สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
เอาแบบง่ายๆนะ
ไอ้กลมๆข้างบนที่หมุนได้ mode ที่มี
M - ปรับได้ทั้ง f และ speed (ถ้ายังไม่เป็นให้ข้าม mode นี้ไปก่อน ปรับทีเดียวสองอย่างเดี๋ยวงง)
A - ปรับค่า f ได้อย่างเดียว (speed ไม่ต้องยุ่ง กล้องปรับให้โดยเอาให้แสงพอดี) ถ้าไม่เป็นก็เริ่มจากอันนี้ก็ได้
f น้อย ๆ จุดที่เรา focus จะชัด ระยะ(ที่ระนาบต่างกัน)ที่ไกลออกไป จะเบลอ เช่น f น้อยๆ ถ้ายืนเรียงหน้ากระดานจะชัดทุกคน ถ้ายื้นแถวตอนเรียงหนึ่งจะชัดคนเดียว จะให้ชัดหลายคนต้องเพิ่ม ค่า f
เล่นอันนี้ให้คล่องก่อนก็ได้ ให้รู้ว่า ค่า f เท่าไหร่เหมาะกับสถานการ์ณไหน
S - ปรับค่า speed ได้อย่างเดียว (ค่า f กล้องปรับให้)
ใช้กรณีที่ต้องการเน้นการเคลื่อนไหว เช่น speed เร็ว วัดถุหยุ่ดนิ่ง speed ช้า เพื่อให้เห็น movement ของวัตถุ (ไปหาอ่านต่อเอาแล้วกัน)
P - Auto ปรับอะไรไม่ค่อยได้ ไม่ค่อยได้ใช้เหมือนกัน อาจจะใช้เช่น ต้องรีบถ่ายทันที มัว แต่ ใช้ A หรือ S ปรับ f ปรับ speed มันไม่ทัน หมุนไปที่ p แล้วถ่ายได้เลย
ที่เหลือพวก I หรือ scene มันก็ auto อีกประเภท ไม่ต้องเรียนรู้อะไรมาก ปรับ f, speed ไม่ค่อยได้เหมือน กัน ถ้าปรับได้มันจะเรียกเป็นภาษาชาวบ้านว่า background defocus. mode พวกนี้ก็ไม่ค่อยใช้เหมือนกัน
ถ้าจะหัดใช้ก็ศึกษา รูรับแสง (ค่า f ), speed shutter และ ISO ก่อน ทั้งสามค่ามีผลต่อกัน
- รูรับแสง (ค่า f), รูรับแสงกว้างๆ ค่า f จะเป็นเลขน้อยๆ รูรับแสง แคบๆ ค่า f จะเยอะๆ
ผลทางแสง : รูรับแสงกว้าง (f เลขน้อย) ภาพสว่าง, รูรับแสงแคบ (f เลขมากๆ) ภาพมืดลง
ผลทางศิลป์: รูรับแสงกว้าง (f เลขน้อย) ภาพชัดตื้น ฉากหลังเบลอมาก, รูรับแสงแคบ (f เลขมากๆ) ภาพชัดลึก ชัดทั้งภาพ
- speed shutter
ผลทางแสง : speed ช้า สว่าง , speed เร็ว มืด
ผลทางศิลป์ : speed ช้า เน้นการเคลื่อนไหว, speed เร็ว หยุดการเคลื่อนไหว
- ISO (International Standard Organization) (หลายคนคงไม่เคยเห็นตัวเต็ม เห็นแล้วคงงงว่าเกี่ยวอะไรกัน)
ผลทางแสง : ISO เยอะๆ ภาพสว่าง (เพราะไปเร่งสัญญาณที่ sensor) ISO น้อยๆ ภาพมืดลง
ผลทางศิลป์: ISO เยอะๆ ที่บางคนเรียกว่าภาพแตก หรือจุดสัญญาณ รบกวนเกิดขึ้นในภาพมาก ISO น้อย ภาพใสเคลีย
ทั้งสามค่า จะมีผลต่อกันในเรื่องความสว่างของภาพ
การถ่ายภาพปกติจะถ่ายให้แสงพอดี การปรับเพิ่มค่านึง เราต้อง ไปลดอีกค่านึงเพื่อให้ได้แสงที่พอดีเท่าเดิม
เช่น ถ้าเราลด ค่า f (ภาพสว่างขึ้น) เราต้องเพิ่ม speed shutter เพื่อให้ความสว่างของภาพกลับมาพอดีเท่าเดิม (หรือเราจะลด ISO ก็ได้ถ้าสามารถลดได้อีก)
ดังนั้นถ้าไปเริ่ม mode M เลย ต้องไปปรับ ทั้ง f , speed ขึ้นๆลงๆเพื่อให้ภาพพอดีจะงงซะตั้งแต่เริ่ม แล้วจับหลักไม่ถูก
ให้ลองเริ่มสัก Mode A หรือ S เพื่อที่ เราปรับสิ่งท่เราต้องการแล้วให้กล้องปรับค่าอื่นให้ แล้วเราคอยสังเกตว่ากล้องปรับค่ายังไงถึงได้พอดี
โดยมากคนชอบถ่าย portrait ก็เริ่มจาก Mode A จะสะดวกกว่า เช่น ถ่ายเดี่ยวเอาละลายฉากหลังเยอะๆ ก็ f น้อยๆ , ถ่ายหมู่ จะเอาชัดทุกคน ก็เพิ่มค่า f
แล้วให้ลองสังเกตดูว่า เราลด f แล้วกล้องทำอะไรกับค่า speed และ iso ให้เรา แล้วค่อยลองไปเล่นกับ mode M ดูก็ได้
เวลาเราถ่ายภาพเราต้องการผลทางศิลป และต้องให้ แสงพอดี ดังนั้นเวลาปรับค่านึงเพื่อให้เกิดผลทางศิลปอย่านึง จะมีผลกระทบกับทางด้านทางแสงด้วย เลยถึงต้องปรับอีกค่านึงตาม แต่ที่จริง ISO เป็นเหมือนตัวเสริมเข้ามาเนื่องจากบางกรณี ปรับแล้วแสงไม่พอ ยังเลยต้องเอา ISO เข้ามาช่วยเร่งแสง แต่ข้อเสียคือ ภาพแตกหรือ ที่เรียกว่ามี noise ในภาพ ดังนั้นปกติแล้ว ISO เขาจะใช้ต่ำๆก่อน ไม่ค่อยไปยุ่ง ถ้า f กับ S ช่วยกันแล้วยังไม่ไหม แสงไม่พอถึง ไปเพิ่ม ISO
เช่น
- ถ่ายกลางแจ้ง แสงพอ อยากได้หลังเบลอ mode A ปรับ f 1.8 (สว่าง) กล้องจะคิดให้ว่าแสงจะมากไป กล้องก็จะไปเร่ง speed shutter ให้ อาจจะเป็น 1/1000 อะไรประมาณนี้ (สมมติว่ายังไม่ได้ยุ่งกับ ISO เพราะแสงพอ, iso 100)
- ถ่ายกลางแจ้ง ถ่ายวิว แสงพอ จะเอาชัดทั้งภาพ mode A ปรับ f 16 (มืดลง) กล้อง ก็จะคิดให้ ว่าแสงแดดสว่างพอประมาณ แต่ภาพจะมืดลงพอสมควรเพราะ ค่า f เยอะ ดังนั้น speed shutter ต้องไม่มาก เท่า กรณีแรก แต่ก็ไม่ช้าไป สมมติว่าคานวณแล้ว ได้ speed 1/200 กล้องก็จะปรับลด speed shutter ให้ (สมมติว่ายังไม่ได้ยุ่งกับ ISO เพราะแสงพอ, iso 100)
- ถ่ายในอาคาร (แสงน้อย) mode A อยากได้หลังเบลอ ปรับ f1.8 (สว่างขึ้น) กล้องก็จะคิดให้ ว่าค่อนข้างมืด f1.8 ภาพสว่างขึ้นแล้วแต่ก็ยังไม่พอ กล้องก็เลยลด speed shutter เยอะๆ สมมติว่า คิดได้ที่ 1/3 วินาที (สว่างขึ้น) กล้องมันก็คิดต่อว่า คนบ้าที่ไหนจะถือนิ่งๆได้โดยที่ภาพไม่เบลอ กล้องก็เลยตัดสินใจให้ว่า เอา speed สัก 1/40 แล้วกัน (speed เพิ่มขึ้น ก็เลยทำให้แสงยังไม่พอเท่า 1/3 วินาที) คงพอจะถือได้บ้าง แต่ว่า จะยังได้ภาพที่มืดอยู่ ก็เลย ต้องใช้ ISO เป็นตัวช่วย เลยต้องดัน ISO ขึ้นไปเป็น 1250 เพื่อให้แสงเท่ากับที่ควรจะเป็น (เท่ากับแสงที่ 1/3 วินาที)
จากตัวอย่างหลักการที่กล้องคิดก็หลักการเดียวกับที่คนใช้ mode M คิด ถ้าไปเริ่ม M เลยจะงงซะตั้งแต่ต้น ลองเริ่มจาก mode A ปรับแค่ค่า f แล้วสังเกตดูค่าที่กล้องปรับให้
ละเอียดกว่านี้คงต้องไปหาอ่านต่อที่อื่น เพราะเริ่มจะยาวแล้ว
ไอ้กลมๆข้างบนที่หมุนได้ mode ที่มี
M - ปรับได้ทั้ง f และ speed (ถ้ายังไม่เป็นให้ข้าม mode นี้ไปก่อน ปรับทีเดียวสองอย่างเดี๋ยวงง)
A - ปรับค่า f ได้อย่างเดียว (speed ไม่ต้องยุ่ง กล้องปรับให้โดยเอาให้แสงพอดี) ถ้าไม่เป็นก็เริ่มจากอันนี้ก็ได้
f น้อย ๆ จุดที่เรา focus จะชัด ระยะ(ที่ระนาบต่างกัน)ที่ไกลออกไป จะเบลอ เช่น f น้อยๆ ถ้ายืนเรียงหน้ากระดานจะชัดทุกคน ถ้ายื้นแถวตอนเรียงหนึ่งจะชัดคนเดียว จะให้ชัดหลายคนต้องเพิ่ม ค่า f
เล่นอันนี้ให้คล่องก่อนก็ได้ ให้รู้ว่า ค่า f เท่าไหร่เหมาะกับสถานการ์ณไหน
S - ปรับค่า speed ได้อย่างเดียว (ค่า f กล้องปรับให้)
ใช้กรณีที่ต้องการเน้นการเคลื่อนไหว เช่น speed เร็ว วัดถุหยุ่ดนิ่ง speed ช้า เพื่อให้เห็น movement ของวัตถุ (ไปหาอ่านต่อเอาแล้วกัน)
P - Auto ปรับอะไรไม่ค่อยได้ ไม่ค่อยได้ใช้เหมือนกัน อาจจะใช้เช่น ต้องรีบถ่ายทันที มัว แต่ ใช้ A หรือ S ปรับ f ปรับ speed มันไม่ทัน หมุนไปที่ p แล้วถ่ายได้เลย
ที่เหลือพวก I หรือ scene มันก็ auto อีกประเภท ไม่ต้องเรียนรู้อะไรมาก ปรับ f, speed ไม่ค่อยได้เหมือน กัน ถ้าปรับได้มันจะเรียกเป็นภาษาชาวบ้านว่า background defocus. mode พวกนี้ก็ไม่ค่อยใช้เหมือนกัน
ถ้าจะหัดใช้ก็ศึกษา รูรับแสง (ค่า f ), speed shutter และ ISO ก่อน ทั้งสามค่ามีผลต่อกัน
- รูรับแสง (ค่า f), รูรับแสงกว้างๆ ค่า f จะเป็นเลขน้อยๆ รูรับแสง แคบๆ ค่า f จะเยอะๆ
ผลทางแสง : รูรับแสงกว้าง (f เลขน้อย) ภาพสว่าง, รูรับแสงแคบ (f เลขมากๆ) ภาพมืดลง
ผลทางศิลป์: รูรับแสงกว้าง (f เลขน้อย) ภาพชัดตื้น ฉากหลังเบลอมาก, รูรับแสงแคบ (f เลขมากๆ) ภาพชัดลึก ชัดทั้งภาพ
- speed shutter
ผลทางแสง : speed ช้า สว่าง , speed เร็ว มืด
ผลทางศิลป์ : speed ช้า เน้นการเคลื่อนไหว, speed เร็ว หยุดการเคลื่อนไหว
- ISO (International Standard Organization) (หลายคนคงไม่เคยเห็นตัวเต็ม เห็นแล้วคงงงว่าเกี่ยวอะไรกัน)
ผลทางแสง : ISO เยอะๆ ภาพสว่าง (เพราะไปเร่งสัญญาณที่ sensor) ISO น้อยๆ ภาพมืดลง
ผลทางศิลป์: ISO เยอะๆ ที่บางคนเรียกว่าภาพแตก หรือจุดสัญญาณ รบกวนเกิดขึ้นในภาพมาก ISO น้อย ภาพใสเคลีย
ทั้งสามค่า จะมีผลต่อกันในเรื่องความสว่างของภาพ
การถ่ายภาพปกติจะถ่ายให้แสงพอดี การปรับเพิ่มค่านึง เราต้อง ไปลดอีกค่านึงเพื่อให้ได้แสงที่พอดีเท่าเดิม
เช่น ถ้าเราลด ค่า f (ภาพสว่างขึ้น) เราต้องเพิ่ม speed shutter เพื่อให้ความสว่างของภาพกลับมาพอดีเท่าเดิม (หรือเราจะลด ISO ก็ได้ถ้าสามารถลดได้อีก)
ดังนั้นถ้าไปเริ่ม mode M เลย ต้องไปปรับ ทั้ง f , speed ขึ้นๆลงๆเพื่อให้ภาพพอดีจะงงซะตั้งแต่เริ่ม แล้วจับหลักไม่ถูก
ให้ลองเริ่มสัก Mode A หรือ S เพื่อที่ เราปรับสิ่งท่เราต้องการแล้วให้กล้องปรับค่าอื่นให้ แล้วเราคอยสังเกตว่ากล้องปรับค่ายังไงถึงได้พอดี
โดยมากคนชอบถ่าย portrait ก็เริ่มจาก Mode A จะสะดวกกว่า เช่น ถ่ายเดี่ยวเอาละลายฉากหลังเยอะๆ ก็ f น้อยๆ , ถ่ายหมู่ จะเอาชัดทุกคน ก็เพิ่มค่า f
แล้วให้ลองสังเกตดูว่า เราลด f แล้วกล้องทำอะไรกับค่า speed และ iso ให้เรา แล้วค่อยลองไปเล่นกับ mode M ดูก็ได้
เวลาเราถ่ายภาพเราต้องการผลทางศิลป และต้องให้ แสงพอดี ดังนั้นเวลาปรับค่านึงเพื่อให้เกิดผลทางศิลปอย่านึง จะมีผลกระทบกับทางด้านทางแสงด้วย เลยถึงต้องปรับอีกค่านึงตาม แต่ที่จริง ISO เป็นเหมือนตัวเสริมเข้ามาเนื่องจากบางกรณี ปรับแล้วแสงไม่พอ ยังเลยต้องเอา ISO เข้ามาช่วยเร่งแสง แต่ข้อเสียคือ ภาพแตกหรือ ที่เรียกว่ามี noise ในภาพ ดังนั้นปกติแล้ว ISO เขาจะใช้ต่ำๆก่อน ไม่ค่อยไปยุ่ง ถ้า f กับ S ช่วยกันแล้วยังไม่ไหม แสงไม่พอถึง ไปเพิ่ม ISO
เช่น
- ถ่ายกลางแจ้ง แสงพอ อยากได้หลังเบลอ mode A ปรับ f 1.8 (สว่าง) กล้องจะคิดให้ว่าแสงจะมากไป กล้องก็จะไปเร่ง speed shutter ให้ อาจจะเป็น 1/1000 อะไรประมาณนี้ (สมมติว่ายังไม่ได้ยุ่งกับ ISO เพราะแสงพอ, iso 100)
- ถ่ายกลางแจ้ง ถ่ายวิว แสงพอ จะเอาชัดทั้งภาพ mode A ปรับ f 16 (มืดลง) กล้อง ก็จะคิดให้ ว่าแสงแดดสว่างพอประมาณ แต่ภาพจะมืดลงพอสมควรเพราะ ค่า f เยอะ ดังนั้น speed shutter ต้องไม่มาก เท่า กรณีแรก แต่ก็ไม่ช้าไป สมมติว่าคานวณแล้ว ได้ speed 1/200 กล้องก็จะปรับลด speed shutter ให้ (สมมติว่ายังไม่ได้ยุ่งกับ ISO เพราะแสงพอ, iso 100)
- ถ่ายในอาคาร (แสงน้อย) mode A อยากได้หลังเบลอ ปรับ f1.8 (สว่างขึ้น) กล้องก็จะคิดให้ ว่าค่อนข้างมืด f1.8 ภาพสว่างขึ้นแล้วแต่ก็ยังไม่พอ กล้องก็เลยลด speed shutter เยอะๆ สมมติว่า คิดได้ที่ 1/3 วินาที (สว่างขึ้น) กล้องมันก็คิดต่อว่า คนบ้าที่ไหนจะถือนิ่งๆได้โดยที่ภาพไม่เบลอ กล้องก็เลยตัดสินใจให้ว่า เอา speed สัก 1/40 แล้วกัน (speed เพิ่มขึ้น ก็เลยทำให้แสงยังไม่พอเท่า 1/3 วินาที) คงพอจะถือได้บ้าง แต่ว่า จะยังได้ภาพที่มืดอยู่ ก็เลย ต้องใช้ ISO เป็นตัวช่วย เลยต้องดัน ISO ขึ้นไปเป็น 1250 เพื่อให้แสงเท่ากับที่ควรจะเป็น (เท่ากับแสงที่ 1/3 วินาที)
จากตัวอย่างหลักการที่กล้องคิดก็หลักการเดียวกับที่คนใช้ mode M คิด ถ้าไปเริ่ม M เลยจะงงซะตั้งแต่ต้น ลองเริ่มจาก mode A ปรับแค่ค่า f แล้วสังเกตดูค่าที่กล้องปรับให้
ละเอียดกว่านี้คงต้องไปหาอ่านต่อที่อื่น เพราะเริ่มจะยาวแล้ว
แสดงความคิดเห็น
สงสัยอีกครั้งกับ Sony a5100 มาตอบกันเยอะๆน้า 😂
คือ หนูพยายามแล้วจริงๆนะ แต่อาจจะมีจุดเล็กน้อยที่มองข้ามไป
จนหาไม่เจอ มันอาจเป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับพี่ๆมืออาชีพน้า
แต่สำหรับมือใหม่ มันอาจจะมีข้อสงสัยเยอะหน่อยเนอะ 555 🙏🏻
ยังไงก็ช่วยเด็กๆหน่อยน้าคะ 🙃
สงสัยการปรับค่า f ใน a5100 ค่ะ
คือหนูหาที่ปรับไม่เจอ แง่ว 😓
ต่อมาคือ ตอนนี้อยากเปลี่ยนเมมค่ะ แต่ร้านขายเมมบอกว่า
ก่อนถอดเมมออก ต้องไปยกเลิกการเชื่อมต่อเมม อะไรสักอย่างอ่ะค่ะ
หรือคือการเคลียเมมอ่ะค่ะ คือมันเข้าตรงไหนค่ะพี่ 😥
speed sutter ปรับตรงไหนค่ะพี่ บางทีก็กดเจอ บางทีก็กดไม่เจอ เอ่อ แง
คือปุ่มกด 4 ปุ่มที่ โซนี่ ล็อกไว้ เช่น iso อะไรแบบนี้ หนูปรับได้น้า คือหาเจอง่าย
ส่วนอันอื่นๆ หาไม่เจอเลยง่ะ 😭
ตอนนี้ใช้เลน 50 mm f1.8 ค่ะ เพิ่งลองเปลี่ยนเลน เมื่อกี้เลยค่ะ พอไปลองถ่ายนอกบ้านแล้ว
มันเด้งกระพริบ f22 รัวๆเลยค่ะ และหน้าจอก็สว่าง มองอะไรไม่เห็นเลยค่ะ เอ่อ 555 เสียใจ
ขอบคุณพี่ทุกคนที่เข้ามาตอบนะค่ะ ไหว้งามๆ🙏🏻