พนักงานองค์กร กับ เจ้าของบริษัทใหญ่ ต่างกันมากนะ
มันต่างกันมากๆเลย ต่างกันมาก ต่างกันแบบเทียบกันไม่ได้จริงๆ อย่างคนที่เป็นพนักงาน พอได้ตำแหน่งสูงขึ้น ปรับเงินขึ้นหน่อยก็ทำผยอง ว่าเก่งเหนือกว่าทุกคน ทั้งที่จริงๆก็แค่พนักงาน ไม่ได้โตใหญ่กว่าเจ้าของบริษัทใหญ่เลยด้วยซ้ำ
ส่วนคนที่เป็นเจ้าของกิจการ บริษัทใหญ่ ถ้าเป็นพวกที่สืบทอดต่อมา อันนี้ก็อาจจะแค่โชคดีที่ได้รุ้กลวิธี ดำเนินการต่างๆจากรุ่นก่อน แบบไม่ต้องกระ

กระสน ยดิ้นรนอะไรมาก เพราะทุกอย่างมันเป็นระบบให้และพร้อมให้ไปทำได้ทันที แต่ก็คงจะเก่งสู้คนที่มาจากต้นทุนที่ต่ำกว่าไม่ได้แน่ๆ เพราะเขาจะต้องอาศัยเวลาหลายสิบปี กว่าธุรกิจจะดำเนินต่อไปเองได้ ซึ่งก็ใช่ว่าจะทำได้สำเร็จทุกคน เพราะการกว่าจะได้รู้วิธีการกระบวนการต่างๆ มันไมใ่ช่จะได้มาง่ายๆเลย แล้วคนที่เป็นเจ้าของก็จะสบาย มีเวลาเยอะขึ้น มีเิงินทองใช้มากมาย แบบไม่ต้องกังวล ดิ้นรนแบบพนักงานกินเงินเดือน
แต่ประเด็นคือ คนแบบหลังทีว่านี้มีอยู่น้อย เพราะไอพวกที่เห็นยิ่งใหญ่ได้ ถ้าไม่ได้รับการช่ว่ยเหลือจาก ผู้ใหญ่ใจดี ก็คงจะไม่มีวันลืมตาอ้าปากทำธุรกิจใหญ่โตได้หรอก ซึ่งแบบหลังนี้จะใช้เวลาไม่ค่อนาน เพราะมีคนช่วยเหลือส่งเสริม
ปล.เจ้าของกิจการใหญ่โต บางคน (ย้ำว่าบางคน) ยังสมรรถะมาก ไปไหนนั่งรถเมล์อยู่เลย (เห็นมาจริงๆ ตอนแรกไม่เชื่อเขานะ)
พนักงานองค์กร กับ เจ้าของบริษัทใหญ่ ต่างกันมากนะ
มันต่างกันมากๆเลย ต่างกันมาก ต่างกันแบบเทียบกันไม่ได้จริงๆ อย่างคนที่เป็นพนักงาน พอได้ตำแหน่งสูงขึ้น ปรับเงินขึ้นหน่อยก็ทำผยอง ว่าเก่งเหนือกว่าทุกคน ทั้งที่จริงๆก็แค่พนักงาน ไม่ได้โตใหญ่กว่าเจ้าของบริษัทใหญ่เลยด้วยซ้ำ
ส่วนคนที่เป็นเจ้าของกิจการ บริษัทใหญ่ ถ้าเป็นพวกที่สืบทอดต่อมา อันนี้ก็อาจจะแค่โชคดีที่ได้รุ้กลวิธี ดำเนินการต่างๆจากรุ่นก่อน แบบไม่ต้องกระ
แต่ประเด็นคือ คนแบบหลังทีว่านี้มีอยู่น้อย เพราะไอพวกที่เห็นยิ่งใหญ่ได้ ถ้าไม่ได้รับการช่ว่ยเหลือจาก ผู้ใหญ่ใจดี ก็คงจะไม่มีวันลืมตาอ้าปากทำธุรกิจใหญ่โตได้หรอก ซึ่งแบบหลังนี้จะใช้เวลาไม่ค่อนาน เพราะมีคนช่วยเหลือส่งเสริม
ปล.เจ้าของกิจการใหญ่โต บางคน (ย้ำว่าบางคน) ยังสมรรถะมาก ไปไหนนั่งรถเมล์อยู่เลย (เห็นมาจริงๆ ตอนแรกไม่เชื่อเขานะ)