รู้จักกับ "ทักษิณ ชินวัตร" ผ่าน "แอ๊ด เทวดา" และ "บ้านทรายทอง"

กระทู้สนทนา
หลายคนอยากรู้จักพี่แม้วว่าไปทำอะไรมาบ้างถึงรวย นี่คือตัวอย่างสำหรับคนที่เคยคบพี่แม้วมาเล่าให้ฟังครับ

   ถ้าเอ่ยชื่อ "แอ๊ด เทวดา" หรือชื่อจริง อรรถพล ลิมประพันธ์ คิดว่าคงคุ้นหูหลายคนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะ "หนังจอยักษ์ผ่าโลก" ในอดีต ที่เคยสร้างความฮือฮามาแล้ว และชื่อของ "แอ๊ด เทวดา" มาเป็นที่ฮือฮาอีกครั้ง เมื่อเขาร่วมกับ 3 ศิลปินแห่งชาติ ทำเพลงสนับสนุนนโยบายปราบปรามยาเสพติด ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ใช้ชื่อเพลงว่า "พลิกน้ำคว่ำดิน" โดยมี ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ร้องนำ ชาย เมืองสิงห์ ทำดนตรี ชลธี ธารทอง แต่งคำร้องและทำนอง ซึ่งซีดีเพลงชุดนี้ได้มีการแจกจ่ายให้ประชาชนและหน่วยงานราชการต่างๆ ไปแล้วกว่า 20,000 แผ่น
   ล่าสุด "แอ๊ด เทวดา" และทีมงานชุดเดิมได้ร่วมกันทำผลงานเพลงชิ้นที่ 2 สนับสนุนนโยบายปราบผู้มีอิทธิพล โดยตั้งชื่อเพลงว่า "เลิกซะ"
ทำให้หลายคนอาจสงสัยว่า "แอ๊ด เทวดา" มีความสัมพันธ์และความเกี่ยวข้องอย่างไรกับ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงแต่งเพลงออกมาสนับสนุนและให้กำลังในการทำงานถึง 2 เพลงติดต่อกัน

   สำหรับการที่ตัดสินใจผลิตเพลงออกมาเพื่อสนับสนุนนโยบายต่างๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น เป็นเพราะว่ามีความชื่นชอบเป็นการส่วนตัว เพราะมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯ ที่มีบุคลิกและการทำงานแตกต่างจากนายกฯ ของไทยคนอื่นๆ ที่ผ่านมา และโดยทั่วไปเมื่อเจอคนไม่ดีก็ต้องทำการติติง เมื่อเจอคนดีก็ต้องให้กำลังใจ ซึ่งการดำเนินนโยบายปราบปรามยาเสพติดและผู้มีอิทธิพลถือเป็นปัญหาที่หมักหมมในสังคมไทยมาเป็นเวลานาน จึงคิดว่าการให้กำลังใจเล็กๆ น้อยๆ ด้วยการแต่งเพลงขึ้นมาสนับสนุนนั้น จะช่วยกระตุ้นให้ทุกคนในสังคมหันมาให้ความร่วมมือมากขึ้น

   ส่วนหนึ่งที่ทำให้ แอ๊ด เทวดา ออกมาสนับสนุนการทำงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างเต็มที่ เป็นเพราะในอดีตเคยได้ร่วมงานกันในสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณกำลังเริ่มสร้างฐานะ แต่ตัวเขาเองก็ลืมไปแล้ว และไม่คิดว่าคนที่เคยรู้จักและได้ร่วมงานกันในอดีตจะกลายมาเป็นมหาเศรษฐีและนายกรัฐมนตรีในวันนี้

   "เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2544 ผมได้รับการเชิญชวนจาก คุณสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ในขณะนั้น ให้ไปร่วมอวยพรวันเกิด พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งผมก็ได้ร่วมเดินทางไปด้วย เพราะอยากจะไปให้กำลังใจในการต่อสู้คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อได้พบท่านผมก็ยกมือไหว้ พ.ต.ท.ทักษิณรับไหว้ผมแล้วก็เรียกคุณหญิงพจมานมา แล้วบอกกับคุณหญิงว่า จำคนนี้ได้ไหม นี่ แอ๊ด เทวดา ที่เคยมาเช่าหนังของเราไปฉาย ผมก็ตกใจและนึกทบทวนว่าเคยรู้จักท่านมาก่อนหรือเปล่า ซึ่งในที่สุดก็นึกออก แต่เป็นเรื่องที่ผมลืมไปนานแล้ว และไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเจ้าของโรงหนังที่ จ.เชียงใหม่ ที่ผมเคยไปขอเช่าหนังมาฉายเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วจะเป็นคนคนเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณที่เป็นมหาเศรษฐีและนายกฯ ของเมืองไทยในวันนี้"

แอ๊ด เทวดา เท้าความหลังให้ฟังว่า ช่วงประมาณปี 2521-2522 กำลังบุกเบิกธุรกิจฉายภาพยนตร์กลางแปลงปิดวิกเก็บเงินตระเวนไปทั่วประเทศ โดยจอภาพยนตร์ที่ฉายมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร คือเป็นจอโค้งขนาดใหญ่ จนได้รับฉายาว่า "แอ๊ด เทวดา หนังจอโค้งดาวเทียม จอยักษ์ผ่าโลก" แต่ช่วงนั้นก็มีหนี้สินล้นพ้นตัว ถึงขนาดที่ว่าโดนโทรศัพท์ทวงหนี้และต้องให้คนที่บ้านรับโทรศัพท์แทนจนนกขุนทองที่บ้านจำเอาพูดได้ว่า...แอ๊ดไม่อยู่ๆ

ขณะนั้นนอกจากจะต้องหลบเจ้าหนี้แล้ว ยังต้องออกฉายหนังหาเงินมาใช้หนี้ โดยมีคราวหนึ่งเดินทางไปเร่ฉายหนังทางภาคเหนือและได้ไปแวะขอเช่าหนังจากโรงภาพยนตร์ "ศรีวิศาล" ใน จ.เชียงใหม่ จำได้ว่าขณะนั้นเจ้าของโรงหนังเป็นนายตำรวจหนุ่มแต่จำชื่อไม่ได้ โดยเมื่อไปติดต่อเช่าหนัง ทางเจ้าของโรงหนังก็ได้แนะนำหนังเรื่องหนึ่งให้เอาไปฉาย เพราะหนังเรื่องนั้นเป็นหนังนำโชค นางเอกในเรื่องชื่อ "พจมาน" ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับภรรยาของเจ้าของโรงหนัง

"หนังเรื่องนั้นคือ "บ้านทรายทอง" ซึ่ง คุณเกียรติ เอี่ยมพึ่งพร แห่งบริษัทไฟว์สตาร์เป็นผู้ลงทุนสร้าง ใช้พระเอกนางเอกใหม่ที่ยังไม่มีชื่อเสียงในขณะนั้น พระเอกชื่อ พอเจตน์ แก่นเพชร ส่วนนางเอกชื่อ จารุณี สุขสวัสดิ์ ซึ่งตอนนั้นไม่มีใครรู้จัก และคุณเกียรติเป็นเพื่อนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อทราบว่านางเอกในเรื่องชื่อ "พจมาน สว่างวงศ์" ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับภรรยาท่านคือ คุณหญิงพจมาน พ.ต.ท.ทักษิณก็เลยทุ่มเงินซื้อลิขสิทธิ์หนังเรื่องนี้ไปฉายในภาคเหนือ รู้สึกจะใช้เงินไปประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นเงินจำนวนมหาศาลในสมัยนั้น"

ราคาที่ตกลงกันเป็นค่าเช่าภาพยนตร์เรื่องบ้านทรายทอง พ.ต.ท.ทักษิณเรียกในราคาคืนละ 6,000 บาท แต่ แอ๊ด เทวดา ได้ขอต่อรองลงมาเหลือ 4,000 บาท และนำหนังไปปิดวิกฉายที่ อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ซึ่งกฎกติกาในการเช่าฟิล์มภาพยนตร์ไปฉายนั้น จะต้องมีการจ่ายค่าภาพยนตร์เมื่อฉายไปได้ครึ่งเรื่อง โดยภาพยนตร์ 1 เรื่องจะใช้ฟิล์มจำนวน 6 ม้วน เจ้าของภาพยนตร์จะให้หนังไปฉายก่อน 3 ม้วน เมื่อมีการจ่ายค่าเช่าทั้งหมดแล้วจึงจะส่งฟิล์มที่เหลืออีก 3 ม้วนไปฉาย

แต่ แอ๊ด เทวดา บอกว่า เจ้าของโรงภาพยนตร์ "ศรีวิศาล" และเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เรื่อง "บ้านทรายทอง" ในภาคเหนือที่เขาไปเช่ามาฉาย ไม่ได้ปฏิบัติเหมือนเจ้าของหนังทั่วไป โดยยอมให้เอาฟิล์มหนังไปฉายก่อนเลยทั้ง 6 ม้วน และจะมาเก็บค่าหนังตอนที่ฉายหนังจบแล้ว

"คืนแรกที่นำเรื่อง "บ้านทรายทอง" ไปฉาย ปรากฏว่า "วิกแตก" ผมต้องเปิดให้คนเข้าไปดูฟรี เพราะมีคนมาซื้อตั๋วเข้าไปดูหนังเยอะมาก จำได้ว่าคืนนั้นเก็บเงินค่าผ่านประตูได้ประมาณ 60,000 บาท พอหนังฉายจบผมก็ถามเด็กที่ฉายหนังว่า เจ้าของหนังเก็บเงินไปหรือยัง เด็กก็บอกว่ายังไม่ได้เก็บ เห็นไปยืนกรอฟิล์มหนังอยู่แล้วก็เดินไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ผมก็เลยต้องประกาศออกไมล์ว่า เจ้าของหนังเรื่องบ้านทรายทองอยู่ที่ไหน ให้มารับเงินค่าหนังที่ แอ๊ด เทวดา ด้วย สักพัก พ.ต.ท.ทักษิณก็เดินมา ผมก็ยื่นเงินให้ 6,000 บาท แกก็บอกว่า อ้าว ตกลงกันไว้ 4,000 บาท ทำไมจ่าย 6,000 บาทล่ะ ผมก็บอกว่าวันนี้เก็บเงินได้เยอะเลยให้ 6,000 บาท แกก็บอกว่า ไม่ได้ๆ เดี๋ยวแฟนผมว่าเอา เพราะตกลงกันไว้แล้ว คำพูดต้องเป็นคำพูด"

"แล้วแกก็รับเงินไปแค่ 4,000 บาท ตามที่ตกลงกันไว้ตอนแรก"

หลังจากคืนนั้น แอ๊ด เทวดา ก็เช่าหนังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไปฉายอีกหลายคืนตลอดระยะเวลาที่ตระเวนปิดวิกฉายหนังในภาคเหนือ และได้มีโอกาสพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ต่างฝ่ายต่างก็ปรับทุกข์ซึ่งกันและกัน โดย แอ๊ด เทวดา เองก็มีหนี้สินจำนวนมาก ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณในขณะนั้นก็เพิ่งกลับมาจากสหรัฐอเมริกา ยังตั้งตัวไม่ได้ ทำโน่นทำนี่หลายอย่างแต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพิ่งมาฟื้นเพราะหนังเรื่องบ้านทรายทอง และ พ.ต.ท.ทักษิณยังได้ให้กำลังใจกับ แอ๊ด เทวดา ว่า ให้สู้ต่อไปอย่าท้อถอย

ทั้งหมดคือเสี้ยวหนึ่งของชีวิตสั้นๆ ที่ แอ๊ด เทวดา ได้รู้จักกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้เขาออกมาทำเพลงสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลถึง 2 เพลงด้วยกัน ซึ่งอาจจะมีเพลงที่ 3 เพลงที่ 4 ออกมาอีกในอนาคต

ปล.เรื่องนี้ผมจำได้ว่าเคยอ่านจากมติชน เลยลองค้นอากู๋ก็ได้มาแค่นี้ละครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่