปีต่อมา จนครบสิบปี เขาจึงแน่ใจว่าเธอไม่ว่างจริงจริง
เขาเพิ่งแน่แก่ใจอย่างแท้จริงในตอนนั้นเอง
เขาชะงักมือที่เอื้อมไปแตะเครื่องโทรศัพท์แบบตั้งโต๊ะเครื่องเก่านั้น เขาจะโทรไปทำไมในเมื่อเขาแน่ใจแล้วว่า
เวลาได้ผ่านไปจากวันที่เขาเชื่อว่าเธอไม่ว่าง และเงียบไปโดยไม่มีคำอำลานั้น ได้ล่วงมาอีกสิบปีแล้ว
เขาไม่รู้ว่าเธอคิดอย่างไร แต่ตัวเขาเองคิดว่าเธอต้องมีเหตุผลที่สมควรของเธอ สำหรับเขา ต้องการคำว่ารัก มากกว่าคำลา
เมื่อเธอไม่มีคำลา เขาก็ไม่ต้องการ เอ่ยคำอำลา....................เหมือนกัน.