[CR] เที่ยวมั่วๆ ตะลุยเจแปน 7 วัน 6 คืน

เพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นสดๆร้อนๆเลยค่ะ อยากทำรีวิวมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ทำไม่สำเร็จสักที ครั้งนี้พอดีว่ามีคนที่รู้จักหลายคนบอกว่าให้ช่วยรีวิวหน่อย เป็นคนใจง่ายค่ะ 555 พอเสนอก็เลยสนองให้  แต่ว่าไม่เคยเขียนรีวิวมาก่อนเลยในชีวิต ก็หวังว่าอาจจะพอมีประโยชน์บ้างนะคะ ข้อมูลอาจจะไม่ค่อยแน่นนะคะ ขอเล่าแชร์ประสบการณ์ละกันเนอะ




ทริปนี้เริ่มต้นจากการจองตั๋วก่อนโดยที่ไม่มีอะไรในหัวเลยค่ะ ไปญี่ปุ่นยังไง เที่ยวที่ไหน  
แบบว่าด่วนตัดสินใจปุ๊ปจองปั๊ปเลย พอดีไปส่องตั๋วแอร์เอเชียเอ็ก บินตรงสู่ญี่ปุ่น ราคาคร่าวๆตอนนั้นเกือบหมื่น  
ก็ไปหาแนวร่วม มีเพื่อนสาวสนใจไปด้วยกันอีก3คน ก็เลยทำการจองตั๋ว กรุงเพทฯ-นาริตะ ตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องไปลงไหน
(นี่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะคะ 555 อย่าทำตาม) รวมค่าโหลดกระเป๋า บลาๆ ตกคนละ 11573 บาทถ้วน
สบายใจล่ะ จองข้ามปีนะคะทริปนี้ ขอเวลาเตรียมตัวหน่อย (เอิ่มมม..นานไปนะ)

ได้กำหนดวันเดินทางคือ 10 พ.ย. 58  -17 พ.ย. 58

ขั้นแรกก็จัดการหาความรู้โดยการอ่านรีวิวต่างๆ และก็ไปซื้อหนังสือกับเพื่อนสาวคนละเล่มมาช่วยๆกันอ่าน




จากนั้นก็มาคุยกันคร่าวๆว่าอยากไปไหนบ้าง
อยากไปโตเกียว อยากเห็นฟูจิซัง อยากไปโอซาก้า โตเกียวอีกด้วยยยยย  
เอิ่มมมมม!!! คุณคะ อยากไปเยอะไปมั้ย อยากไปคันไซ แต่จองตั๋วไปกลับที่นาริตะ!!

*** (ข้อผิดพลาดตัวเบ้อเริ่มเทิ่มของการจองตั๋วแบบไม่มีแพลนก่อนนี่แหละ คือ ควรจะลงนาริตะแล้วกลับโอซาก้า หรือลงโอซาก้ากลับนาริตะนะจ๊ะ โดนไปหนึ่งดอก ตึ่งโป๊ะ!! ) แจ่มว้าวมากเลยค่ะสาวๆ ถามว่าแคร์มั้ย พี่ตอบเลยว่ามาก 555 พี่ลองแก้โจทย์ข้อนี้ให้นะ สาวๆ ลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่เนอะ555


ขั้นต่อไปก็มานั่งเทียนเขียนทริปก่อนเลยดีกว่าปัญหาอื่นค่อยว่ากัน
10/11/58 : ออกเดินทาง 23.45น.  เวลาท้องถิ่นของไทย
11/11/58 : ถึง นาริตะ 08.00 น. เวลาท้องถิ่นของญี่ปุ่น
               : check in ที่ รร
               : พระราชวัง อิมพีเรียล , เดินเล่นแถวย่าน shinjugu , Tokyo tower , dioba
12/11/58 : เดินทางไป kawaguchiko ไปหาฟูจิซัง
13/11/ 58 : เดินทางไป Osaka ,เดินเล่นย่าน นัมบะ
14/11/58 : เที่ยวใน Osaka : Osaka castle , tennoji temple , หอคอย tsutenkaku , เดินเล่นย่าน shinsaibashi
15/11/58 : เที่ยว kyoto : ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ , kiyomizu temple วัดน้ำใส , วัดเงิน Ginkakugi , ถ้าเวลาเหลือไปกิออน
16/11/58 : เที่ยว Kyoto : arashiyama ,วัดทอง kinkakugi , ปราสาทนิโจ
17/11/58 : กลับTokyo  เดินทางกลับไทย

เขียนแพลนไปเสนอสาวๆ ก็ไม่แน่ใจว่าจะทำได้ตามที่วางไว้มั้ย ไปลุ้นกันนะคะ ทริปอินดี้ค่ะ พูดเลย
เจออะไรที่ชาวบ้านเค้าไม่เจอกัน ตลอดๆ


พอได้แพลนเที่ยวก็เลยมาจัดการจองที่พักกันต่อ
สรุปจะต้องจองทั้งหมด 3 ที่ Tokyo 1 คืน  kawaguchiko 1 คืน และ Osaka 4 คืน
ก็จัดการตามสูตรเดิมๆนะคะ เราและเพื่อนสาวได้ทำการส่อง agoda และ booking  
อันนี้ แล้วแต่ความต้องการของแต่ละคนนะคะ เรากะเพื่อนสาวขอราคาย่อมเยาว์ค่ะ (ประหยัดงบ หุหุ)


ได้ที่พักก็มาวางแผนเดินทางต่อ ว่าจะไปอะไรยังไงแบบไหน เราก็คิดอยู่หลายตะหลบว่าจะใช้รถไฟของเจ้าไหนดี  
จากแผนที่ที่พอดูรู้เรื่องก็ subway นี่แหละ ส่องๆดูพักก็ใกล้มากกว่า
***(หลังจบทริปมาก็แอบมานั่งคิดเบาๆว่าถ้าเกิดซื้อ JR จะถูกกว่ามั้ยนะ เพราะ เราเสียค่า ตั๋ว shinkansen ไป2 รอบค่ะ แต่ไม่คิดดีกว่า เพราะได้เลือกไปแล้ว 555 กลัวจะช้ำ )


หลังจากได้ลองเขียนแผนการเดินทาง แล้ว  ก็คิดว่า ควรจะต้องจอง pocket wifi  เผื่อหลงงงงงง
ไม่สิ!! จากประสบการณ์ที่ผ่านๆมา เราหลงทางเป็นประจำทุกทริปเลย จึงเล็งเห็นแล้วว่า มีwifi น่าจะมีชัยไปกว่าครึ่ง 555

เพื่อนสาวเลยจัดการเช่า wifi ไปด้วย 2 เครื่อง  7 วัน คิดราคาเป็นรายวันนะคะ
สรุปค่าเสียหาย 700 บาท/คน ค่ะ ถือว่าคุ้มนะคะ เพราะเน็ตแรงดีไม่มีตกจริงๆ ผ่านค่ะ!!





ไหนๆก็จะไปกันแล้ว พี่ที่รู้จักแนะนำว่าควรจะทำประกันภัยการเดินทางไปด้วย
เราและเพื่อนสาวก็ได้ทำการส่อง ประกันซึ่งมีเยอะแยะมากมายกายกอง
ในที่สุด ก็ได้มาหนึ่งบริษัท เรียกว่าสุ่มกันเลยที่เดียว  ค่าเสียหาย คนละ 800 บาท  


การเดินทางครั้งนี้เรา พาลูกชายไปด้วยค่ะ canon 100D+ เลนส์kit18-55
พก iPad Air , i phone4s ออกตัวก่อนว่ารูปไม่สวยนะคะยังถ่ายได้แบบงูๆปลาๆอยู่เลยค่ะ
แต่ก็ตั้งใจนะ แหะๆ
*** ขอขอบคุณเพื่อนสาวที่ช่วยสอนเราวัดแสงได้เรื่องขึ้นมาหน่อยก่อนวันใกล้ๆจะกลับแล้ว


พร้อมแล้วก็ออกเดินทางได้เลย

วันแรกเราเดินทางตอนกลางคืนค่ะ บินไปกับ air asia x เที่ยวบิน XJ 600 ขึ้นเครื่องที่ดอนเมืองค่ะ 23.45น.
ถึงสนามบินนาริตะ 08.00น. ใช้เวลาเดินทางเกือบ 6 hr. เวลาที่ญี่ปุ่นเร็วกว่าไทย 2hr.
ตอนไปรอโหลดกระเป๋า คนเยอะมากเลย ใช้เวลารอโหลดกระเป๋าเป็นชั่วโมงเลยค่ะ
ความจริง สาวๆกลัวตกเครื่องกัน  มาถึงสนามบินตั้งแต่เคาท์เตอร์ยังไม่เปิด เลยต้องไปหาข้าวกินรอ กลับมาอีกทีคิวยาวแล้วววววว


พร้อมบินนนนนนนน



ใกล้สว่างแล้วววว สีฟ้าสวยมากเลย อิอิ แอบถ่ายหนุ่มญี่ปุ่น




ระหว่างอยู่บนเครื่องก็จะมีให้กรอกเอกสารไปยื่นที่ตม. ขออนุญาตข้ามจุดนี้นะคะ
ได้เวลาเครื่องก็landingแล้วววว welcome to japan^O^




ภาพแรกที่เห็นหลังจากลงเครื่อง แอร์เอเชียลงที่terminal 2 นะคะ
จากนั้น ก็เดินตรงมาเรื่อยๆ ตามป้ายเลยนะคะ แล้วเราก็จะไปเจอ ด่านนี้เลยๆๆๆๆ  ตม. !!!!
ลุ้นมากว่าจะโดนถามอะไรมั้ย
และแล้วววว ก็... ผ่านฉลุยเลย เราเจอตม.ผู้หญิงไม่ถามอะไรเลยค่ะ^^



ผ่านตม. มาได้ก็ ลงบันไดเลื่อนไปรอรับกระเป๋าเดินทางที่สายพานด้านล่างโล้ดดดดด
ระหว่างรอสมาชิกผ่านตม. ก็จัดการลองต่อwifi ใช้ได้เร็วปู้ดป้าดมากกกกก อิอิ

ผ่านฉลุยทั้งสี่สาวนะคะ (ก่อนเดินทางเราเตรียมเอกสารแยกให้ทุกคนถือค่ะ ตั๋วเครื่อง ที่พักแต่ละที่ และแผนเที่ยวคร่าวๆ เผื่อ ตม.ถาม สรุปไม่ได้ใช้เลย)


ขั้นตอนต่อไปเราจะเดินทางสู่โตเกียว จากแพลนที่วางไว้คือ จะไปด้วย  Keisei skyliner
เดินออกมาจากสายพานให้มองหา ป้ายเทอมินอล2 ลงบันไดเลื่อนหนึ่งชั้นก็จะเจอ counterเลย
(เราไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ)
ตั๋วจะมีหลายแบบให้เลือก
เข้าดูในเว็บได้เลยคะ
http://www.keisei.co.jp/keisei/tetudou/skyliner/us/

ความจริงแล้วมีรถไฟหลายสายหลายราคาให้เลือก ความเร็วช้าก็ต่างกันออกไป ขออนุญาตข้ามนะคะ สามารหาข้อมูลในเน็ตได้
- JR Narita Express (NEX)
-JR Sobu line
- Keisei limited express

เรา เลือก skyliner round trip ticket + tokyo subway 2 day ticket ค่ะ ราคา 5100 yen
สำหรับเดินทางไปกลับ สนามบิน และ subway Tokyo 2 วันค่ะ



เป็นตั๋วที่ขายให้นักท่องเที่ยวค่ะ ใช้ passport ซื้อด้วย
ได้ตั๋วมาแล้วจะเป็นแบบนี้นะคะ



ตั๋วที่ได้จะมีทั้งหมด3ใบ คนขายตั๋วจะแจ้ง รอบรถไฟให้ ไปรอขึ้นที่ไหน ยังไง ไม่ต้องกังวล 2ใบแรก สามารถใช้งานได้เลย (ตั๋วขาไป+subway)
ตั๋วขากลับ จะต้องไปติดต่อที่ officeในสถานี uneo ก่อน เพื่อทำการเปลี่ยนตั๋วก่อน
(เราและเพื่อนสาวได้ทำการสอดบัตรโดยไม่เปลี่ยนตั๋วก่อน ปรากฏว่าประตูมันจะไม่ยอมเปิดให้และจะมีไฟสีแดงขึ้น จนท.ก็จะขอดูบัตร และบอกว่าให้ไปเปลี่ยนตั๋วก่อน 555 ตลกดี ปล่อยไก่ตลอดๆ)



ได้ตั๋วมาแล้วก็ไปรอขึ้นรถไฟที่ชานชาลา ที่1
ที่ตั๋ว เรา เป็นเวลา 9.27น. ก็รอขึ้นรอบนั้นนะคะ ระหว่างนั้นอาจจะมีรถไฟผ่านมาจอดอีกหลายขบวน
ให้สังเกตที่จอ จะมีแจ้งเวลาอยู่ ดูข้างตูรถไฟจะมีแจ้งสถานนีปลายทาง เราก็ต้อง เลือกที่เขียนว่า ueno ค่ะ
รถมาตรงเวลามากเลย มาช้านิดเดียวก็ตกรถได้เลยล่ะ



ภายในรถไฟ จะมีที่นั่งเป็น แถว 2-2
มีปลั๊กไปให้ชาร์ทแบตด้วยนะอยู่ตรงระหว่างเบาะคู่หน้าด้านล่าง เลอค่ามากกกกกก

ถึงสถานีปลายทาง ueno ใช้เวลาประมาณ 40นาที
จากนั้นก็ใช้แผนที่ลายแทงเลยค่ะ ขึ้นsubway เพื่อเดินทางไปที่พักก่อน
คืนแรก เราค้างกันที่ hotel horidome villa
จาก ueno  เลือกสายสีเทา(Hibiya line) H17 นั่งไปลงที่ kodemacho H14  
เดินมาโผล่บนดินตามรีวิวที่เคยอ่าน ปรากฏว่าหลงกันค่ะ จนเดินไปเจอแผนที่



กว่าจะรู้ตัวว่าหลงทางก็เดินมาไกลมากแล้ว สาวๆทั้งสี่คนต้องลากกระเป๋ากลับเส้นทางเดิม
วิชาการดูแผนที่ของแต่ละนางก็นะ555 เดินไปตามทางที่คิดว่าน่าจะถูกบวกกับดูรีวิวประกอบ
แล้วก็ค้นพบว่า รีวิวนั่นลงคนละสถานีกันกับ เราเลยต้องเดินๆไป ลังเลอยู่นาน
เลยลองเข้าไปถามคุณลุงที่ยืนทำงานอยู่แถวๆนั้นปรากฏว่าดูท่าทางว่าแกก็ไม่รู้จักรรที่เราไปพัก
เราทำการตัดสินใจเดินต่อตามแผนที่ๆเจอ เดินไป2บล็อคก็ค่อยโล่งใจ ในที่สุดก็เจอ

(เห็นมั้ยว่าหลงตั้งแต่เริ่มแรกเลย ตอนนั้นยังไม่ฉลาดกันไม่ยอมเปิด GPS 555)



ถึงแล้วก็จัดการเช็คอินล่วงหน้าไว้ โดยฝากกระเป๋าไว้ รับกุญแจ แต่เราจะเข้าพักได้จริงๆ หลัง 15น.
(กลับเข้าที่พักอีกที เค้าก็ยกกระเป๋าไปไว้ที่ห้องเรียบร้อยโรงเรียนเจแปนเลยค่ะ อิอิ)
ชื่อสินค้า:   เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  เที่ยวต่างประเทศ Backpack
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่