The Falut in Our Stars หนังซึมสุข สุดโรแม๊นเศร้า



บทรีวิวโดย หนังเก่าเคาะใหม่


The Fault in Our Stars

8/10 หนังซึมสุข สุดโรแม๊นเศร้า

Romantic Drama Film
Directed by Josh Boone

     หากยังคิดว่าชีวิตตัวเองถึงทางตัน รับรองว่าหากได้ดูหนังเรื่องนี้ จะมองโลกต่างออกไปในคราวที่ยังไม่ได้ดู ส่วนใครที่ยังมองไม่เห็นเตรียมชิดชู้ไว้เยอะๆแล้วกัน

     หนังเล่าเรื่องราวชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็งสองคนคือเฮเชล เกรซและออกัสตัส ภายหลังที่เฮเชลได้เข้ากลุ่มสนับสนุนโปรแกรมทางสังคมของผู้ป่วย อาการซึมเศร้าก็เริ่มดีขึ้น และยิ่งได้สนิทสนมกับออกัสตัส หนุ่มผู้มองโลกสวยและความปรารถนาจะให้ทุกคนจดจำ ก็ยิ่งทำให้เฮเชลใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้น พวกเขาเริ่มไปมาหาสู่ พูดคุยเรื่องส่วนตัว และบอกสิ่งที่ตัวเองชอบทำอย่างหนังสือสุดโปรด

     จนวันหนึ่งภายหลังที่พวกเขาแลกหนังสือกันอ่าน ออกัสตัสก็โทรไปแจ้งข่าวดีกับเฮเชลถึงเรื่องนักเขียนสุดโปรด และจดหมายตอบกลับจากพวกเขา เฮเชลจึงพยายามเขียนส่งไปอีกครั้ง และสุดท้ายเธอก็ได้จดหมายตอบกลับเชื้อเชิญให้มาเยือนอัมสเตอร์ดัม แต่ทว่าด้วยความเสี่ยงจากโรคและอาการป่วย ประกอบกับคำวินิจฉัยของแพทย์ มีโอกาสที่ความฝันของเธอจะไม่ได้เกิดขึ้น

     
     ใครยังไม่อ่านบทประพันธ์จากชื่อเรื่องเดียวกันของ John Green ก็สามารถเข้าใจเนื้อหาเรื่องนี้ได้ผ่านเนื้อหาภาพยนตร์ หรือถ้าจะหาหนังสือมาอ่านเสริมทีหลังก็ไม่เป็นไร

     ดังนั้นจึงขอเริ่มต้นด้วยว่าหนังเรื่องนี้น่าสนใจอย่างไร ปกติก็มีพล๊อตทีมีแก่นเช่นนี้บ้าง ก็คือผูกความตายเข้ากับคนใกล้ตาย โดยชักนำความคิดที่จี้หัวใจว่าทำไมต้องอยู่อย่างอมทุกข์ด้วยละ! ขณะที่เรื่องนี้ผูกเรื่องเข้ากับผู้ป่วยโรคมะเร็ง ตามสถานะที่ไม่ควรเกิดขึ้น(The Fault)

     เพราะฉะนั้น เมื่อไม่มองในเชิงปัญหาวรรณกรรม หนังเรื่องนี้จึงมีต้นทุนความน่าสนใจอยู่ในตัวแล้ว ดั่งเช่นต้นทุนประเภทหนังดีหลายๆเรื่อง

     ขณะเดียวกันเมื่อกลับเข้าสู่โหมดหนัง ตัวละครหลักอย่างเฮเชลและออกัสตัสอย่างเช่นบทบาท และการเลือกนักแสดง ทำได้ดีโดยเฉพาะแอนเชล เอลกอร์ธ(ออกัสตัส) เช่น การกระทำ(Acting) ซึ่งทำให้เรารู้สึกว่าพัฒนาการของตัวละครของเฮเชลเกิดขึ้นจริงได้

     ประการต่อมา เราจะเห็นว่าท้องเรื่องซึ่งเน้นหนักไปทางดราม่ามากกว่าโรแมนติกซ์ มักจะมีแง่มุม ประเภทชี้จุด! โดนใจเชิงปัญหาชีวิตและทัศนคติ ซึ่งเนื้อหาของเรื่องนี้ก็ทำได้ดี ภายใต้ข้อจำกัดของหนัง ยิ่งเวลาดูจบก็มักจะได้แง่คิดดีๆผ่านเรื่องราวของพวกเขากลับมา

     ขณะที่ความโรแมนติกซ์ของเรื่องนี้ เป็นเพียงการนำเอาความสัมพันธ์ของคู่หนุ่มสาว(เฮเชล-ออกัสตัส)มาใช้ในการเดินเรื่อง แม้โทนเรื่องความรักดูจะไม่ค่อยอิน แต่เมื่อพิจารณาผสมกับบทบาทของตัวละครฝ่ายรุกอย่าง ออกัสตัส ก็ช่วยทำให้เรารู้สึกว่า ไม่เสียดายน้ำตาที่เสียไป

     และสุดท้ายเพลงประกอบเพราะดี

มาเคาะเพิ่มเติมได้ที่นี่
https://www.facebook.com/NawaCreativity/
http://nawacreativity.blogspot.com/
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่