คนที่เคยติดบูโรแต่ปิดบัญชีไปแล้วแต่ยังไม่ถึง 2-3 ปี อยากขอสินเชื่อบ้าน อย่าเพิ่งสิ้นหวัง ลองดูเคสผมก่อนเป็นแนวทาง

ผมเป็นคนนึงที่เมื่อเกือบสองปีที่แล้วเคยมีปัญหาบูโรกับบัญชีสินเชื่อบุคคลอยู่ 1 บัญชี ในบูโรโชว์สถานะก่อนปิดบัญชี ค้างชำระ 120 วัน และหลังจากนั้นผมก็ทำการปิดบัญชี สถานะกลายเป็นปิดบัญชี แต่ยังคงเป็นตราบาปโชว์อยู่ในบูโร เนื่องจากตั้งแต่วันปิดบัญชีจนถึงวันนี้ มีระยะเวลา 1 ปี 11 เดือน
    ความคิดอยากได้คอนโดเป็นของตัวเองมีมานาน แต่ก็รู้ว่าตัวเองมีบูโรที่มีปัญหาตัวนี้อยู่ ก็เลยได้แค่คิดอยากได้ แต่ก็สุดแค่นั้น ไม่กล้าคิดไปขอสินเชื่อกับธนาคาร เพราะคิดว่าขอไปก็โดนปฏิเสธอยู่ดี เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีการสมัครบัตรเครดิต ก็ไม่อนุมัติตลอด(แต่ระยะเวลาก็เกิน 6 เดือนมาแล้ว)  จนมาเมื่อ 2 เดือนก่อนได้เข้าไปลองดูใน prakard ก็ได้เจอคอนโดใกล้ๆบ้านพี่สาวเป็นคอนโดที่อยากได้มานาน เจ้าของประกาศขาย 1.85 ล้านบาท เลยสนใจและทิ้งไลน์ให้เจ้าของติดต่อกลับ ปรากฏเจ้าของทักมา และได้คุยกัน และเจ้าของบอกว่าถ้าสนใจจริงๆจะลดให้อีกหน่อย เราก็บอกจริงๆอยากได้แต่กลัวขอสินเชื่อไม่ผ่าน เจ้าของพยายามถามว่ากังวลตรงส่วนไหน ซึ่งตอนนั้นไม่ทราบเลยว่าเจ้าของที่พยายามถามเราว่ากังวลตรงจุดไหนที่กลัวกู้ไม่ผ่าน และแล้วก็ได้ทราบว่าเจ้าของเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์สินเชื่อของแบ้งค์แบ้งค์หนึ่ง เลยได้เอาเคสผมมาคุยกัน ซึ่งผมก็ได้ให้ข้อมูลผมดังรายละเอียดตามนี้

-ทำงานบริษัทตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายผลิต
-อายุงาน 2 ปี 6 เดือน
-เงินเดือน 47,000 บาท เงินโอนเข้าบัญชีทุกเดือน แต่ไม่ค่อยเหลือติดบัญชี
-มีภาระผ่อนรถเดือนละ 7,100 บาท ชำระปกติในบูโรโค้ด 0
-มีภาระบัตรเครดิต 3 ใบ วงเงินรวม 139,000 บาท ยอดใช้เกือบเต็มวงเงินทุกบัตร ชำระแค่ขั้นต่ำทุกเดือน ชำระปกติในบูโรโค้ด 0
-มีปัญหาบูโรเมื่อเกือบ 2 ปีก่อน สถานะก่อนปิด โชว์ ค้างชำระ 120 วัน ปิดบัญชีแล้ว (จนถึงวันนี้ปิดบัญชีมาเป็นระยะเวลา 1ปี 11 เดือน) ยอดตอนปิดบัญชีประมาณ 30,000 บาท ,มีจดหมายปิดบัญชี
- มีเงินฝากในบัญชีออมทรัพย์ประมาณ 300,000 บาท
- มีสินทรัพย์ที่ปลอดหนี้สิน อย่างเดียว คือ โฉนดที่ดิน 1 ไร่ ราคาประเมินประมาณ 240,000 บาท

      อันดับแรกผมสอบถามทางเจ้าของก่อนว่าถ้าข้อมูลอย่างผมในสิ่งที่ผมกังวลเรื่องบูโร ถ้ารายละเอียดที่ผมบอก (อ้อผมขอบูโรมาดูด้วยเลยส่งให้เจ้าของช่วยดูให้เค้าบอกว่าน่าจะไม่มีปัญหาเพราะปิดยอดมานานแล้ว) เค้าถามว่ามีจดหมายปิดบัญชีมั้ย ก็ OK มี เค้าบอกว่าต้องดูความรุนแรงของบัญชีที่ปิดประกอบ เลยถามว่า ดูยังไง เค้าบอก เช่น ถ้ายอดปิดทางธนาคารมีการประนอมหนี้แล้วมีส่วนลดให้ แล้วส่วนลดนั้นเกิน 5X,XXX บาท อันนี้แม้จะปิดมาเกือบสองปี ไม่รับพิจารณา ในเคสผมยังพอมีทาง เพราะยอดปิดแค่ 30,000 บาท (อันนี้คร่าวๆนะครับ)
      อันดับที่ 2 ตอนแรกผมคิดว่าการกู้ร่วมจะช่วยบรรเทาปัญหาบูโรผมได้ แต่จริงๆไม่เกี่ยว การกู้ร่วม คือ เรามีรายได้ไม่พอ เท่านั้น เค้าแนะนำให้กู้คนเดียวก่อนได้เลย เงินเดือนผม 47,000 บาท เพียงพอกับการกู้ 1.9 ล้านบาท (จริงๆมีเงินเดือนประมาณ 30,000 บาท ถ้าไม่มีภาระหนี้สินอื่นเลยก็เพียงพอกับการยื่นขอสินเชื่อ 1.9 ล้านบาท แต่ในเคสผมมีภาระผ่อนรถเดือนละ 7,100 บาท บัตรเครดิตใช้เกือบเต็มวงเงิน ชำระแต่ขั้นต่ำ มีคำแนะนำให้ลดยอดการใช้บัตรเครดิตลง ตามความเข้าใจตัวเองตอนแรกคิดว่าจะลดจาก 139,000 บาท ให้เหลือซักครึ่งนึง แต่ไม่ใช่แบบที่คิด ถ้าเราทำแบบนั้นธนาคารจะไม่พิจารณาลดยอดหนี้ให้ ภาระหนี้เรายังคงเป็น 139,000 บาทเหมือนเดิม ไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด แล้วทีนี้ทำไงดี เค้าแนะนำว่าต้องจ่ายเต็มจำนวนในใบแจ้งหนี้ โอเค ตัดสินใจทำตามคำแนะนำโดยสำเนาใบแจ้งหนี้แนบกับใบเสร็จการชำระเงินเพื่อยื่นให้กับธนาคาร
      ขั้นตอนต่อไปลองสอบถามเบื้องต้นกับธนาคารโดยเอาประเด็นปัญหาเรื่องบูโรที่เคยติดในเคสของเราให้ธนาคารฟัง ปรากฎว่า
1.ธนาคารสีฟ้า ไม่รับพิจารณา
2.ธนาคารสีชมพู  ไม่รับพิจารณา
3.ธนาคาร ท ทหาร ไม่รับพิจารณา
4.ธนาคาร CI ไม่รับพิจารณา
5.ธนาคาร ม่วง รับพิจารณา แต่เกรดอาจไม่ดี ถ้าเกรดไม่ดีอาจอนุมัติแค่ 60% ตายเลยแล้วถ้าเป็นแบบนั้นจะต้องหาเงินอีกตั้งหลายแสน ซึ่งไม่มีปัญญาแน่ๆ ณ ตอนนี้ แต่ก็ยังดีที่ยอมให้โอกาส เป็นธนาคารนึงที่พยายามหาทางออกให้ลูกค้า ไม่ตัดบทโดยไม่ดูปัจจัยอื่นประกอบ
6.ธนาคารเขียว รับพิจารณา ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะยื่นธนาคารนี้เลย แต่ก็ตัดสินใจหอบปัญหาบูโรเดินเข้าไปสอบถามและปรึกษา ปากฏว่าโชคดีมากเจอน้องพนักงานที่ทำให้เรารู้สึกว่าเคสเราพอมีทางแก้ไข  ตามข้อมูลของเราเบื้องต้นน้องบอกว่าน่าจะกู้ได้ 90% + เป็นค่าตกแต่งอีก 10% น้องกระตือรือร้นที่จะให้คำแนะนำอย่างดีแม้เป็นเวลาใกล้เลิกงานของน้องแล้ว อยากบอกว่ารู้สึกดีขึ้นมากมาย
         สรุปธนาคารที่กรุณารับผมพิจารณามี แค่ธนาคารม่วง และ เขียว เตรียมเอกสาร ไปยื่นที่ธนาคาร ทั้งสองแห่งแจ้งว่าต้องเช็คบูโรโดยละเอียดในขั้นตอนแรก ลุ้นครั้งที่ 1 รอประมาณ 2 วัน ธนาคารม่วง โทรมาบอกว่าบูโรผ่าน รอเจ้าหน้าที่ประเมินโทรมานัดประเมิน ดีใจมาก ตามมาด้วยธนาคารเขียวโทรมาแจ้ง"บูโรผ่านนะครับพี่" เหมือนเสียงสวรรค์เพราะคาดหวังกับธนาคารนี้มากเพราะธนาคารม่วง ถ้าผ่านกลัวได้ยอดสินเชื่อน้อยไปไม่ถึงฝั่งฝันอยู่ดี เลยขอ Hold เรื่องประเมินที่ธนาคารม่วงก่อนเดินหน้ากับธนาคารเขียว คร่าวๆขั้นตอนเป็นดังนี้
1. เช็คบูโรใช้เวลาประมาณ 3 วัน ผลคือ ผ่าน
2. Pre approve ส่งเรื่องวันศุกร์ วันอังคารทราบผล คือ ผ่าน ยอดอนุมัติเบื้องต้น 90%+10% บอกตรงๆดีใจน้ำตาจะไหล
3. รอเจ้าหน้าที่ประเมินโทรมานัด 3 วัน น้องที่สาขาโทรมาถามมีเจ้าหน้าที่โทรมานัดประเมินหรือยัง บอกว่ายัง น้องตามเรื่องให้ ตกเย็นโทรมานัดรุ่งอีกวันประเมินบ่าย 2 (วันศุกร์) รอราคาประเมินถึงวันพุธทราบราคาประเมินดีใจได้ตามราคาขายคือ 1.9 ล้านบาท ลุ้นอีกครั้งธนาคารจะอนุมัติจริงเท่าไหร่ ไม่วายกังวงอีกว่า ผ่าน pre approve แล้วอนุมัติจริงจะมีโอกาสไม่ผ่านมั้ย ลุ้น ลุ้น ลุ้น
4. รอผลอนุมัติจริง ส่งเรื่องวันพุธบ่าย วันพฤหัสเกือบๆ 6 โมงเย็นมี massage มาแจ้ง ว่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยของท่านอนุมัติแล้ว สอบถามรายละเอียดกับธนาคาร ไวมากมาย ความกังวลทุกอย่างหายไป เหลือแต่คิดว่าที่นี้จะต้องหาเงินมาผ่อนใฟ้ธนาคาร 555 ผลปรากฏอนุมัติ 90% + 10% ตามผล Preapprove
      การยื่นขอสินเชื่อครั้งนี้ยังไงต้องขอขอบคุณ
1. เจ้าของผู้ขายให้,,, คอนโดที่จะซื้อมีคนสนใจหลายคน แต่เจ้าของซึ่งทราบข้อมูลเครดิตที่มีปัญหาของเราทุกอย่าง แต่ยินดีที่จะรอ และยินดีที่ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์เท่าที่จะแนะนำได้ (ไม่มีเชิงลึกนะครับกลัวเข้าใจกันผิดมีจรรยาบรรณที่เคร่งครัดมาก) ขอบคุณอีกครั้ง
2. ธนาคารม่วงและธนาคารเขียว ที่ยินดีให้โอกาสในการรับพิจารณา ไม่ปฏิเสธในทันที ธนาคารม่วงเจ้าหน้าที่บริการดี และพยายามหาทางออกให้ลูกค้า ธนาคารเขียวพนักงานดีมาก ให้คำปรึกษา แนะนำทางออก ติดตามเรื่อง แต่ละขั้นตอนเป็นมืออาชีพ รวดเร็วสุดๆ
      ทุกอย่างมีทางออก ลองวิ่งชนสู้กับมัน ทุกปัญหามีทางออกเสมอ ถ้ามีผู้ยอมให้โอกาส แต่ยังไงอยู่ที่ตัวเราต้องพยายามก่อน  ใครที่มีปัญหาคล้ายๆผมยินดีให้คำปรึกษาเท่าที่ช่วยได้ครับ ยินดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่