พิจารณาตัดรูปอย่างเดียวให้ถึงอรหัตผล

วันก่อนเห็นกระทู้ตัดสักกายทิฏฐิตัวเดียว...
แล้วผมก็ได้ตั้งกระทู้เรื่องพระสารีบุตรสอนให้ตัดขันธ์ ๕ อย่างเดียว จนจบกิจ
มาวันนี้จะเสนอพระสูตรที่พระพุทธเจ้าสอนให้พิจารณาตัดรูปอย่างเดียว
หรือพิจารณาตัดขันธ์ใดขันธ์หนึ่งอย่างเดียวก็สำเร็จอรหัตผล
จริงๆแล้วในประวัติของพระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านก็พิจารณาสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แล้วก็สำเร็จกิจกัน
เหมือนในบางตำราท่านว่า เจริญกรรมฐานกองใดกองหนึ่ง ก็ให้ทำกรรมฐานกองนั้นจนจบกิจในพระพุทธศาสนาได้เลย
เคี้ยวอะไรง่าย คล่องปาก ก็ให้กินอย่างนั้นไปเลย กินอะไรก็อิ่มเหมือนกัน
จะสำเร็จช้าหรือเร็ว อยู่ที่อินทรีย์ ๕
ทำได้หรือไม่ได้ อยู่ที่อิทธิบาท ๔

ปล. สำหรับผมแล้ว ตัดรูปง่ายที่สุดครับ

๕. สัตตัฏฐานสูตร
ว่าด้วยการรู้ขันธ์ ๕ โดยฐานะ
             [๑๑๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้:-
             สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี.
ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาค.

พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ฉลาดในฐานะ ๗ ประการ ผู้เพ่งพินิจโดยวิธี ๓ ประการ
เราเรียกว่ายอดบุรุษ ผู้เสร็จกิจ อยู่จบพรหมจรรย์ ในธรรมวินัยนี้.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุผู้ฉลาดในในฐานะ ๗ ประการ เป็นอย่างไร?

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
รู้ชัดซึ่งรูป
เหตุเกิดแห่งรูป
ความดับแห่งรูป
ปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งรูป
คุณแห่งรูป
โทษแห่งรูป
และอุบายเครื่องสลัดออกแห่งรูป.
รู้ชัดเวทนา ฯลฯ สัญญา ฯลฯ สังขาร ฯลฯ วิญญาณ เหตุเกิดแห่งวิญญาณ ความดับแห่งวิญญาณ
ปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งวิญญาณ คุณแห่งวิญญาณ โทษแห่งวิญญาณ และอุบายเครื่องสลัดออกแห่งวิญญาณ.

             [๑๑๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็รูปเป็นไฉน? มหาภูตรูป ๔ และรูปที่อาศัยมหาภูตรูป ๔ นี้เรียกว่ารูป.
ความเกิดขึ้นแห่งรูป ย่อมมีเพราะความเกิดขึ้นแห่งอาหาร
ความดับแห่งรูป ย่อมมีเพราะความดับแห่งอาหาร
อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ คือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ. นี้แลเป็นปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งรูป.
ความสุขโสมนัสอาศัยรูปนี้เกิดขึ้น นี้เป็นคุณแห่งรูป
รูปไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งรูป
การกำจัดฉันทราคะ การละฉันทราคะในรูปเสียได้ นี้เป็นอุบายเครื่องสลัดออกแห่งรูป.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง รู้ยิ่งซึ่งรูป เหตุเกิดแห่งรูป ความดับแห่งรูป
ปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งรูป คุณแห่งรูป โทษแห่งรูป และอุบายเครื่องสลัดออกแห่งรูป อย่างนี้ๆ แล้ว
ปฏิบัติ เพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับรูป สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นปฏิบัติดีแล้ว
สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดปฏิบัติดีแล้ว สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ชื่อว่าย่อมหยั่งลงในธรรมวินัยนี้.

ส่วน สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง รู้ยิ่งซึ่งรูป เหตุเกิดแห่งรูป ความดับแห่งรูป
ปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งรูป คุณแห่งรูป โทษแห่งรูป และอุบายเครื่องสลัดออกแห่งรูป อย่างนี้ๆ แล้ว หลุดพ้นไป
เพราะความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ความดับ (และ) เพราะไม่ถือมั่นรูป
สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ชื่อว่าหลุดพ้นดีแล้ว

สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด หลุดพ้นดีแล้ว สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น เป็นอันเสร็จกิจ
สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเสร็จกิจ สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมไม่มีวัฏฏะเพื่อความปรากฏอีก.

(ส่วนขันธ์ที่เหลือก็คล้ายกัน จึงขอย่อไว้ ใครสนใจก็กดดูได้นะครับ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
             
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=17&i=118

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่