...Dollar-Cost Averaging... การออมหุ้นยังช่วยลดความผันผวนได้ดีกับสถาณการณ์ปัจจุบันอยู่หรือไม่

ผมเป็นคนที่ผ่านการลงทุนมาไม่ต่ำกว่า 5 ปี ผ่านมาทั้งหุ้นและฟิวเจอร์
แต่ก็แทบจะไม่ประสบความสำเร็จกับการลงทุนเลยก็ว่าได้
เมื่อก่อนผมเห็นว่าการออมหุ้นเป็นเรื่องของคนที่ไม่มีเวลา
แต่พอมองย้อนกลับไปก็พบว่าจริง ๆ แล้วก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีในการลงทุน
ช่วยลดความผันผวนของพอร์ดการลงุทนได้พอสมควร
ไม่ต้องเสียเวลามานั่งเฝ้า และจะได้มีเวลาไปคิดเรื่องงานเพิ่มมากขึ้นด้วย

คำถาม คือ
1. ผมคิดถูกหรือไม่ครับถ้าจะเปลี่ยนวิธีการลงทุนแบบปัจจุบันมาเป็นการออมหุ้นแทน
1. ถ้าผมจะเปิดบัญชีออมหุ้นผมควรจะมีหลักการเลือกหุ้นอย่างไรครับ
2. ข้อดี ข้อเสีย ของการออมหุ้น ถ้าเปรียบเทียบกับการลงทุนด้วยตนเอง อย่างไหนดีกว่ากัน

ขอบคุณล่วงหน้าครับ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ประสบการณ์ลงทุนของผมแค่ 3 ปีกว่านะครับ (เริ่มตอนปี 4 ปัจจุบันทำงานได้ 2 ปีแล้ว)
ถ้าพี่ไม่รังเกียจว่าเป็นความคิดเห็นของคนประสบการณ์น้อยกว่า รบกวนอ่านได้เลยนะครับ

ตอบหัวข้อก่อนนะครับ DCA ช่วยลดความผันผวนได้ในทุกสถานการณ์ครับ
แต่ในเงื่อนไขที่ว่า หุ้นตัวนั้นควรเป็นไซด์เวย์ หรือมีปันผลแน่นอนรองรับ
ถ้าเป็นไซด์เวย์ดาวน์หรือดาวน์เทรนด์ ก็ไม่ควรเฉลี่ย (เว้นแต่เป็นวีไอ เลือกหุ้นดีแล้ว
ตอนมันราคาลงก็ซื้อได้)

1. 2. 3. ตอบรวมกัน ผมคิดว่าลองดูก็ไม่เสียหายนะครับ พี่ไม่จำเป็นต้องเปิดบัญชีออมหุ้นก็ได้
แต่ทำการออมหุ้นในพอร์ตตัวเองเลย ค่าธรรมเนียมถูกกว่า ถึงจะซื้อได้ในจำนวนเงินที่ไม่เท่ากันทุกเดือน
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว เพราะเราเอาคอนเซปท์ คือ ซื้อเฉลี่ยไปเรื่อยๆ ให้ราคาได้กลางๆ บวกลบนิดหน่อย

ผมมีกลยุทธ์เกี่ยวกับการออมหุ้นที่ใช้อยู่ คือ ผมจะเลือกออมหุ้นในหุ้นปันผล เอาซัก 5% ขึ้นไป
การซื้อคือซื้อไปเรื่อยๆ ทุกสัปดาห์ เช่น สัปดาห์ละ 100 หุ้น (หรือเท่าไหร่ก็ได้ที่เงินทั้งเดือนหาร 4 ลงตัว
คือแทนที่เราจะ DCA เดือนละครั้ง เราก็ซอยเป็นซื้อเดือนละ 4 ครั้ง ให้มันเฉลี่ยลงไปอีก)
ปีนึงเราจะได้ซื้อหุ้นถึง 48 ครั้ง หรือจะซื้อเพิ่มให้เป็น 52 ครั้งตามจำนวนสัปดาห์เลยก็ได้

สมมติว่าซื้อหุ้นแล้วหุ้นตก พี่ก็ซื้อไปเรื่อยๆ ช่างหัวราคามัน พี่ก็จะได้ของราคาถูกลง ได้ปันผลเพิ่มขึ้น
ได้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น (เพราะซื้อหุ้นแล้วเงินยังเหลือ เลยซื้อหุ้นเพิ่มได้อีก)
หุ้นจะตกทั้งปีทั้งชาติก็เรื่องของมัน ติดดอยกี่ปีก็ไม่เป็นไร
เพราะพี่ได้ปันผลที่สูงเป็นสองเท่าของฝากประจำอยู่แล้ว

เมื่อไหร่ที่ราคาหุ้นเหวี่ยงขึ้นรอบนึง อาจจะได้ซัก 10 - 20% พี่ก็ขายทิ้งไปซะทีนึงให้หมดพอร์ต
(อย่าเผลอทยอยขาย เพราะมันเป็น FIFO อาจเผลอขายตัวที่ต้นทุนสูงจนขาดทุน)
ก็ได้กำไร แล้วก็ไปเริ่มทำ DCA แบบนี้กับหุ้นตัวใหม่อีก
อาจจะไม่ได้กำไรมาก แต่ก็เป็นวิธีที่น่าสนใจแบบนึงนะครับ

ปล.หุ้นที่เลือกซื้อต้องเป็นหุ้นปันผลของแท้ สินค้าขายได้เรื่อยๆ มีความมั่นคงนะครับ
ปล2.ถ้าได้หุ้นดีจริงแล้ว พี่เฉลี่ยราคาอย่างมีวินัยแล้ว ไม่ต้องกลัวว่ามันจะไม่เหวี่ยงขึ้นให้ขายเลยครับ
      เผลอๆ ไม่กี่เดือนก็ได้ขายแล้ว เจ้ามือหุ้นไทยเราน่ารักจะตาย หุ้นเน่าๆ ขาดทุนยังปั่นได้เป็นร้อยๆ เปอร์เซ็นต์
      หุ้นดีมีกำไรจะไม่เหวี่ยงขึ้นให้ขายซักรอบก็ใจร้ายเกินไปแล้วล่ะ

Edit : จากความเห็น 5 ที่มาเพิ่มเติมนะครับ ใช่ครับ นี่คือการซื้อถัวรอจังหวะขาย
       แต่ถ้ามันทำให้เราปลอดภัย และทำกำไรได้ ผมไม่เห็นว่าทำแบบนี้แล้วจะเสียหายตรงไหน
       ความรู้ที่ดีเกิดจากการต่อยอดความรู้เก่า เอาไปประยุกต์ใช้ได้ไม่ใช่หรือ
       แต่ถ้าจะ DCA แบบดั้งเดิมเลย ผมเห็นว่า เหมาะกับหุ้นเติบโตที่จะถือไปในระยะยาวหลายๆ ปี
       เพื่อใช้ประโยชน์จากการลดต้นทุนระยะยาว และผมแนะนำเหมือนเดิมว่า
       ควรจะซอยซื้อสัปดาห์ละครั้งไปเลยถ้าทำได้ครับ (ถ้าไม่เบื่อเปิดหน้าจอซะก่อน)

Edit2 : จากความเห็น 5 ที่แก้ไขเพิ่มนะครับ
       ข้อดีจริงๆ ของมันไม่ได้หายไปครับ แต่เพราะข้อดีของมัน "ยังอยู่" ต่างหาก
       เราถึงเอามันมาประยุกต์ใช้เก็งกำไรได้
       พี่ จขกท.ลองอ่านพิจารณาเปรียบเทียบดูนะครับ ทุกอย่างอธิบายชัดเจนทีเดียว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่