พอดีมีโอกาสได้รับประสบการณ์ที่ *** ไม่รู้ลืม *** จาก ธ. สีม่วง เรื่องบัตรเครดิตครับ
เลยอยากจะแชร์ให้สมาชิก Pantip ได้รับทราบ และคนที่กำลังใช้แบบผมอยู่ครับ
จุดเริ่มต้นคือ ผมมีบัตรเครดิตกับธนาคารนี้อยู่ 2 ใบ และตอนนี้คือ ไม่เหลือสักใบ !!! ยังไง ไปดู
*** กระทู้แรกใน Pantip อาจจะยาวหน่อย แต่อยากแชร์ให้อีกหลายคนรับทราบไว้ครับ ***
เกริ่นก่อนนะครับ . . .
บัตรใบแรก ผมได้มาจากการใช้ฐานเงินเดือนยื่นสมัคร ในระยะเวลาที่ถือบัตรนี้อยู่นั้น
วงเงินที่อนุมัติให้มานั้นไม่ค่อยจะสะดวกกับการใช้บัตร และ สิทธิประโยชน์จากการใช้บัตรไม่ค่อยน่าพอใจ
ต่อมา ผมเล็งเห็นว่ามีบัตรที่ดีกว่าและน่าจะตอบโจทย์มากกว่า (20 บาทได้ 2 แต้ม) แต่เนื่องจากเงินเดือนไม่ถึงเกณฑ์ที่จะสมัคร
เลยจำเป็นจะต้องเปิดอีกใบ แล้วใช้สิทธิแบบ เงินฝากค้ำ ซึ่งมีวงเงินที่สูงกว่าบัตรใบแรก
ใช้มาอยู่หลายเดือนก็ไม่มีปัญหาอะไร รู้สึกดีมากกับความสะดวกสบาย และสิทธิประโยชน์ตามบัตรที่ได้รับ
ต่อมา ได้รับจดหมายว่า บัตรที่ผมเอาเงินฝากไปค้ำนั้น ถูกปรับลด สิทธิประโยชน์ลง ซึ่งแทบไม่ต่างกับบัตรใบแรกกับของผมเลย
ก็คือ ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องเอาเงินฝากไปค้ำบัตรนี้อีกต่อไป จึงตัดสินใจ ทำการปิดบัตร และเอาเงินออก
. . . เรื่องมันมีอยู่ว่า . . .
เมื่อไปทำการยกเลิกบัตรค้ำนี้ ก็ทำการยกเลิกตามปกติ โดยทำเรื่องที่สาขา สาขาได้ให้ติดต่อ คุยกับ Call Center
แล้วทำการยกเลิกบัตร Call Center เมื่อรับสาย คนแรก เป็นผู้ชาย รับสาย ผมก็แจ้งความประสงค์จะยกเลิกไป
บอกรายละเอียดอะไรไปครบ ย้ายคะแนนมาอีกบัตรด้วยนะครับ ฯลฯ
เค้าก็ทำเรื่องอะไรอยู่สักพัก แล้ว เค้าก็แจ้งยอดที่จะต้องปิดบัตรกลับมา พร้อมทั้งแจ้งเพิ่มเติมว่า วงเงินจะกลับไปยังวงเงินอนุมัติบัตรใบแรก (ที่ใช้เงินเดือน)
ครั้งแรกนะครับ ผมก็รับทราบ ไม่ได้ขัดข้องอะไร แล้วผมก็จดยอด เรียบร้อย . . . แล้วก็วางหู
พนักงานที่สาขา ถามผมกลับมาว่า เรียบร้อยยังคะ ? เจาะบัตรได้เลยไหม ? ผมก็ตอบไปว่า โทษทีครับ ผมลืม ! ลองโทรไปอีกทีนะครับ
ครั้งที่ 2 พนักงาน Call Center รับสาย ผมก็คุยเหมือนคนแรก ปิดบัตร ย้ายคะแนน ฯลฯ
"จนกระทั่ง" . . . พนักงานตอบกลับมาว่า ขออภัยค่ะ ไม่สามารถย้ายคะแนนได้ เนื่องจาก บัตรของคุณเป็นแบบฝากค้ำทั้งคู่
ทีนี้ล่ะครับ งานงอก ผมก็แจ้งกลับไปว่า ไม่ใช่แน่นอน บัตรที่จะให้ย้ายไป เป็นบัตรที่ใช้เงินเดือน !!! มะกี้ยังทำเรื่องได้อยู่เลย
พนักงาน Call Center ยืนยัน หนักแน่น พร้อมทั้งบอกว่า ในระบบ แสดงชัดเจน ว่าเป็นแบบ เงินฝากค้ำทั้งคู่
เถียงกันสักพักนึง ผมก็เริ่มโมโห เพราะผมก็มั่นใจในข้อมูลของผม (ส่วนนึงของการโมโหเพราะพนักงานก็เสียงเบามาก ไม่ได้ยิน)
*** แต่ไม่ได้มีการด่ากัน *** (ก็ขออภัย Call Center ไว้ด้วยนะครับ แต่ช่วยพูดดัง ๆ หน่อยจะดีมาก)
และหลังจากจบการโต้เถียงเบา ๆ สักพัก ได้ข้อสรุปคือ ถ้าจะเอาเงินฝากค้ำออก จะต้องปิดบัตรทั้งหมดค่ะ . . . . . .
โอเค ไม่ขัดข้อง ผมทำการยกเลิกบัตรที่มี เพื่อที่จะได้ปลดล็อคเอาเงินออกมาได้ (ก็ถ้าไม่ยกเลิกหมด ก็เอาออกไม่ได้)
จากนั้น ผมก็มานั่งทบทวน ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมสัญญาการถือบัตร ถึงเปลี่ยนไปได้ เปลี่ยนได้ยังไง ? ใครเป็นคนเปลี่ยน ?
ซึ่งผมถือว่าเป็นประเด็นที่สำคัญมาก เพราะมันคือความเชื่อใจของเรากับธนาคาร ผมจึงร้องเรียนไปในหน้า Facebook และได้รับการตอบกลับมา
พนักงานแจ้งว่า เนื่องจาก วงเงินทั้งสองบัตร ถูกนำไปรวมกันแล้ว ซึ่งผมสรุปใจความได้ว่า "ถูกกลืน เป็นสัญญาเดียวกันหมด"
เพราะ ทางธนาคาร มีการปรับวงเงิน บัตรใบแรก (เงินเดือน) ให้เท่ากับ บัตรฝากค้ำ . . . . .
ผมก็ถามกลับไปว่า แล้วในเคสผมเนี่ย เค้าทำกับทุกคนเลยเหรอ ? ผมได้รับแค่โทรศัพท์ โทรมาแจ้งว่า จะปรับวงเงินเพิ่มให้แค่นั้น
แต่ไม่เคยรู้เรื่องเลยว่าผมจะต้องเปลี่ยนสัญญาด้วย ไม่เคยได้เซ็นอะไรเลย สัญญาเปลี่ยน ? สักแผ่น . . .
พนักงานก็เริ่มสงสัย และขอกลับไปตรวจสอบ จากนั้น ผมก็ถามย้อนกลับไปว่า
Call Center ที่เป็นผู้ชาย เค้ารู้ได้ยังไง ว่าวงเงินผมจะกลับไปที่เก่า และทำไมเค้าพูดเหมือนว่า มันยังใช้ได้ ย้ายคะแนนได้
สัญญาก็ยังเป็นแบบเงินเดือนอยู่ ? . . . เค้าบอกผมกลับมาว่า เรื่องนี้ไม่ทราบเหมือนกัน และกำลังตรวจสอบอยู่ . . .
ก่อนจะวางสาย ผมก็ได้ฝากคำถามที่คาใจมากที่สุด ว่าถ้าคุณเปลี่ยนสัญญาไป ๆ มา ๆ ตามใจชอบแบบนี้
ผมจะมั่นใจผลิตภัณฑ์อื่นของธนาคารคุณอีกได้ยังไง แล้วเค้าก็ขอเวลาตรวจสอบ แล้วจะติดต่อกลับ . . .
ซึ่ง ก็มานั่งทบทวนกับตัวเอง ว่าที่ผมมีใช้อยู่ และจากกรณีที่เกิดขึ้นนี้ จะทำยังไง
- บัตรเครดิต (ซึ่งปลิวไปแล้ว)
- เงินฝาก 2 บัญชี (Online Banking ก็ใช้)
- ฝากประจำ 1 บัญชี
- ระยะยาว 1 บัญชี
- กองทุน 1 บัญชี
- เทรดหุ้น 1 บัญชี
- ประกัน 2 กรมธรรม์
ถ้ามันเกิดไม่เป็นไปตามสัญญาแต่แรก ควรจะทำยังไงดี . . . ? ผมควรจะทำยังไงดี . . . ?
อยู่ ๆ คุณทำอะไรไม่รู้ แจ้งเพียงว่าจะทำ แค่ถึงแค่ A นะ
แต่พอเอาเข้าจริง ๆ คุณทำ A-Z แถมหมกเม็ดอะไรก็ไม่รู้ไว้อีก ผมจะมั่นใจได้อย่างไร ????
สุดท้ายนี้ ก็อยากจะฝาก ถึงคนที่กรณีคล้าย ๆ ผม ให้รีบไปตรวจสอบ สัญญาของคุณโดยด่วน ว่าเปลี่ยนแปลงมั้ย
จะได้เตรียมพร้อมรับมือกับ "ความไม่แน่นอน" นี้ ไว้ก่อนครับ
. . .
ปล. คำตอบที่ได้ตอนนี้คือ ผมก็คงจะต้องหาธนาคารใหม่ที่ผมสามารถไว้วางใจได้มากกว่านี้ ซึ่งตอนนี้ผมก็พอจะมีตัวเลือกไว้อยู่แล้ว
ขอบคุณครับ
แชร์ประสบการณ์ "บัตรเครดิตแบบค้ำ" กับ สัญญาที่เปลี่ยนได้เองเฉย !!!
เลยอยากจะแชร์ให้สมาชิก Pantip ได้รับทราบ และคนที่กำลังใช้แบบผมอยู่ครับ
จุดเริ่มต้นคือ ผมมีบัตรเครดิตกับธนาคารนี้อยู่ 2 ใบ และตอนนี้คือ ไม่เหลือสักใบ !!! ยังไง ไปดู
*** กระทู้แรกใน Pantip อาจจะยาวหน่อย แต่อยากแชร์ให้อีกหลายคนรับทราบไว้ครับ ***
เกริ่นก่อนนะครับ . . .
บัตรใบแรก ผมได้มาจากการใช้ฐานเงินเดือนยื่นสมัคร ในระยะเวลาที่ถือบัตรนี้อยู่นั้น
วงเงินที่อนุมัติให้มานั้นไม่ค่อยจะสะดวกกับการใช้บัตร และ สิทธิประโยชน์จากการใช้บัตรไม่ค่อยน่าพอใจ
ต่อมา ผมเล็งเห็นว่ามีบัตรที่ดีกว่าและน่าจะตอบโจทย์มากกว่า (20 บาทได้ 2 แต้ม) แต่เนื่องจากเงินเดือนไม่ถึงเกณฑ์ที่จะสมัคร
เลยจำเป็นจะต้องเปิดอีกใบ แล้วใช้สิทธิแบบ เงินฝากค้ำ ซึ่งมีวงเงินที่สูงกว่าบัตรใบแรก
ใช้มาอยู่หลายเดือนก็ไม่มีปัญหาอะไร รู้สึกดีมากกับความสะดวกสบาย และสิทธิประโยชน์ตามบัตรที่ได้รับ
ต่อมา ได้รับจดหมายว่า บัตรที่ผมเอาเงินฝากไปค้ำนั้น ถูกปรับลด สิทธิประโยชน์ลง ซึ่งแทบไม่ต่างกับบัตรใบแรกกับของผมเลย
ก็คือ ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องเอาเงินฝากไปค้ำบัตรนี้อีกต่อไป จึงตัดสินใจ ทำการปิดบัตร และเอาเงินออก
. . . เรื่องมันมีอยู่ว่า . . .
เมื่อไปทำการยกเลิกบัตรค้ำนี้ ก็ทำการยกเลิกตามปกติ โดยทำเรื่องที่สาขา สาขาได้ให้ติดต่อ คุยกับ Call Center
แล้วทำการยกเลิกบัตร Call Center เมื่อรับสาย คนแรก เป็นผู้ชาย รับสาย ผมก็แจ้งความประสงค์จะยกเลิกไป
บอกรายละเอียดอะไรไปครบ ย้ายคะแนนมาอีกบัตรด้วยนะครับ ฯลฯ
เค้าก็ทำเรื่องอะไรอยู่สักพัก แล้ว เค้าก็แจ้งยอดที่จะต้องปิดบัตรกลับมา พร้อมทั้งแจ้งเพิ่มเติมว่า วงเงินจะกลับไปยังวงเงินอนุมัติบัตรใบแรก (ที่ใช้เงินเดือน)
ครั้งแรกนะครับ ผมก็รับทราบ ไม่ได้ขัดข้องอะไร แล้วผมก็จดยอด เรียบร้อย . . . แล้วก็วางหู
พนักงานที่สาขา ถามผมกลับมาว่า เรียบร้อยยังคะ ? เจาะบัตรได้เลยไหม ? ผมก็ตอบไปว่า โทษทีครับ ผมลืม ! ลองโทรไปอีกทีนะครับ
ครั้งที่ 2 พนักงาน Call Center รับสาย ผมก็คุยเหมือนคนแรก ปิดบัตร ย้ายคะแนน ฯลฯ
"จนกระทั่ง" . . . พนักงานตอบกลับมาว่า ขออภัยค่ะ ไม่สามารถย้ายคะแนนได้ เนื่องจาก บัตรของคุณเป็นแบบฝากค้ำทั้งคู่
ทีนี้ล่ะครับ งานงอก ผมก็แจ้งกลับไปว่า ไม่ใช่แน่นอน บัตรที่จะให้ย้ายไป เป็นบัตรที่ใช้เงินเดือน !!! มะกี้ยังทำเรื่องได้อยู่เลย
พนักงาน Call Center ยืนยัน หนักแน่น พร้อมทั้งบอกว่า ในระบบ แสดงชัดเจน ว่าเป็นแบบ เงินฝากค้ำทั้งคู่
เถียงกันสักพักนึง ผมก็เริ่มโมโห เพราะผมก็มั่นใจในข้อมูลของผม (ส่วนนึงของการโมโหเพราะพนักงานก็เสียงเบามาก ไม่ได้ยิน)
*** แต่ไม่ได้มีการด่ากัน *** (ก็ขออภัย Call Center ไว้ด้วยนะครับ แต่ช่วยพูดดัง ๆ หน่อยจะดีมาก)
และหลังจากจบการโต้เถียงเบา ๆ สักพัก ได้ข้อสรุปคือ ถ้าจะเอาเงินฝากค้ำออก จะต้องปิดบัตรทั้งหมดค่ะ . . . . . .
โอเค ไม่ขัดข้อง ผมทำการยกเลิกบัตรที่มี เพื่อที่จะได้ปลดล็อคเอาเงินออกมาได้ (ก็ถ้าไม่ยกเลิกหมด ก็เอาออกไม่ได้)
จากนั้น ผมก็มานั่งทบทวน ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมสัญญาการถือบัตร ถึงเปลี่ยนไปได้ เปลี่ยนได้ยังไง ? ใครเป็นคนเปลี่ยน ?
ซึ่งผมถือว่าเป็นประเด็นที่สำคัญมาก เพราะมันคือความเชื่อใจของเรากับธนาคาร ผมจึงร้องเรียนไปในหน้า Facebook และได้รับการตอบกลับมา
พนักงานแจ้งว่า เนื่องจาก วงเงินทั้งสองบัตร ถูกนำไปรวมกันแล้ว ซึ่งผมสรุปใจความได้ว่า "ถูกกลืน เป็นสัญญาเดียวกันหมด"
เพราะ ทางธนาคาร มีการปรับวงเงิน บัตรใบแรก (เงินเดือน) ให้เท่ากับ บัตรฝากค้ำ . . . . .
ผมก็ถามกลับไปว่า แล้วในเคสผมเนี่ย เค้าทำกับทุกคนเลยเหรอ ? ผมได้รับแค่โทรศัพท์ โทรมาแจ้งว่า จะปรับวงเงินเพิ่มให้แค่นั้น
แต่ไม่เคยรู้เรื่องเลยว่าผมจะต้องเปลี่ยนสัญญาด้วย ไม่เคยได้เซ็นอะไรเลย สัญญาเปลี่ยน ? สักแผ่น . . .
พนักงานก็เริ่มสงสัย และขอกลับไปตรวจสอบ จากนั้น ผมก็ถามย้อนกลับไปว่า
Call Center ที่เป็นผู้ชาย เค้ารู้ได้ยังไง ว่าวงเงินผมจะกลับไปที่เก่า และทำไมเค้าพูดเหมือนว่า มันยังใช้ได้ ย้ายคะแนนได้
สัญญาก็ยังเป็นแบบเงินเดือนอยู่ ? . . . เค้าบอกผมกลับมาว่า เรื่องนี้ไม่ทราบเหมือนกัน และกำลังตรวจสอบอยู่ . . .
ก่อนจะวางสาย ผมก็ได้ฝากคำถามที่คาใจมากที่สุด ว่าถ้าคุณเปลี่ยนสัญญาไป ๆ มา ๆ ตามใจชอบแบบนี้
ผมจะมั่นใจผลิตภัณฑ์อื่นของธนาคารคุณอีกได้ยังไง แล้วเค้าก็ขอเวลาตรวจสอบ แล้วจะติดต่อกลับ . . .
ซึ่ง ก็มานั่งทบทวนกับตัวเอง ว่าที่ผมมีใช้อยู่ และจากกรณีที่เกิดขึ้นนี้ จะทำยังไง
- บัตรเครดิต (ซึ่งปลิวไปแล้ว)
- เงินฝาก 2 บัญชี (Online Banking ก็ใช้)
- ฝากประจำ 1 บัญชี
- ระยะยาว 1 บัญชี
- กองทุน 1 บัญชี
- เทรดหุ้น 1 บัญชี
- ประกัน 2 กรมธรรม์
ถ้ามันเกิดไม่เป็นไปตามสัญญาแต่แรก ควรจะทำยังไงดี . . . ? ผมควรจะทำยังไงดี . . . ?
อยู่ ๆ คุณทำอะไรไม่รู้ แจ้งเพียงว่าจะทำ แค่ถึงแค่ A นะ
แต่พอเอาเข้าจริง ๆ คุณทำ A-Z แถมหมกเม็ดอะไรก็ไม่รู้ไว้อีก ผมจะมั่นใจได้อย่างไร ????
สุดท้ายนี้ ก็อยากจะฝาก ถึงคนที่กรณีคล้าย ๆ ผม ให้รีบไปตรวจสอบ สัญญาของคุณโดยด่วน ว่าเปลี่ยนแปลงมั้ย
จะได้เตรียมพร้อมรับมือกับ "ความไม่แน่นอน" นี้ ไว้ก่อนครับ
. . .
ปล. คำตอบที่ได้ตอนนี้คือ ผมก็คงจะต้องหาธนาคารใหม่ที่ผมสามารถไว้วางใจได้มากกว่านี้ ซึ่งตอนนี้ผมก็พอจะมีตัวเลือกไว้อยู่แล้ว
ขอบคุณครับ